ผอ.ศูนย์วิชาการฯ สรุปเด็กไทย 4.0 ยังติดกรอบ ไร้ทิศทาง ด้อยคุณภาพ เลือดข้นอันตราย จางอ่อนศีลธรรมจริยธรรม จี้เด็กตื่นรู้-เปลี่ยนวิธีคิด ส่วนผลสำรวจเด็กเสพเทคโนโลยีมากเกินไป อยากเห็นนโยบายให้สิทธิเด็กอย่างทั่วถึง
วันนี้( 6พ.ย.)ที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ผู้อำนวยการศูนย์วิชาการและเครือข่ายวิชาการด้านเด็ก เยาวชนและครอบครัว กล่าวในงานเสวนาหัวข้อ “ ผลิตเด็กไทย 4.0 ..สร้างสรรค์หรือติดกรอบ” ว่า วิธีการคิด หรือ Mindset เป็นฐานสำคัญในการพัฒนาเด็ก แต่ปัจจุบันเรามัวสาลละวนอยู่กับปัญหาบนยอดภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นรายวัน ขณะที่การออกแบบระบบการผลิตเด็กไทยในยุค 4.0 จึงเกิดคำถามที่ว่าเป็นการผลิตซ้ำความคิดและวิธีการเดิมๆ เพื่อป้อนเด็กเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมหรือเป็นการเปิดทางให้เด็กยุคใหม่เกิดความคิด จินตนาการ และการสร้างสรรค์ ผ่านการสร้างgrowth mindset คือไม่กลัวปัญหาและอุปสรรค สู้ ชอบเผชิญหน้า เพื่อกาวไปสู่ความสำเร็จ สิ่งเหล่านี้ต้องเกิดขึ้นทั้งในตัวผู้ใหญ่ที่ทำงานด้านเด็กและเยาวชน ตลอดจนตัวเด็กและเยาวชนเอง
ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกิจกรรมพัฒนาเด็กและเยาวชนในประเทศไทยที่ผ่านมา ผู้ใหญ่จะเป็นผู้กำหนดกรอบทั้งการดำเนินงานและความคิดให้เด็ก ส่วนบทบาทของเด็กและเยาวชนเป็นเพียงผู้ปฏิบัติตาม โดยมุ่งเน้นผลลัพธ์ของการแก้ไขปัญหามากกว่าการพัฒนากระบวนการตัวอย่างรูปแบบกิจกรรมโครงการกิจกรรม จะเป็นแบบจิตอาสาตามสั่ง อบรมเสริมศักยภาพ ที่ขาดการมีส่วนร่วมทางความคิดของเด็ก จึงสรุปได้การผลิตเด็กไทย 4.0 ไม่สร้างสรรค์ ติดกรอบมาตลอด ไร้ทิศทาง ด้อยคุณภาพ เลือดข้นอันตราย จางอ่อนศีลธรรมจริยธรรม ดังนั้นแนวโน้มเด็กไทย4.0คือจะต้องตื่นรู้ โดยเชื่อมโยงความเป็นสากลสู่ท้องถิ่น คิดริเริ่ม สร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ ตามกระแสไม่แคร์สื่อ ต้องมีการเปลี่ยนผ่านโครงสร้าง ระบบและกฏหมาย นโยบายล่างสู่บน ฟังเสียงเด็กมากขึ้น การมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย และมีการเปลี่ยนวิธีคิด คือพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ให้ความสำคัญกับความพยายามและชอบปัญหาและความท้าทาย
ด้าน.ส.พจนา อาภานุรักษ์ นักวิชาการศูนย์วิชาการและเครือข่ายวิชาการด้านเด็ก เยาวชนและครอบครัว คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ผลการสำรวจความคิดเห็นหัวข้อ “เด็กไทยทำไมต้อง4.0” โดยสำรวจเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ระหว่างวันที่ 6 ก.ค. –2พ.ย. 2561 พบว่าเด็กและเยาวชนมีมุมมองต่อคุณลักษณะสำคัญของเด็กไทย 4.0ในทางบวกคือความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เพื่อสืบค้นข้อมูลประกอบการเรียน มีความคิดสร้างสรรค์ และให้ความสำคัญกับการเรียน ส่วนผลทางลบเรื่องการเสพติดเทคโนโลยีเกินไป ติดเกมและภาวะความกดดันที่ต้องแบกรับในด้านการเรียน เมื่อถามการทำงานของรัฐบาล 4 ปีที่ผ่านมา พบว่ายังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาเด็กและเยาวชน ให้คะแนนรัฐบาลเกี่ยวกับการทำงานด้านเด็กและเยาวชน ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5.32คะแนน จาก10 คะแนน นอกจากนี้เด็กอยากเห็นนโยบายการให้สิทธิเด็กและเยาวชนอย่างทั่วถึง การเคารพในสิทธิมนุษยชนและการสนับสนุนโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม ที่สำคัญอยากเห็นเด็กไทยในอนาคตเป็นคนดี เก่งและกล้า
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน 2561