ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมงานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคม  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

กสศ. โชว์ 4 โครงการสร้างความเสมอภาคการศึกษาไทย ปี 64 ชวนคนไทยบริจาคช่วยเด็กและเยาวชนหลุดออกนอกระบบกลับมาเรียนอีกครั้ง


งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคม 10 ธ.ค. 2564 เวลา 07:49 น. เปิดอ่าน : 14,347 ครั้ง
Advertisement

กสศ. โชว์ 4 โครงการสร้างความเสมอภาคการศึกษาไทย ปี 64 ชวนคนไทยบริจาคช่วยเด็กและเยาวชนหลุดออกนอกระบบกลับมาเรียนอีกครั้ง

Advertisement

กรุงเทพฯ 9 ธันวาคม 2564 – กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เดินหน้าสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา ชูต้นแบบ 4 โครงการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาไทย ได้แก่ 1.โครงการสู้วิกฤตให้น้องอิ่ม 2.โครงการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 3.อาสาสมัครช่วยเหลือเด็กเยาวชนในภาวะวิกฤตทางการศึกษา 4.เครือข่าย ALL FOR EDUCATION ผ่านความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ ประชาชน และภาคเอกชน ในรูปแบบเงินสนับสนุนและเงินบริจาค อย่างไรก็ตามจากการดำเนินการดังกล่าว กสศ. ได้การสนับสนุนเงินจากการบริจาคจากภาคประชาชนและเอกชน รวมถึงเงินอุดหนุนจากรัฐบาล นอกจากนี้ กสศ. ยังได้ร่วมกับ กรมสรรพากร เปิดบริจาคเงินเพื่อสมทบช่วยเหลือเด็กและเยาวชนด้อยโอกาส ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 พร้อมประกาศขยายเวลาลดหย่อนทางภาษีแก่ผู้บริจาคเงินและทรัพย์สินให้ กสศ. ออกไปอีก 3 ปี จนถึงสิ้นปี พ.ศ.2566

ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า กสศ. เดินหน้าสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง หลังพบสถิติ 2 ปีที่ผ่านมา ได้ดำเนินการช่วยเหลือเด็กเยาวชนผู้ยากจนและด้อยโอกาสในภาวะวิกฤตทางการศึกษา ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 จำนวนกว่า 70,000 คน จากการเปิดรับบริจาคจากประชาชนและหน่วยงานภาคเอกชนมากกว่า 15,000 คน 200 องค์กร รวมทั้งสิ้นราว 74 ล้านบาท ทั้งนี้ จากยอดรับบริจาคดังกล่าว ตลอดจนการสนับสนุนจากภาครัฐได้ถูกนำไปสนับสนุนและช่วยเหลือเด็กและเยาวชนกลุ่มเป้าหมาย ผ่าน 4 โครงการสำคัญ ดังต่อไปนี้

· โครงการสู้วิกฤตให้น้องอิ่ม คนละมือเพื่อมื้อน้อง ช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษที่ขาดแคลนอาหารในวิกฤตโควิด-19 จำนวนกว่า 42,000 คน ใน 7,728 โรงเรียน ครอบคลุม 77 จังหวัด รวม 604,980 มื้อ

· โครงการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 ทำให้เกิดการเชื่อมโยงฐานข้อมูลเด็กและเยาวชนที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เป็นระบบเดียว สามารถเข้าถึงเด็กกลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือมากกว่า 22,000 กรณีให้ได้รับการดูแลที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุดในทุกมิติ ทั้งด้าน สุขภาพกาย-ใจ สังคม การศึกษา จนสามารถยกระดับเป็นโมเดลการดูแลช่วยเหลือเด็กในสถานการณ์วิกฤติขยายผลระดับประเทศ

· ระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมาเป็นอาสาสมัครจำนวน 300 คน เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือเด็กเยาวชนในภาวะวิกฤตทางการศึกษา โดยเฉพาะช่วงชั้นรอยต่อที่กำลังจะออกจากโรงเรียนและต้องได้รับการช่วยเหลือทันที รวมถึงเด็กกำพร้าจากสถานการณ์โควิด-19 จำนวนทั้งหมดอย่างน้อย 4,000 กรณี โดยร้อยละ 100 ของเงินบริจาคที่ กสศ. ได้รับจะถูกส่งตรงไปที่เด็กและเยาวชนกลุ่มเป้าหมาย ไม่มีการหักค่าบริหารจัดการใดๆ ทั้งสิ้น

· เครือข่าย ALL FOR EDUCATION ร่วมสร้างหลักประกันโอกาสทางการศึกษา จากเครือข่ายภาคเอกชน ภาคประชาสังคมตั้งต้นร่วมกันกว่า 16 องค์กร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาพร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้สละเงินเดือนบริจาคร่วมกับ กสศ. ด้วย

ดร.ไกรยส กล่าวเพิ่มเติมว่า กลยุทธ์สำคัญในการทำงานของ กสศ. คือการใช้ผลงานวิจัยและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ ระบบ iSEE ค้นหากลุ่มเป้าหมายเด็กเยาวชนและสถานศึกษา โดยระบบ iSEE จะอำนวยความสะดวกให้ผู้บริจาคช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายได้ถูกคน ตรงจุดปัญหา มีระบบติดตามรายงานผลการเปลี่ยนแปลงให้แก่ผู้บริจาคอย่างต่อเนื่อง และสามารถประมวลผลสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและจำนวนนักเรียนยากจนพิเศษในระดับประเทศ ภูมิภาค จังหวัด สถานศึกษา ไปจนถึงระดับผู้เรียน ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกจังหวัดทั่วประเทศ นอกจากนี้ กสศ. ยังคงมุ่งเดินหน้าภารกิจช่วยเหลือเด็กและเยาวชนให้ได้รับการสนับสนุนทางการศึกษา ผ่านโครงการสำคัญอื่นๆ ครอบคลุมปัญหาทางการศึกษาในทุกมิติ และกลุ่มเป้าหมายทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในระยะยาว

“กสศ. มีความยินดีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการขยายเวลาลดหย่อนทางภาษีแก่ผู้บริจาคเงินและทรัพย์สินให้ กสศ. นำไปใช้ดำเนินการตามภารกิจลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาออกไปอีก 3 ปีถึงสิ้นปีภาษี 2566 ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 54 วรรคหกซึ่งกำหนดให้รัฐใช้มาตรการหรือกลไกทางภาษีเพื่อสนับสนุนให้ผู้บริจาคเงินและทรัพย์สินเข้ากองทุนได้รับการลดหย่อนภาษี” ดร.ไกรยส กล่าวทิ้งท้าย

ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง กล่าวว่า พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 732) พ.ศ.2564 ซึ่งให้การยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลและนิติบุคคลที่บริจาคให้แก่ กสศ. ในรูปการบริจาคที่กระทำผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (E–Donation) เป็นจำนวน 2 เท่า ของจำนวนเงินที่บริจาค เป็นไปตามหลักรัฐธรรมนูญ โดยการขยายเวลาลดหย่อนทางภาษีออกไป จากเดิมที่สิ้นสุดไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ไปสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เพื่อจูงใจให้เกิดการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา รวมถึงการเสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพครู

สำหรับบุคคลธรรมดาจะลดหย่อนภาษีได้เป็น 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนอื่นๆ สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้หักเป็นรายจ่ายได้เป็น 2 เท่าของรายจ่ายที่บริจาค ไม่ว่าจะได้จ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบ ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬาตามมาตรา 65 ตรี (3) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร

“กฎหมายฉบับนี้มีส่วนยกระดับการศึกษา ช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในระยะยาว เพราะเมื่อคนสามารถเข้าถึงระบบการศึกษาได้มากขึ้น มีการศึกษาที่ดีขึ้น นำไปสู่การสร้างโอกาส สร้างรายได้ที่ดีขึ้น และเมื่อประเทศมีแรงงานที่มีศักยภาพและทักษะที่ดี จูงใจการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โอกาสนี้อยากเชิญชวนให้คนที่มีศักยภาพในการบริจาค ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลหันมาบริจาคเงินให้ กับ กสศ. เพราะนอกจากจะได้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีแล้ว ยังมีส่วนร่วมยกระดับเศรษฐกิจประเทศไทยไปด้วยกันอีกด้วย” ดร. เอกนิติ กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนและภาคเอกชน ร่วมบริจาคสมทบเพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในภาวะวิกฤตทางการศึกษา จากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะช่วงชั้นรอยต่อที่กำลังจะหลุดออกนอกระบบให้ได้กลับมาเรียน ผู้สนใจสามารถบริจาคผ่าน ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (E-Donation) https://donate.eef.or.th หรือโอนเงินผ่านธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี : กสศ.มาตรา 6(6) - เงินบริจาค เลขบัญชี 172-0-30021-6 พร้อมส่งหลักฐานการโอนเงินเป็นรูปภาพหรือรูปถ่าย มาที่ donation@eef.or.th สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 02-079-5474

 


กสศ. โชว์ 4 โครงการสร้างความเสมอภาคการศึกษาไทย ปี 64 ชวนคนไทยบริจาคช่วยเด็กและเยาวชนหลุดออกนอกระบบกลับมาเรียนอีกครั้งกสศ.โชว์4โครงการสร้างความเสมอภาคการศึกษาไทยปี64ชวนคนไทยบริจาคช่วยเด็กและเยาวชนหลุดออกนอกระบบกลับมาเรียนอีกครั้ง

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

หลักสูตรท้องถิ่น กับการปฏิรูปการศึกษาไทย แนวทางกระจายอำนาจให้โรงเรียนได้ออกแบบ และมีส่วนร่วม

หลักสูตรท้องถิ่น กับการปฏิรูปการศึกษาไทย แนวทางกระจายอำนาจให้โรงเรียนได้ออกแบบ และมีส่วนร่วม

เปิดอ่าน 1,134 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
"สหพัฒน์แอดมิชชั่น" ส่งท้าย DEK68 ก่อนลงสนามสอบจริง ชวนไขทุกปัญหาคาใจกับกิจกรรมถามตอบโค้งสุดท้าย
"สหพัฒน์แอดมิชชั่น" ส่งท้าย DEK68 ก่อนลงสนามสอบจริง ชวนไขทุกปัญหาคาใจกับกิจกรรมถามตอบโค้งสุดท้าย
เปิดอ่าน 391 ☕ คลิกอ่านเลย

รร.วัดถนนกะเพรา จ.ระยอง นำเปลือกหอยมาผสมซีเมนต์ทำกระถางต้นไม้ สร้างการเรียนรู้ต่อยอดถึงชุมชน
รร.วัดถนนกะเพรา จ.ระยอง นำเปลือกหอยมาผสมซีเมนต์ทำกระถางต้นไม้ สร้างการเรียนรู้ต่อยอดถึงชุมชน
เปิดอ่าน 724 ☕ คลิกอ่านเลย

สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อสรรหาและเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป ตำแหน่งครูผู้สอน จำนวน 3 อัตรา
สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อสรรหาและเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป ตำแหน่งครูผู้สอน จำนวน 3 อัตรา
เปิดอ่าน 1,512 ☕ คลิกอ่านเลย

"สหพัฒน์แอดมิชชั่น" ครั้งที่ 27 พร้อมแล้ว "ติวสด" 12 วิชา 6 วันติด 7-12 ตค. นี้ ทั้งแบบออนไซต์และออนไลน์
"สหพัฒน์แอดมิชชั่น" ครั้งที่ 27 พร้อมแล้ว "ติวสด" 12 วิชา 6 วันติด 7-12 ตค. นี้ ทั้งแบบออนไซต์และออนไลน์
เปิดอ่าน 944 ☕ คลิกอ่านเลย

สพป.สกลนคร เขต 1 ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อสรรหาพนักงานราชการ ตำแหน่งครูผู้สอน 1 อัตรา 1 วิชาเอก
สพป.สกลนคร เขต 1 ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อสรรหาพนักงานราชการ ตำแหน่งครูผู้สอน 1 อัตรา 1 วิชาเอก
เปิดอ่าน 4,540 ☕ คลิกอ่านเลย

หลักสูตรท้องถิ่น กับการปฏิรูปการศึกษาไทย แนวทางกระจายอำนาจให้โรงเรียนได้ออกแบบ และมีส่วนร่วม
หลักสูตรท้องถิ่น กับการปฏิรูปการศึกษาไทย แนวทางกระจายอำนาจให้โรงเรียนได้ออกแบบ และมีส่วนร่วม
เปิดอ่าน 1,134 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

กรมสุขภาพจิตเตือน! คนไทยระวังเป็นโรค “ขาดมือถือไม่ได้”
กรมสุขภาพจิตเตือน! คนไทยระวังเป็นโรค “ขาดมือถือไม่ได้”
เปิดอ่าน 12,590 ครั้ง

การทดลอง LHC ของเซิร์น ที่คล้องกับพุทธศาสนา
การทดลอง LHC ของเซิร์น ที่คล้องกับพุทธศาสนา
เปิดอ่าน 20,393 ครั้ง

วัคซีนป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยให้รอดพ้นโรคร้ายได้มากถึง1ใน5
วัคซีนป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยให้รอดพ้นโรคร้ายได้มากถึง1ใน5
เปิดอ่าน 9,689 ครั้ง

แนวโน้มของเทคโนโลยีการศึกษาของไทย
แนวโน้มของเทคโนโลยีการศึกษาของไทย
เปิดอ่าน 53,151 ครั้ง

ความสำคัญของการศึกษาปฐมวัย
ความสำคัญของการศึกษาปฐมวัย
เปิดอ่าน 25,982 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ