รุ่งรัตน์ เบญจพัฒนมงคล ตำแหน่ง ที่ปรึกษาอาวุโส และโค้ชจุดแข็งของบริษัท แกลลัพ จำกัด ผู้นำด้านการวิจัยตลาดและผู้ให้คำปรึกษาทางธุรกิจและพัฒนาศักยภาพของบุคคลากรระดับโลก ที่มีประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 80 ปี เปิดเผยว่า ความสำเร็จสร้างได้ หากเพียงคุณต้องเปิดใจยอมรับในสิ่งที่คุณเป็น และปล่อยวางในสิ่งที่ไม่ใช่คุณ
- คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวตนของคุณเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จ
ตั้งแต่ยังเด็กเรามักคุ้นชินกับแนวทางดั้งเดิมในการพัฒนาตนเองคือการพยายามหาจุดอ่อน จุดบกพร่องและกำจัดมัน หรือพัฒนามันให้ดีขึ้นใช่หรือไม่ โดยการพัฒนาเน้นด้านจุดอ่อนนี้มีแนวความคิดที่ว่าพฤติกรรมส่วนใหญ่สามารถเรียนรู้ได้ โดยผู้ที่เป็นเลิศในแต่ละบทบาทมักจะมีพฤติกรรมที่เหมือนกัน และการลดหรือเพิ่มพฤติกรรมที่ผู้ที่ประสบความสำเร็จทำจะเป็นการแก้ไขจุดอ่อนจะนำไปสู่ความสำเร็จ แล้วจริงๆแล้วมันเป็นเช่นนั้นหรือ งานวิจัยจากแกลลัพได้ค้นพบว่าการแก้ไขจุดอ่อนเป็นการช่วยไม่ให้คุณล้มเหลว แต่การเสริมในสิ่งที่คุณดี เก่ง หรือถนัดอยู่แล้วต่างหาก ที่จะช่วยให้คุณก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริง เมื่อคุณรู้ว่าคุณมีพรสวรรค์ด้านใด อย่ารอช้าที่จะพัฒนาพรสวรรค์ที่โดดเด่นเหล่านั้นให้มีความชำนาญที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนั่นคือวิธีการที่คุณจะพบความสำเร็จอย่างแท้จริง อาทิ หากคุณรู้ว่าคุณมีพรสวรรค์ในการพูดคุยกับคนแปลกหน้าโดยไม่เคอะเขินและชอบการนำเสนอติดต่อสื่อสารกับคน คุณอาจใช้พรสวรรค์ของคุณในการไปออกบูธ เพื่อพูดคุยและพบปะกับว่าที่ลูกค้าต่างๆ และใช้เสน่ห์โดยธรรมชาติของคุณในการหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและทำให้พวกเขาชอบคุณ และเลือกที่จะใช้บริการจากคุณ
- คนจะประสบความสำเร็จ คุณไม่จำเป็นต้องเก่งไปเสียทุกอย่างในสายตาของทุกคน
การที่เราจะคาดหวังให้คนๆ หนึ่งหรือแม้กระทั่งตัวเราเองเก่งไปเสียทุกอย่าง ทำได้ดีไปหมดทุกด้านนั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก
โดยส่วนใหญ่เราจะมีบางอย่างที่เราเก่งและมีบางอย่างที่เราพอเอาตัวรอดได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณ การที่คุณจะประสบความสำเร็จในสังคมและในหน้าที่การงานไม่จำเป็นที่คุณจะต้องเพอร์เฟคหรือเก่งรอบด้านเสมอไป หากคุณเป็นคนทำงานในระดับหัวหน้า ผู้จัดการ หรือเป็นผู้บริหารในระดับใดก็ตามและมีเป้าหมายในการทำงานให้บรรลุเป้าหมายนั้น ข้อสำคัญที่คุณลืมไม่ได้เลยคือการสร้างทีม พนักงานในทีมของคุณไม่ว่าจะเก่งอยู่ในระดับหัวกะทิแค่ไหน ทุกคนย่อมมีความแตกต่างทั้งในด้านความสามารถและพรสวรรค์ ดังนั้นการสร้างทีมที่ดีคือทีมของเราควรจะต้องมีจุดแข็งที่เกื้อหนุนและส่งเสริมซึ่งกันและกันได้ เช่น คุณเอ เป็นคนที่เก่งในการวิเคราะข้อมูล แต่อาจเป็นผู้นำเสนอที่ไม่ค่อยเก่ง ในขณะที่คุณบีเป็นผู้นำเสนอผลงานได้ยอดเยี่ยม คุณอาจให้ทั้งสองร่วมมือกันสร้างสรรค์ข้อมูลและสไลด์สำหรับพรีเซนต์กับลูกค้า เพื่อการนำเสนอนั้นจะได้มีข้อมูลสำคัญฯ และมีข้อความที่น่าสนใจ โดยคุณบีจะเป็นผู้นำเสนอและคุณบีเป็นผู้สนับสนุนข้อมูลที่ขาดไม่ได้ เมื่อคุณรู้ว่าจุดแข็งของพนักงานในทีมคุณคืออะไร การให้ความสำคัญกับจุดแข็งของแต่ละคน จะทำให้คุณสามารถพัฒนาทีม พัฒนาธุรกิจของคุณ และพัฒนาองค์กรให้มุ่งไปถึงเป้าหมายที่คุณวางไว้ได้ ฉนั้นคนเราไม่จำเป็นที่จะต้องเพอร์เฟคหรือเก่งรอบด้าน แต่ทีมเราต่างหากที่จะต้องเก่งรอบด้าน
- คุณไม่สามารถบังคับให้ตัวเองเป็นทุกอย่างที่คุณอยากจะให้เป็นได้ แต่คุณสามารถให้คุณเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นได้
เมื่อคุณยังเด็ก คุณมักถูกสั่งสอนมาให้มีความพยายาม หากเราตั้งใจ เราสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่เราอยากเป็น แต่ความจริงแล้วมันยากมากที่เราจะเป็นอะไรก็ได้ที่เราอยากจะเป็น เราควรจะใช้พลังในความพยายามนั้นไปกับการสร้างจุดแข็งของเรา หรือการเป็นตัวเราในเวอร์ชั่นที่ดีกว่า มากกว่าเสียเวลาไปกับการลงทุนในสิ่งที่เป็นจุดอ่อนของเรา การวิจัยของแกลลัพพบว่า บุคคลใดก็ตามที่มุ่งเน้นการบริหารจุดแข็งในการทำกิจกรรม เรียน หรือทำงานทุกวันจะมีประสิทธิผลมากกว่าถึง 12.5% และพนักงาน องค์กร ธุรกิจ หรือทีมใดที่ได้รับการพูดคุยหรือคำติชมเพื่อการพัฒนา (feedback) เกี่ยวกับจุดแข็ง สามารถก็จะสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้น 8.9%
3 ขั้นตอนง่ายๆ ในการพัฒนาพรสวรรค์ของคุณให้กลายเป็นจุดแข็ง
- ค้นหาพรสวรรค์ของตัวคุณให้เจอ
วิธีการที่นำไปสู่การสร้างความสำเร็จของตัวคุณคือการพัฒนาจุดแข็ง และจุดเริ่มต้นในการสร้างและพัฒนาจุดแข็งคือ เราจะต้องค้นหาพรสวรรค์ที่มีภายในตัวของเราให้พบ แล้วอะไรคือพรสวรรค์ พรสวรรค์คือสิ่งที่ทำให้เราไม่เหมือนผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นวิธีการคิด วิธีการบริหารงาน วิธีการดีลกับลูกค้า วิธีการสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อน การคิดและประมวลข้อมูล และการโน้วน้าวจูงใจผู้อื่น พรสวรรค์ไม่ใช่ทักษะดังนั้นพรสวรรค์จึงไม่ใช่สิ่งที่สามารถเลียนแบบหรือเรียนรู้กันได้ง่ายๆ ดิฉันขอเรียกมันง่ายๆ ว่าเป็นอินเนอร์ของเราทุกคน เช่นคุณอาจสังเกตว่าคุณมักจะมองเห็นต้นตอของปัญหาได้อย่างรวดเร็วมากกว่าคนในทีม หรือบริษัทคู่แข่ง และยังรู้อีกด้วยว่าจะแก้ไขมันได้อย่างไร นี่ล่ะที่เรียกว่าพรสวรรค์ ซึ่งต่างจากทักษะตรงที่ ทักษะคือสิ่งที่สอนและเรียนรู้กันได้ วิธีหนึ่งที่คุณอาจค้นหาพรสวรรค์ของคุณได้โดยการทำ Strengthsfinder Assessment เพื่อค้นหาพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ในตัวของคุณ
- รับรู้และเห็นคุณค่าของพรสวรรค์เหล่านั้น
หากคุณทราบพรสวรรค์ของคุณแล้ว แต่คุณกลับมองไม่เห็นประโยชน์ของพรสวรรค์เหล่านั้น มันก็ไร้ค่า คุณควรที่จะเข้าใจพลังและข้อได้เปรียบที่คุณมีจากพรสวรรค์ของคุณ และเชื่อมโยงความสำเร็จที่ผ่านมาของคุณกับพรสวรรค์เหล่านั้น โดยใช้เวลาในศึกษาความสำเร็จของตัวเองมากกว่าการคิดถึงสิ่งที่ล้มเหลว สิ่งนี้จะทำให้คุณสามารถเห็นการทำงานของพรสวรรค์ของตัวเอง และทำให้คุณทราบว่าพฤติกรรมใดคือการแสดงออกของพรสวรรค์นั้นๆ ในด้านบวก เพื่อที่คุณจะทำมันซ้ำได้อีก เช่นเพื่อนร่วมงานของคุณมักขอความคิดเห็นจากคุณก่อนที่จะเริ่มต้นโปรเจ็คท์ใหม่เสมอ เพราะว่าคุณสามารถเห็นช่องโหว่ในกิจกรรมต่างๆได้อย่างรวดเร็วและทำให้ทีมประหยัดเวลาโดยไม่ต้องทำไปแล้วกลับมาแก้
- ตั้งเป้าฝึกฝนเพื่อเปลี่ยนพรสวรรค์ให้กลายมาเป็นจุดแข็ง
พรสวรรค์จะเป็นเพียงแค่สิ่งที่อยู่ภายในตัวของเราทุกคุณ หากคุณไม่ฝึกฝนพรสวรรค์ที่มีเหล่านั้นในตัวของคุณหรือนำมันออกมาใช้อย่างสม่ำเสมอ พรสวรรค์เหล่านั้นก็จะไม่ถูกพัฒนา เฉกเช่นมีด หากเรามีการลับคมอยู่เสมอ มีดจะมีความคมกริบและสามารถนำไปใช้งานต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม การทราบพรสวรรค์จะทำให้คุณสามารถที่จะจัดการและตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันได้ดีขึ้น และคุณจะหาวิธีใช้พรสวรรค์ของตนเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้และได้ผลลัพธ์ที่ต้องการบ่อยขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นจากตัวอย่างที่ได้กล่าวมาด้านบน เมื่อคุณทราบพรสวรรค์ในการเป็นนักแก้ไขปัญหาของคุณแล้ว คุณควรที่จะแสดงตน และขอเข้าร่วมการประชุมเปิดโครงการแต่แรก เพื่อที่คุณจะสามารถรับฟังแผนงานของโครงการ และช่วยชี้ช่องโหว่ที่อาจมี หรือช่วยทีมคิดวิธีป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
จงปลดปล่อยตัวคุณเองจากวงจรของการพยายามเปลี่ยนตัวเองให้เหมือนคนอื่นหรือใช้พลังของตนในแต่ละวันไปกับการพยายามกลบจุดด้อยหรือกำจัดจุดอ่อน ในทางกลับกันให้หาพรสวรรค์ของตัวคุณให้เจอ หาสิ่งที่คุณเป็นอยู่
เมื่อคุณไม่ต้องฝืนตัวเอง และเรียนรู้วิธีที่จะเป็นตัวของตัวเองที่ดีขึ้น คุณก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีแนวโน้วที่จะมีความผูกพันในสิ่งที่ทำมากขึ้นอีกด้วย แล้วความสำเร็จก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
ขอบคุณที่มาจาก มติชน วันที่: 20 ก.ย. 59 เวลา: 20:41 น.