คุรุสภาชูนโยบาย "เรียนดี มีความสุข" มุ่งสร้างครูดี มีความสุข ส่งเสริมความก้าวหน้าบุคลากรทางการศึกษา เพิ่มโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา และศึกษานิเทศก์
ตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของกระทรวงศึกษาธิการ โดย รมว.ศธ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่มุ่งเน้นให้เกิดคุณภาพการศึกษาแก่ผู้เรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาจึงเป็นบุคคลที่สำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ คุรุสภาจึงได้หารือกับ สพฐ. และ ก.ค.ศ. เพื่อที่จะหาแนวทางเปิดโอกาสให้บุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่ม รวมถึงบุคลากร 38 ค.(2) และศึกษานิเทศก์ ที่มีความรู้ ความสามารถและมีจิตสำนึกได้มีโอกาสทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของเด็กไทย
คุรุสภาจึงได้ขับเคลื่อนนโยบาย เรียนดี มีความสุข ส่งเสริมความก้าวหน้าให้บุคลากรทางการศึกษาได้มีโอกาสเข้ามาเป็นผู้บริหารสถานศึกษา และศึกษานิเทศก์ โดยการปรับข้อบังคับมาตรฐานวิชาชีพ และได้นำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคุรุสภา ครั้งที่ 6/2567 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน 2567 และคณะกรรมการคุรุสภามีมติเห็นชอบในหลักการ ร่าง ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับที่ 6) พ.ศ…. ที่มีการปรับแก้ไขมาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพ เพื่อเปิดโอกาสให้บุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค.(2) ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูและสำเร็จการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา สาขาบริหารการศึกษา สามารถเทียบประสบการณ์การบริหารในหน่วยงานเขตพื้นที่ เพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาได้และให้ผู้ที่มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสอนในสถาบันและมีประสบการณ์การนิเทศ หรือการกำกับติดตาม หรือการวิจัยร่วมกับสถานศึกษา ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู สามารถขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพศึกษานิเทศก์ได้
ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า สำหรับการเปิดโอกาสให้บุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค.(2) ที่มีประสบการณ์ในตำแหน่งหัวหน้างาน หรือตำแหน่งบริหารอื่นๆ ในหน่วยงานการศึกษา ใช้ประสบการณ์ประกอบการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา ยังต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนด คือ ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูมาก่อน และในส่วนของวิชาชีพศึกษานิเทศก์ ได้แก้ไขมาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพ ให้มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาหรือสถาบัน และมีประสบการณ์การนิเทศ หรือการกำกับติดตาม หรือการวิจัยร่วมกับสถานศึกษา เพื่อให้ผู้ที่มีประสบการณ์ตามที่กำหนด สามารถขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพศึกษานิเทศก์ได้ ซึ่งแนวทางการดำเนินการนี้ เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่สนับสนุนการเปิดโอกาสให้บุคลากรทางการศึกษาสามารถเลือกเปลี่ยนสายงานได้ เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าในวิชาชีพ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มช่องทางให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาสู่วิชาชีพครูมากขึ้นด้วย
“การปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาและศึกษานิเทศก์ครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความก้าวหน้าสำหรับกลุ่มบุคลากรทางการศึกษาผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานทางการศึกษา ที่มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์ ให้สามารถมีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาและศึกษานิเทศก์ได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งบุคคลและหน่วยงานทางการศึกษาที่เกี่ยวข้อง ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการ ร่าง ข้อบังคับคุรุสภา ฉบับดังกล่าว
คุรุสภาได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็น ผ่านเว็บไซต์คุรุสภา https://www.ksp.or.th/2024/06/26/51173/ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 เพื่อจะนำข้อมูลความคิดเห็นที่ได้รับไปประกอบการพิจารณาดำเนินงาน และหลังจากนี้คุรุสภาจะจับมือกับ ก.ค.ศ. และ สพฐ. กำหนดรายละเอียดต่อไป” เลขาธิการคุรุสภากล่าว.
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา