ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ครั้งที่ 4/2562
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 4/2562 เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2562 ว่าที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สำคัญ ดังนี้
1. เห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการโอนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ดำรงตำแหน่งครูในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ มาบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู
ซึ่งจะทำให้การโอนครูต่างสังกัดในกระทรวงศึกษาธิการด้วยกัน เช่น การโอนครูจาก สอศ.ไปเป็นครู สพฐ. มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น โดยมอบอำนาจให้ ก.ค.ศ. หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้งเป็นผู้พิจารณาดำเนินการโอนตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. กำหนดซึ่งมีสาระสำคัญคือ สถานศึกษาที่จะรับโอน ต้องมีเหตุผลและความจำเป็นที่จะรับโอน เพื่อประโยชน์ของทางราชการและพัฒนาคุณภาพคุณภาพการศึกษาและสถานศึกษานั้นต้องไม่อยู่ในแผนยุบเลิกของส่วนราชการต้นสังกัด และมีจำนวนตำแหน่งครู ไม่เกินเกณฑ์อัตรากำลัง ที่ ก.ค.ศ. กำหนด หลักเกณฑ์ดังกล่าวยังให้ความสำคัญกับความเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษา และการรักษาสิทธิในการบรรจุและแต่งตั้งของผู้ที่ขึ้นบัญชี ผู้สอบแข่งขันได้หรือผู้ได้รับการคัดเลือก และผู้ขอโอนต้องได้รับความยินยอมให้โอนจากผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 และตำแหน่งที่จะใช้รับโอนต้องเป็นตำแหน่งครูที่ว่าง มีอัตราเงินเดือน และมิใช่เป็นตำแหน่งที่รอการเลิกหรือยุบ หรือตำแหน่งที่มีเงื่อนไขตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) กำหนดหรือตำแหน่งที่สงวนไว้สำหรับการโอนครูวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษให้เสนอ ก.ค.ศ. พิจารณา
2. เห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ
ซึ่งเป็นการกำหนดให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ตามมาตรา 50แห่ง พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 โดยกรณีที่มีความจำเป็นและมีเหตุพิเศษที่จะดำเนินการคัดเลือก มี 4 กรณี คือ
กรณีที่ 1 กรณีมีมติคณะรัฐมนตรี หรือทางราชการมีเงื่อนไขให้รับโอนโรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนอื่นใดมาเป็นโรงเรียนรัฐบาล หรือเงื่อนไขผูกพันอื่นที่ทางราชการให้ไว้เป็นการเฉพาะให้บรรจุและแต่งตั้ง
กรณีที่ 2 กรณีโครงการนักเรียนทุนรัฐบาลตามมติคณะรัฐมนตรี หรือโครงการพิเศษและทางราชการมีเงื่อนไขผูกพันให้ไว้เป็นการเฉพาะให้บรรจุและแต่งตั้ง
กรณีที่ 3 กรณีบรรจุและแต่งตั้งบุคคลให้ไปดำรงตำแหน่งในพื้นที่พิเศษ
กรณีที่ 4 กรณีบรรจุและแต่งตั้งบุคคลที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษอื่น
ทั้งนี้ กรณีที่ 1 และ 2 ให้ส่วนราชการเสนอให้ ก.ค.ศ. พิจารณาให้ความเห็นชอบ เพื่อให้ทราบว่ามติคณะรัฐมนตรี หรือโครงการนักเรียนทุนรัฐบาลหรือโครงการพิเศษใดบ้างที่จะต้องดำเนินการคัดเลือกเป็นกรณีพิเศษ สำหรับกรณีที่ 3 และ 4 ให้ กศจ.หรือส่วนราชการนำเสนอเหตุผลและความจำเป็นเพื่อประโยชน์สูงสุดทางการศึกษาและคุณภาพการศึกษา ให้ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง หรือ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญที่เกี่ยวข้องพิจารณาเสนอความเห็นก่อนเสนอให้ ก.ค.ศ. พิจารณาให้ความเห็นชอบ การคัดเลือกทั้ง 4 กรณี มีเงื่อนไขให้บรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือกที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามมาตรฐานตำแหน่ง กรณีไม่สามารถบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือกได้ครบตามจำนวน ตำแหน่งว่าง ให้ผู้ดำเนินการคัดเลือกพิจารณาใช้ตำแหน่งว่างนั้นได้ตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีและประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ
3. เห็นชอบให้กำหนดกรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้โรงเรียนเม็งรายมหาราชวิทยาคม สังกัสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 36 เป็นกรณีพิเศษ จำนวน 8 อัตรา สำหรับนำไปสรรหา บรรจุ แต่งตั้งครูผู้ช่วย เพื่อไปช่วยปฏิบัติหน้าที่สอน ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 4 รอบ 2 เมษายน 2546 โดยมีเงื่อนไข คือ 1) ไม่นำอัตรากำลังข้าราชการครูที่ได้รับอนุมัติเป็นกรณีพิเศษ จำนวน 8 อัตรา ดังกล่าวไปนับรวมกับอัตรากำลังข้าราชการครูตามเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. กำหนด ของโรงเรียนเม็งรายมหาราชวิทยาคม 2) ให้ สพฐ. นำอัตราว่าง ที่ได้รับจัดสรรคืนจากผลการเกษียณอายุราชการเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 จำนวน 8 อัตรา ตามกรอบอัตรากำลังที่ได้รับอนุมัติไปใช้ในการจัดสรรให้โรงเรียนเม็งรายมหาราชวิทยาคม และ 3) ให้ข้าราชการครูที่ไปช่วยปฏิบัติหน้าที่สอน ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนฯดังกล่าว ถือได้ว่าปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ราชการ และมีสิทธิประโยชน์ที่พึงจะได้รับเสมือนการปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งนี้ การกำหนดกรอบอัตรากำลังดังกล่าว เป็นแนวทางใหม่ในการบริหารจัดการกำลังคนในพื้นที่เชิงบูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สอศ. สกอ. กศน. และภาคเอกชน ซึ่งจะทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด และตรงตามความต้องการในการพัฒนาพื้นที่อย่าง
4. เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกผู้แทนสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และผู้แทนสมาชิกในคณะอนุกรรมการสมาชิกสัมพันธ์ เพื่อใช้สำหรับเลือกผู้แทนสมาชิกแทนผู้ที่จะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่ง โดยสำนักงาน ก.ค.ศ. จะแจ้งให้ส่วนราชการดำเนินการ และแจ้งรายชื่อผู้ที่ได้รับการเลือกมายังสำนักงาน ก.ค.ศ. ภายในวันที่ 17 พฤษภาคม 2562 เพื่อให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ดำเนินการเลือกผู้แทนในวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 แล้วส่งรายชื่อผู้แทนสมาชิกที่ได้เลือกให้กับ กบข.
5. สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้เตรียมการขับเคลื่อนมาตรฐานทางจริยธรรมเจ้าหน้าที่ของรัฐ รองรับ การดำเนินการตามพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562 เพื่อให้มีข้อมูลที่รอบด้านสำหรับ การจัดทำ (ร่าง) ประมวลจริยธรรมข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. .... อันประกอบด้วย ข้อปฏิบัติ กลไกและระบบการบังคับใช้ มาตรการทางจริยธรรม การส่งเสริม คุ้มครอง และรักษาจริยธรรม และการดำเนินการอื่น ๆ มาระยะหนึ่งแล้ว และจะมีการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยดำเนินการให้เป็นไปตามทิศทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี แผนการปฏิรูปประเทศ รวมถึงมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมจริยธรรมข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมกำหนด ต่อไป
นายศรายุทธ มาทัพ หัวหน้ากลุ่มประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่
นางสาวจารุนันท์ แก้วทองนาค ผู้ช่วยเลขานุการ ก.ค.ศ.
ที่มา เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา วันพุธที่ 24 เมษายน 2562