Advertisement
ซิทคอม” ละครตลกสถานการณ์ขนาดสั้น หลายเรื่องที่ออกอากาศ ในบ้านเราตอนนี้ ทั้ง เป็นต่อ, บ้านนี้มีรัก ,เฮงเฮงเฮง ,บางรักซอย 9 ในเครือเอ็กแซ็กท์
แน่นอนว่า "เกลือ กิตติ เชี่ยววงศ์สกุล" ชื่อของชายหนุ่มหน้าตาตี๋วัย 29 ปี เมดอินอุดรธานี มีส่วนร่วมทั้งในมาดคนเขียนบท คนกำกับ และนักแสดง หลายคนคุ้นเคยเรียกชื่อผู้ชายคนนี้ว่า "วอก" ตามชื่อนักแสดงใน “เป็นต่อ” ความฮาและมุกสดต่างๆ
จากการกำกับของเขาคนนี้หลากมุมที่น่าสนใจกับผู้ชายธรรมดา ไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นมากนักเรื่องการใช้ชีวิต แต่ละครซิทคอมของเขาได้รับความนิยมแทบทุกเรื่อง วันนี้ M-Open ได้บุกเจาะชีวิต สำรวจแนวคิด "เกลือ" บุรุษที่ไม่เค็มแต่อร่อยกำลังดี
"เกลือ" ชื่อเล่นที่แม่ตั้งให้เพราะคาดหวังว่าหากมีลูกจะตั้งชื่อให้ว่า "พริกกะเกลือ" ให้เข้ากับอาชีพขายอาหารอยู่ที่ จ.อุดรธานี แต่ผิดคิวแม่มีลูก 3 คน ในฐานะคนกลางและเพศชายเขาจึงได้ชื่อนี้มาครอง เกลือเล่าถึงชีวิตในวัยเด็กว่าไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากกว่าเด็กทั่วไป ไม่เกเร ไม่รักเรียน แต่ครอบครัวไม่เคยปิดกั้นความฝัน แต่ต้องฝ่าฟันเอาเอง
"ผมขออะไรแม่ให้เรียนหมด เราก็เรียนทุกอย่างที่ไม่ใช่วิชาการ (หัวเราะ) ขอไปเรียนวาดรูป ร้องเพลง เลอะเทอะ แม่ส่งหมดแต่คณิตศาสตร์ไม่เอา แม่เคยถามทำไมไม่เรียนอะไรที่มันเหมือนชาวบ้านเขา" ผู้กำกับหนุ่มเล่าถึงชีวิตการเรียนสมัยเด็กให้เราได้ฟังแบบไม่อาย
"ช่วงเรียนม.ปลายยิ่งแย่มาก เรียนได้เกรด 1.9 ดีใจมาก (ยิ้ม) พอจบ ม.5 ไปเรียนมหาวิทยาลัยเถอะลูกเอ๊ยแม่บอกแบบนั้น อยู่รอสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็คงไม่ดีขึ้นมา มาเรียนมหาวิทยาลัย แม่ตั้งกฎว่าจะเลือกอะไรก็ได้ แต่ถ้าเรียนไม่จบก็กลับไปช่วยแม่ขายข้าวแกงที่อุดรฯนะ" ….ผู้กำกับหน้าตี๋จากที่ราบสูงบอกกับเราแบบนั้น
ก่อนจะมองถึงรุ่นน้องที่เพิ่งสอบเอเน็ต-โอเน็ต เข้ามหาวิทยาลัยกันไปว่า แท้จริงแล้ว พ่อแม่คือตัวแปรสำคัญในการผลักดันฝันของลูกไม่แพ้กัน
ด้วยเลือดนิเทศฯเต็มตัว เกลือบอกกับเราว่า มันคือฝันที่ไม่มีใครบังคับ แค่ตั้งใจและอยากไปเรียน แบบบอกไม่ถูก และนั่นคือจุดเริ่มต้นของชีวิตที่หาสาระจนเจอ มากกว่าวัยมัธยมปลายที่แสนย่ำแย่ของเขา
"คิดจะเรียนนิเทศฯ ชอบแต่เด็กๆ แม่คงจะถามว่ามึงอยากเป็นดาราเหรอ หน้าตามึงก็แบบนี้ (หัวเราะ) เราก็อยากเรียนจริงๆ จนแม่เขายอมตอนหลัง เลยพูดว่าเรียนมั้ย นิเทศฯม.กรุงเทพ เขาจะมีตังค์ส่งเรามั้ย แต่มีเขาส่งได้ เขารักเรามากนะ พอได้เรียนไม่เคยรู้สึกอยากเรียนหนังสือจนเข้ามหาวิทยาลัยนี่แหละครับ”
"ผมชอบการแสดงตั้งแต่เด็ก แต่แม่ขึ้นไปตีบนเวทีตอนเราประกวดเต้น แม่บอกกูอาย (หัวเราะ) พอมาเรียนนิเทศ ฯ ไม่มีใครบังคับ เทอมแรกเกรด 3.3 ตกใจทำได้ไงวะ บอกแม่ แม่ด่าหาว่าโกหก พี่ผมเป็นทันตแพทย์ น้องผมเป็นสัตวแพทย์ สายวิทยาศาสตร์หมด มี 3 คน เราคนกลาง เราคือหลุมดำของบ้าน พี่น้องเก่งเลยเรียนห้องเก่ง เรานี่ห้อง 14 จาก16 ห้องนะ แม่ส่งผมไปเรียนพิเศษฟิสิกส์หาความยาวคลื่น ผมจะเรียนไปทำไมตอนนั้นคิดแบบนั้น เลยบอกแม่ว่าไม่เรียน เพื่อนผมบอกนะว่าช่วยได้เรื่องแทงสนุก ซึ่งผมก็ไม่ได้แทงตอนนั้น (ยิ้ม) แล้วไม่ชอบตีรันฟันแทงด้วย ผมกลัวเลือด" เจ้าตัวเล่าทางหักเหของชีวิต
ที่นิเทศศาสตร์ ม.กรุงเทพ เกลือมีโอกาสได้เข้าวงการบันเทิงและได้เดินตามฝันที่เจ้าตัวคิดไว้ เขาได้มีโอกาสพบ "บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ" บอสใหญ่เอ็กแซ็กท์และซีเนริโอ เจ้าของค่ายละคร ผู้กำกับละคร ละครเวที และนั่นคือก้าวแรกของการก้าวเข้าสู่ละครเวทีที่เขากล้าเรียกว่าคือจุดกำเนิดของเขา…
"ผมเกิดจากละครเวทีนะ ออดิชันติดวิมานเมืองฯ เราก็มาเล่นมาเจอพี่บอยก็สอนให้เรารักละครเวที พอจบปีสองเลยเรียนด้านละครเวที พอเรียนจบมาก็อยากทำทีวี ทำมา 7 ปีก็กลับมาทำสิ่งที่เราเริ่มต้นอีก ผมว่าละครเวทีคนไทยตอบรับมากขึ้นนะ ดีกว่าเมื่อก่อนที่มันออกแนวไม่รู้เรื่อง ซึ่งผมเองก็ดูไม่เข้าใจ ไม่มีความสุขกับอาการติสต์ ไม่ได้บอกไม่ดีนะครับ แต่ผมไม่ชอบ เรามีอาร์ตในแบบของเราที่ชอบให้ทุกคนเข้าใจได้ ประเภทปีนบันไดดูผมไม่ชอบครับ ไม่แฮปปี้ แต่แนวนั้นเขาก็มีคนชอบของเขา”
หลังจากมีแนวทางของตัวเอง เขาได้มีโอกาสเขียนบทและกำกับเอง จนมีชื่อเสียงรวมทั้งตัวเขาได้นั่งแท่นผู้กำกับซิทคอมด้วยวัยยังไม่ถึง 30 หลายต่อหลายเรื่อง เจ้าตัวบอกกับทีมงาน M-open ว่าความมุ่งมั่นจะเป็นผู้กำกับของเขาไม่ใช่การนั่งอ่านหนังสือมากมาย เฉกเช่นผู้กำกับคนอื่น แต่เขาเลือกใช้วิธีการพูดคุยและใช้ชีวิตกับคนรอบข้างในการคิดมุก
"ส่วนใหญ่คนจะบอกว่าคนเขียนบทต้องอ่านหนังสือ ผมไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือยาวๆ อ่านบ้างแต่ไม่เยอะ เหนื่อย อ่านเกร็ดความรู้สั้นๆ เรื่องสั้น สนุกสนาน ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในการพูดคุยกับคนเสียมากกว่า ร่ำเรียนในสิ่งที่ตัวเองสนใจในช่วงนั้น บทที่ได้ส่วนใหญ่ได้มากจากการใช้ชีวิตมากกว่าอ่านครับสำหรับผม ดูทีวีเยอะ"
"คิดมุกแล้วมุกไหนขำไม่ขำ เราวัดจากตัวเราเองก่อน ผมเป็นคนค่อนข้างขำง่ายถ้าตัวผมไม่ขำนั่นแปลว่ามันไม่ขำ พอวัดจากตัวเองแล้วก็ไปวัดจากทีมงาน อ่านบทร่วมกัน ขำมั้ยเช็กกันดู เช็กหลายระบบ มีคนดูมาดูจริงๆ ถ้าคนดูไม่ขำเราต้องยอมรับว่ามันไม่ขำ ส่วนหลังม่านที่เขาว่า หน้าฉากตลกคนทำเครียดจริงครับ
บางครั้งคนทำงานตลกส่วนใหญ่จะเครียดนะ อย่างเป็นต่อยังไม่ถ่ายเราเริ่มเฮฮา แต่พอเริ่มถ่ายเครียดนะ จริงจัง ตลกหลายคนก็เครียดนะ กระแหนะกระแหนจิกด่ากันเลยในกอง พี่เจี๊ยบ เชิญยิ้ม พี่อู๊ด เหนื่อย อกหักก็มาบ่น ด่าทอกันไปวันๆสนุกดี แต่เข้าฉากเริ่มเครียด"
แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ คนตกงานเดินหัวแทบชนกัน การเมืองหาข้อสรุปไม่เจอ ผู้กำกับรวยเสียงฮา บอกกับเราว่า ซิทคอมสามารถถ่ายทอดเรื่องราว ต่างๆของสังคมได้ รวมไปถึงเรื่องการเมืองที่เขาสามารถล้อเลียนได้อย่างลงตัวในละคร แต่ภายใต้ "เส้น" ที่ไม่เล่นจนเกินงาม
"การเมืองก็เหมือนกับมนุษย์นะผมว่า นายกฯหรือรัฐมนตรีก็เป็นมนุษย์ เราก็ต้องดูก่อนเขาเครียดหรือไม่ อย่างบางเรื่อง บางคนเขามีปัญหาเรื่องนี้มาแต่เขาไม่เครียดก็เล่นได้ ไม่ใช่เขาโดนยิงมา ยังไม่หาย แบบนี้แล้วเราไปล้อเขา มันก็ไม่ได้ มันต้องดูไง การเมืองกับตัวบุคคลไม่เหมือนกัน ผมสามารถล้อเรื่องการเมือง เรื่องระบบได้ ถ้าผมเห็นว่ามันตลก แต่ไม่ล้อบุคคล ถ้าบุคคลนั้นเขาไม่พร้อม เราต้องมีเส้นว่ามันไม่ได้นะ"
เขาบอกกับเราว่าความภาคภูมิใจในชีวิต จากซิทคอมไม่ได้มีแค่ความฮาที่เขาพยายามนำเสนอเท่านั้น หลายแง่คิดที่เขาอยากถ่ายทอดแฝงสาระไว้เสมอ
"ซิทคอมบ้านนี้มีรัก ความเป็นครอบครัวใหญ่มันต้องมีบ้างในละครนั่นคือแรงบันดาลใจจากเป็นต่อที่เขามีกันสองคนพี่น้อง บางตอนเนี่ยร้องห่มร้องไห้เลย ผมหนีมาตลอด ไม่ชอบดราม่าเพราะผมเครียด เพราะเวลาผมเข้าไปทำละครอะไรเนี่ยเป็นคนเครียดง่าย พล็อตบ้านนี้มีรักไม่ได้ตลกนะ แม่เป็นมะเร็ง พี่สาวท้องแล้วลูกเป็นออทิสติก สุดท้ายแท้ง แล้วนี่ล่าสุดน้องไปมีเมียแบบไม่ตั้งใจแล้วท้อง ปัญหามันเยอะ และมีอยู่จริง แต่เราทำให้มันคอมเมดี้ แล้วสอนว่าชีวิตมันก็เป็นแบบนี้แหละ จงสนุกและต้องเผชิญหน้ากับมัน อย่าท้อแท้แล้วอย่าคิดว่า เราทำอะไรไม่ได้ ที่จริงมันทำได้ครับ"
ทำงานมือเป็นระวิง แต่หนุ่มเกลือเผยว่าชีวิตส่วนตัวกับแฟนสาวก็ยังคงดำเนินไป และอีกฝ่ายต้องทำความเข้าใจอย่างหนักทั้งเรื่องเวลาและชีวิตส่วนตัวที่ปรับเข้าหากัน ส่วนฝันอันใกล้ของเขาที่กำลังลงมือทำอยู่ขณะนี้คือผู้กำกับ 2 ละครเวทีฟอร์มยักษ์ แม่นาคฯเดอะมิวสิคคัล ที่จะออกสู่สายตาในเดือนพ.ค.ที่จะถึงนี้ “เกลือ” กำลังเป็นต่อด้านความคิดในการทำงาน และมีรากฐานแห่งการคิดที่เค็มกำลังพอดีเมื่อเทียบกับความสำเร็จของเขา...
*****
His Think ?
ผมจะบอกว่าการสอบเข้า หรือการทำความฝันอะไรก็ตาม เด็กไม่เท่าไหร่ไม่ห่วง แต่พ่อแม่มีส่วนสำคัญ ถ้าพ่อแม่รู้สึกว่าลูกอยากเรียนอะไรจริง ๆ ถ้าเขาพิสูจน์ได้ว่าเรารักอะไรสักอย่าง ชีวิตที่ดีไม่จำเป็นว่าต้องเป็นหมอ เป็นทนาย หรือเป็นอะไรหรอก คือถ้าวันหนึ่งเขาอยากทำรองเท้า ก็อาจเป็นคนขัดร้องเท้าร่ำรวยก็ได้ ถ้าเขารักจริงก็ให้ทำตามฝันเขา ไม่ได้บอกว่าผมเป็นตัวอย่างที่ดีนะ แต่อยากจะบอกว่าใครเรียนหมอได้เรียนไปเถอะครับ มันดีจริงๆ แต่ถ้าใครที่รักอาชีพแบบผม นอนเช้า ตื่นบ่ายมันแล้วแต่ว่าคุณเลือกไปแบบไหน"
Profile
“เกลือ” กิตติ เชี่ยววงศ์กุล อายุ 29 ปี
อาชีพ นักแสดง ผู้กำกับ เขียนบทละครซิทคอม เป็นต่อ,บ้านนี้มีรัก,เฮงเฮงเฮง,บุญดีผีคุ้ม,บางรักซอย 9 และผู้กำกับ 2 ละครเวที แม่นาคพระโขนง เดอะมิวสิคคัล
วันที่ 11 พ.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,161 ครั้ง เปิดอ่าน 7,148 ครั้ง เปิดอ่าน 7,150 ครั้ง เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,149 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,147 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,186 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,149 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,147 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 1,280 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,029 ครั้ง |
เปิดอ่าน 17,433 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,667 ครั้ง |
เปิดอ่าน 16,219 ครั้ง |
|
|