Advertisement
❝ เสียดาย สังคมมองข้าม คราเมื่อยามไม่สงบสุข ปรับทุกข์กับ MQ ❞
ความฉลาดด้านจริยธรรม(MQ)…สำคัญอย่างไร
|
หากพูดถึงความฉลาด คนส่วนใหญ่มักนึกถึงแต่เรื่องของIQหรือความฉลาดด้านสติปัญญาเท่านั้น แต่จริงๆแล้วความฉลาดครอบคลุมในบุคลิกภาพของมนุษย์ได้หลายด้าน ดังนี้
1. IQ(Intelligence Quotient) คือ ความฉลาดทางสติปัญญาหรือเชาว์ปัญญาของคน
2. EQ(Emotional Quotient) คือ ความฉลาดทางอารมณ์ การแสดงออกโดยการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
3. PQ(Play Quotient) คือ ความฉลาดที่เกิดจากการเล่นและการริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งต่างๆด้วยตนเอง
4. AQ(Adversity Quotient) คือ ความฉลาดในการเพียรพยายามแก้ปัญหาให้สำเร็จด้วยตนเอง
5. MQ(Moral Quotient) คือ ความฉลาดด้านจริยธรรม
เป็นที่น่าแปลกใจว่าในบรรดาความฉลาดด้านต่างๆข้างต้นนี้ ความฉลาดทางด้านจริยธรรมหรือMQ เป็นสิ่งที่สังคมยังไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าที่ควร ซึ่งจริงๆแล้วในยุคปัจจุบันนี้ที่สังคมมีทั้งความวุ่นวายและปัญหาความไม่สงบสุข ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเกิดจากจริยธรรมในจิตใจของคนเรานั้นเริ่มถดถอยลง อาจเพราะการต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้อยู่รอดจนลืมนึกถึงการมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้แก่กันและกัน นอกจากนี้อาจเป็นเพราะว่าสังคมทุกวันนี้นิยมยกย่องคนเก่ง คนกล้า จนลืมนึกไปว่าการเป็นคนเก่งอย่างเดียวนั้นไม่พอ แต่ต้องเป็นคนดีด้วย เพราะความเป็นคนดีมีจริยธรรมนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างให้สังคมอยู่เย็นเป็นสุข
อยากให้ลูกมีความฉลาดทางด้านจริยธรรมทำอย่างไร
1. คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นต้นแบบจริยธรรมแก่ลูก ความฉลาดทางจริยธรรมเป็นจิตสำนึกที่ต้องถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะในเด็กช่วงวัย 2-10 ปี ซึ่งถือได้ว่ามีพัฒนาการทางด้านจริยธรรมอยู่ในระดับก่อนกฎเกณฑ์สังคม (Pre-Conventional Level) โดยเด็กในระดับนี้จะรับกฎเกณฑ์และข้อกำหนดของพฤติกรรมที่ “ดี”และ “ไม่ดี” จากผู้ที่มีอำนาจเหนือตนเช่น พ่อแม่(Kohlberg Theory) ดังนั้นพ่อแม่จึงมีบทบาทอย่างมากในการสร้างจิตสำนึกที่ดีให้แก่ลูก ทั้งการประพฤติตนเป็นต้นแบบทางจริยธรรมให้แก่ลูก เช่นแสดงความซื่อสัตย์ ความกตัญญูรู้คุณ ความยุติธรรม ความเมตตากรุณา ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
นอกจากนี้พ่อแม่ต้องอบรมสั่งสอนลูกว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด เพื่อที่ลูกจะได้ซึมซับจดจำต้นแบบที่ดีและการสั่งสอนเหล่านี้ไปประพฤติปฏิบัติจนติดเป็นนิสัย แต่พ่อแม่ควรจำไว้ว่าการปลูกฝังให้ลูกมีจิตสำนึกทางจริยธรรมที่ดีนั้นไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เมื่อลูกได้ซึมซับจิตสำนึกแห่งจริยธรรมตั้งแต่เด็กแล้ว สิ่งนี้จะอยู่กับเขาไปตลอด เหมือนวัคซีนคุ้มกันให้เขาอยู่รอดเป็นคนดีในสังคมได้ตลอดชีวิตของเขา
2. ให้ลูกได้ใกล้ชิดกับศาสนาหรือหลักศีลธรรม แก่นแท้ของทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกได้ใกล้ชิดกับศาสนาหรือหลักศีลธรรมตั้งแต่เขายังเด็ก เริ่มจากวิธีการง่ายๆ เช่น หาหนังสือที่มีเนื้อหาหรือข้อคิดในเรื่องศีลธรรมมาให้ลูกอ่านหรืออ่านให้ลูกฟัง หรือถ้าเป็นไปได้ครอบครัวควรจะได้พากันไปในสถานที่ทางศาสนา เช่น หากเป็นครอบครัวชาวพุทธก็พาลูกไปวัดเพื่อไปฟังเทศน์ฟังธรรม หากเป็นครอบครัวชาวคริสต์ก็พาลูกไปโบสถ์เพื่อไปนมัสการพระเจ้าหรือหากเป็นครอบครัวอิสลามก็พาลูกไปมัสยิดเพื่อเรียนรู้ข้อบัญญัติเกี่ยวกับการปฏิบัติและจริยธรรมต่างๆ การปลูกฝังหลักศีลธรรมและหลักธรรมคำสอนของศาสนาไว้ในกายและใจของลูกด้วยวิธีเหล่านี้ จะช่วยให้เขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตใจบริสุทธิ์ คิดดี ทำดีและมีศีลธรรมที่ดี
3. ให้ลูกเรียนรู้จริยธรรมผ่านกิจกรรมที่เขาชอบ
- นิทานและเพลง เป็นสื่อที่เข้าถึงเด็กได้ง่ายและดีที่สุดอย่างหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกนิทานหรือเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ ความกตัญญู ความซื่อสัตย์ การช่วยเหลือ การแบ่งปัน การรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มาใช้ในการจัดกิจกรรมสำหรับเด็กๆเพื่อช่วยพัฒนาจริยธรรมและคุณธรรมให้งอกงามขึ้นในใจของพวกเขา
-ทำกิจกรรมเพื่อสังคม ในวันหยุดบางครั้งแทนที่คุณพ่อคุณแม่จะพาลูกไปเที่ยวสวนสนุกหรือห้างสรรพสินค้า ควรลองพาลูกๆไปทำประโยชน์แก่สังคมบ้าง เช่นการไปเยี่ยมผู้ขาดแคลนไร้โอกาสตามสถานสงเคราะห์ต่างๆ ทั้งบ้านเด็กกำพร้า บ้านเด็กพิการทางร่างกายหรือทางสมอง บ้านพักคนชรา โดยให้ลูกมีส่วนร่วมในการช่วยจัดหาของเล็กๆน้อยๆไปแบ่งปัน หรือพาเขาไปบริจาคสิ่งของและเยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยต่างๆ หรืออาจจะพาลูกไปเข้าร่วมกิจกรรมเก็บขยะตามชายหาด กิจกรรมปลูกป่า หรือดูแลสัตว์ที่เจ็บป่วย ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะสอนให้เขาได้เรียนรู้ที่จะเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ไม่เห็นแก่ตัว มีจิตใจเมตตากรุณา รักในการช่วยเหลือและรักสังคมที่เขาอยู่
ผู้เขียนเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคนอยากให้ลูกของเรามีความฉลาดในทุกๆด้าน โดยเฉพาะความฉลาดทางด้านสติปัญญาหรือมี IQดี แต่ผู้เขียนก็เชื่อว่าไม่มีคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่อยากให้ลูกเก่งอย่างเดียวแต่ไม่เป็นคนดี ลองนึกย้อนไปคิดดูซิว่า ตอนที่เรารู้ว่าลูกของเราจะได้เกิดมาบนโลกใบนี้ สิ่งแรกที่เราหวังและขออยู่ในใจคืออะไร คงไม่ลืมใช่ไหมว่า “ขอแค่ลูกเป็นคนดี” แค่นี้ก็ดีเพียงพอแล้ว
ดร.แพง ชินพงศ์
ข้อมูลจาก : http://www.manager.co.th/Family/ViewNews ขอบคุณ
|
วันที่ 9 พ.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,157 ครั้ง เปิดอ่าน 7,177 ครั้ง เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,134 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,150 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,144 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,135 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,136 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 2,852 ครั้ง |
เปิดอ่าน 16,164 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,402 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,132 ครั้ง |
เปิดอ่าน 20,210 ครั้ง |
|
|