ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมบทความการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ศึกสายเลือด ศธ. : เกมชิงอำนาจที่มีแต่ “ผู้แพ้”?? ผู้เขียน จุไรรัตน์ พงศาภิชาติ


บทความการศึกษา 14 ก.ค. 2561 เวลา 03:54 น. เปิดอ่าน : 30,946 ครั้ง
Advertisement


Advertisement

ศึกสายเลือด ศธ. : เกมชิงอำนาจที่มีแต่ “ผู้แพ้”?? ผู้เขียน จุไรรัตน์ พงศาภิชาติ
 
ศึกสายเลือด ศธ. : เกมชิงอำนาจที่มีแต่ “ผู้แพ้”??

ที่มา มติชนออนไลน์
ผู้เขียน จุไรรัตน์ พงศาภิชาติ

เปิด “ศึกสายเลือด” กันไปหลายยกแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าศึกระหว่าง “ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.)” และ “ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.)” พี่น้องจากรั้ววังจันทรเกษม จะจบลงง่ายๆ

ภายหลังผู้อำนวยการ สพท.ส่วนหนึ่ง เดินหน้าเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

แก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญ 2560 และประกอบมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว คำสั่งที่ 19/2560 เรื่องการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของ ศธ.

โดยให้เหตุผลว่า เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในการบริหารงานที่ทับซ้อน ระหว่างผู้อำนวยการ สพท.และ ศธจ.ที่เกิดจาก “ข้อที่ 13” ??

ซึ่งข้อที่ 13 ให้อำนาจการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในจังหวัด และกรุงเทพฯ ตามมาตรา 53(3) และ (4) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครู

และบุคลากรทางการศึกษา ให้เป็นของ ศธจ.โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)

จากเดิมที่เป็นอำนาจของผู้อำนวยการการ สพท.และผู้อำนวยการโรงเรียน…

โดยเรียกร้องให้หัวหน้า คสช.ใช้มาตรา 44 แก้ไขให้มีคณะกรรมการขึ้นใหม่ 2 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการบูรณาการด้านการศึกษา และคณะกรรมการการบริหารงานบุคคล ทั้ง 2 ชุด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน มี ศธจ.เป็นเลขานุการ

ส่วนคณะกรรมการบริหารงานบุคคล มีผู้อำนวยการ สพท.ในจังหวัดทุกคนร่วมเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง ให้ผู้อำนวยการ สพท.เป็นผู้ใช้อำนาจตามมาตรา 53(3) ตามที่

กศจ.อนุมัติ ขณะที่ผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้ใช้อำนาจตามมาตรา 53(4) ตามที่ กศจ.อนุมัติ ส่วน ศธจ.ทำหน้าที่เลขานุการ กศจ.

แต่กลุ่มผู้อำนวยการ สพท.และผู้อำนวยการโรงเรียนที่ออกมาเคลื่อนไหว ต้อง “ฝันสลาย” เมื่อ “บิ๊กตู่” ไม่ตอบสนอง!!

ดูเหมือนความพยายามยังไม่สิ้นสุด หลัง นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ระบุว่า รัฐบาลต้องระมัดระวังในการใช้มาตรา 44

กลุ่มผู้อำนวยการ สพท.จึงได้เดินหน้าเข้ายื่นหนังสือถึง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ต่อทันที

ซึ่งนายวิษณุได้แจ้งกลุ่มผู้อำนวยการ สพท.ว่า การแก้ไขคำสั่ง คสช.ค่อนข้างยาก แต่ได้เสนอแนะให้ใช้ช่องทางคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) ที่อยู่ระหว่างยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. … และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

โดยรัฐบาลจะรับร่างกฎหมายที่เสนอโดย กอปศ.ขึ้นพิจารณา

 

นั่นหมายความว่า ระหว่างนี้รัฐบาลจะ “ไม่” แก้ไขคำสั่ง คสช.ในเรื่องดังกล่าว อย่างแน่นอน!!

อย่างไรก็ตาม แม้กลุ่มผู้เคลื่อนไหวจะอ้างเหตุผลที่ต้องการให้แก้ไขข้อที่ 13 เพื่อให้การทำงานไม่ทับซ้อนกัน แต่สาเหตุหลักๆ ที่รู้กันดี เพื่อ “ทวงคืน” อำนาจในการแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หลังถูก “เปลี่ยนมือ” จากผู้อำนวยการ สพท.และผู้อำนวยการโรงเรียน ไปเป็นของ “ศธจ.”

ซึ่งทำให้ผู้บริหาร สพท.หลายแห่ง “ไม่พอใจ”

รวมถึง ต้องทำงานภายใต้ ศธจ.จากเดิมที่ผู้อำนวยการ สพท.มีอำนาจ “สูงสุด” ในเขตพื้นที่การศึกษา

ในขณะที่หลายๆ สพท.เกิดการ “งัดข้อ” กับ ศธจ.แต่อีกหลายๆ สพท.กลับทำงานร่วมกับ ศธจ.ได้อย่างไร้ปัญหา

ปัญหาขัดแข้งขัดขากัน แย่งชิงอำนาจ ยึดผลประโยชน์ตัวเองเป็นหลัก มีมาทุกยุคทุกสมัย

จึงไม่น่าแปลกใจว่า “ทำไม” การ “ปฏิรูปการศึกษา” ของไทยที่ผ่านๆ มาถึง “ล้มเหลว” ซ้ำซาก

เพราะแทนที่ผู้บริหารการศึกษาเหล่านี้ จะ “วาง” ปัญหาความขัดแย้งทั้งหลาย หันมาร่วมแรงร่วมใจกัน

มุ่งมั่นผลักดันให้การศึกษาไทย เด็กไทย ครู และบุคลากรทางการศึกษา เกิดการพัฒนา

โดยยึดที่ตัว “เด็ก” และ “ประเทศชาติ” เป็นหลัก

วันๆ กลับเอาแต่นั่งคิด นอนคิด ว่าจะทำอย่างไรเพื่อจะ “ดึง” อำนาจให้กลับมาอยู่ในมือให้ได้มากที่สุด

เพราะถ้าคนระดับ “ผู้บริหาร” คิดได้เท่านี้ (จริงๆ)

การปฏิรูปการศึกษาที่กำลังทำอยู่ ก็คง “ไร้ความหวัง” อีกเช่นเคย

สุดท้าย ไม่ว่าอำนาจจะตกอยู่ในมือใคร ประเทศชาติก็ “แพ้” อยู่วันยังค่ำ

เพราะท้ายที่สุด “ผู้บริหาร” เหล่านี้ ก็ยังอยู่ใน “วังวน” ของการแย่งชิงอำนาจ เพื่อประโยชน์ของ “ตัวเอง” เป็นหลัก!!

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาจาก มติชนออนไลน์ วันที่ 13 กรกฎาคม 2561 - 11:59 น.

 

 

🖼สำหรับคุณครูไว้ใส่เกียรติบัตรสวยและถูก🖼 กรอบป้ายอะคริลิคตั้งโต๊ะ A4 แนวนอน 30x21.5 cm อะคริลิคใส 1 หน้า ทรง L (A4L1P) ในราคา ฿129 คลิกเลย👇👇

https://s.shopee.co.th/1qLFIZVf4t?share_channel_code=6


ศึกสายเลือด ศธ. : เกมชิงอำนาจที่มีแต่ “ผู้แพ้”?? ผู้เขียน จุไรรัตน์ พงศาภิชาติศึกสายเลือดศธ.:เกมชิงอำนาจที่มีแต่“ผู้แพ้”??ผู้เขียนจุไรรัตน์พงศาภิชาติ

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ลดการสอบเพื่ออะไร ?

ลดการสอบเพื่ออะไร ?


เปิดอ่าน 10,137 ครั้ง
หนี้การศึกษา

หนี้การศึกษา


เปิดอ่าน 8,218 ครั้ง
กบฏสร้างสรรค์ทางการศึกษา

กบฏสร้างสรรค์ทางการศึกษา


เปิดอ่าน 16,879 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

8 นิสัยที่ฉุดให้การทำงานของคุณย่ำอยู่กับที่

8 นิสัยที่ฉุดให้การทำงานของคุณย่ำอยู่กับที่

เปิดอ่าน 16,657 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ปฏิรูปการศึกษานับหนึ่งใครเป็นใคร
ปฏิรูปการศึกษานับหนึ่งใครเป็นใคร
เปิดอ่าน 12,448 ☕ คลิกอ่านเลย

ปฏิรูปการศึกษา คือ รากฐานของการปฏิรูปประเทศ โดย รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์
ปฏิรูปการศึกษา คือ รากฐานของการปฏิรูปประเทศ โดย รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์
เปิดอ่าน 11,029 ☕ คลิกอ่านเลย

10 งานด่วนภายใน 6 เดือนที่ "รมต.ศธ." ควรทำ
10 งานด่วนภายใน 6 เดือนที่ "รมต.ศธ." ควรทำ
เปิดอ่าน 18,774 ☕ คลิกอ่านเลย

เดินหน้า ปฏิรูปการศึกษา 2559
เดินหน้า ปฏิรูปการศึกษา 2559
เปิดอ่าน 8,822 ☕ คลิกอ่านเลย

มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กควรอยู่ในห้องเรียนหรือไม่? โดย : ทีปกร วุฒิพิทยามงคล
มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กควรอยู่ในห้องเรียนหรือไม่? โดย : ทีปกร วุฒิพิทยามงคล
เปิดอ่าน 20,219 ☕ คลิกอ่านเลย

นัยสำคัญยุทธศาสตร์การศึกษาในพลวัตศตวรรษที่ 21 สู่การเป็นประชาคมอาเชียน อย่างยั่งยืนสำหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานไทย
นัยสำคัญยุทธศาสตร์การศึกษาในพลวัตศตวรรษที่ 21 สู่การเป็นประชาคมอาเชียน อย่างยั่งยืนสำหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานไทย
เปิดอ่าน 3,398 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

คู่มือประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนฯ ตามหลักสูตรแกนกลางฯ 2551 ชั้นม. 3
คู่มือประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนฯ ตามหลักสูตรแกนกลางฯ 2551 ชั้นม. 3
เปิดอ่าน 38,463 ครั้ง

10 เรื่องมหัศจรรย์เกี่ยวกับไข่ ที่คุณสามารถทำเอง เอาไว้สอนเด็กได้
10 เรื่องมหัศจรรย์เกี่ยวกับไข่ ที่คุณสามารถทำเอง เอาไว้สอนเด็กได้
เปิดอ่าน 19,431 ครั้ง

ชวนงดเหล้า..เข้าพรรษา
ชวนงดเหล้า..เข้าพรรษา
เปิดอ่าน 19,644 ครั้ง

แก่นขนุน
แก่นขนุน
เปิดอ่าน 22,932 ครั้ง

5 วิธีเช็กเบอร์โทรศัพท์ว่าเป็นของใคร รู้ไว้ป้องกันมิจฉาชีพหลอกลวง
5 วิธีเช็กเบอร์โทรศัพท์ว่าเป็นของใคร รู้ไว้ป้องกันมิจฉาชีพหลอกลวง
เปิดอ่าน 307,575 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ