(ต่อจากตอนที่แล้ว)
เรื่องจริงใช่อิงนิยาย 3 ครั้งไม่ตาย ตั้งใจตายครั้งที่ 4
ตอนอวสาน...แล้วครับ
..............
????????????????????????????????????????
วิญญาณล่องหน รอคนยาใจ ไม่ทราบเมื่อไร จะได้คืนร่าง
...............
จะกี่ชั่วเวลาหารู้ไม่ ลมหายใจหยุดชั่วครู่อยู่ชั่วฝัน
เจาะลงรูสู่ดีจี้(จุด)สำคัญ ด้วยมาดมั่นนำก้อนนิ่วริ่วออกมา
ดั่งโลกปิดทุกทวารม่านกีดขวาง ดาวทุกดวงร่วงหล่นบนท้องฟ้า
วิเวกว้างวังเวงใช่เพลงลา รอสวรรค์เทพชั้นฟ้าประทานพร
จะนานนับกับเวลาที่กำหนด
สองชั่วยามที่สะกดให้หยุดหย่อน
เปลเข็นกลับห้องหับให้พักนอน
มีบังอรคอยใส่ใจใฝ่ดูแล
รู้สึกตัวร้าวระบมขมที่ปาก
เหนื่อยก็มากอยากก็อยากเจ็บปากแผล
ช้ำสุดช้ำหนำอาเจียนออกเป็นแพ
หาสิ่งแก้คือยาหมอพอบรรเทา
ขอบฟ้าสางสว่างจ้าลืมตาได้ ชีวิตใหม่คืนกลับดับความเศร้า
เห็นนิ่ววางข้างข้างห่างตัวเรา บนสำลีที่บางเบาเขาให้ดู
เศษก้อนหินเล็กใสไยแรงมาก อีกทั้งฝากความช้ำใจให้อดสู
ทำเจ้าของน้ำตาหลั่งลงพรั่งพรู ให้ครูหนูหม่นหมองต้องตรอมตรม
ตอนที่ หก ยกนี้อวสาน จบลงเป็นตำนานชีวิตผม
หยุดเศร้าโศกโรครุมเร้าเคล้าระทม ความขื่นขมมาถมทิ้งที่รอพอ (รพ.)
เพราะได้รับความเอ็นดูชูช่วยเหลือ
จากนายแพทย์ตวงปราชญ์ฯผู้กูลเกื้อที่ท่าบ่อ (หนองคาย)
พร้อมคณะพยาบาลศัลยกรรมรอพอรอ (รพร.)
ครูหนูฯขอชื่นชมในผลงาน
ขอบพระคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน พร้อมกระบวนกลยุทธิ์บริหาร
คือเบ้าหลอมศรัทธาผู้ใช้บริการ
จึงเป็นโรงพยาบาลระดับทองตลอดกาล..
.........
เจตนาตายแต่ไม่ตายไม่ขายหน้า
เพราะได้รับแรงศรัทธาจากทุกท่าน
สุดซาบซึ้งตรึงประทับจับดวงมาน
คลิกมาอ่านผ่านบล็อกบ้านนอกครู
กราบขอบคุณที่จุนเจือช่วยเกื้อก่อ
ส่งเสริมต่อเติมแต้มแซมครูหนู
โอกาสหน้าพร้อมเสมอนำเชิดชู
สร้างสรรค์สิ่งที่น่ารู้มอบแด่ครูตลอดไป..ครับ
................................
ขอได้รับคำขอบพระคุณเป็นอย่างสูงยิ่งจาก
นายหนูเหลี่ยง ชิณแสน
กราบขอบคุณครับ สวัสดีครับ..........
หมายเหตุ...ผมเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย
ตั้งแต่วันที่ 1 – 5 พ.ค. 2551 และกลับมาพักฟื้นที่บ้านจนอาการดีขึ้นและหายเป็นปกติแล้วครับ