ผลกระทบจึงเกิดต่อคุณภาพชีวิตของเด็กและคุณภาพการศึกษาของชาติในภาพรวม หากถามว่าเราปล่อยให้ปัญหาการพัฒนาผู้คนในระดับรากหญ้าอยู่มาถึงวันนี้ได้อย่างไร
การศึกษาไทย...ใช้งบประมาณมาก...แต่คุณภาพด้อยกว่าประเทศอื่น แถมยังมี “สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน” ความเหลื่อมล้ำด้านคุณภาพการศึกษาของเด็กชนบทกับในเมืองที่เกิดช่องว่างกันมากขึ้น ด้วยเด็กในเมืองมีปัจจัยการเรียนรู้และฐานะครอบครัวที่ดีกว่า ได้เรียนรู้ในโรงเรียนที่มีความพร้อมกว่า ได้กวดวิชาเพิ่มเติม แต่สำหรับเด็กชนบทที่อยู่ตาม เกาะ แก่ง ป่าเขา บนดอย ตะเข็บชายแดน หรือพื้นที่ห่างไกล ปัจจัยความพร้อมดังกล่าวมีน้อยมากโดยเฉพาะโรงเรียนที่เป็นแหล่งเรียนรู้หลักยังขาดความพร้อมปัจจัยในการพัฒนาทุกด้าน ด้วยเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งโรงเรียนลักษณะที่ว่านี้ยังมีอยู่ไม่น้อยกว่า 15,000 แห่ง ที่เด็กรุ่นแล้วรุ่นเล่าผ่านออกไปโดยที่ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มตามศักยภาพที่มีอยู่
ผลกระทบจึงเกิดต่อคุณภาพชีวิตของเด็กและคุณภาพการศึกษาของชาติในภาพรวม หากถามว่าเราปล่อยให้ปัญหาการพัฒนาผู้คนในระดับรากหญ้าอยู่มาถึงวันนี้ได้อย่างไร ก็คงตอบแทนได้ว่า ทุกรัฐบาลก็ได้มีการแก้ปัญหาแต่เป็นการแก้ไขไม่ตรงจุดตรงบริบทโดยเฉพาะขาดความจริงจัง ต่อเนื่อง ทั่วถึง เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทุกครั้งไป ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กจึงไม่ได้แค่มีอยู่ แต่กำลังจะเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนและความยุ่งยากในการแก้ไขมากขึ้น จึงน่าจะต้องถึงเวลามาคิดแก้ปัญหานี้กันอย่างจริงจังเพื่อคุณภาพผู้เรียนของเด็กระดับรากหญ้าและคุณภาพการศึกษาของชาติ เพื่อให้เห็นแนวทางการแก้ปัญหาและพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กที่เป็นรูปธรรม จึงขอนำเสนอตัวอย่างแนวทางการบริหารจัดการ ตามบริบทที่ตั้งของโรงเรียน ดังนี้
บริบทแรก คือ กลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลตาม เกาะ แก่ง ภูเขา บนดอย ตะเข็บชายแดน หรือพื้นที่พิเศษโรงเรียนตามภูมิศาสตร์ที่ว่านี้แม้จะมีจำนวนเด็กน้อยแค่ไหน ก็คงไปยุบรวมหรือยุบเลิกไม่ได้เพราะจะทำให้เด็กเสียโอกาสด้านการศึกษาหรือออกกลางคันตามมา การแก้ปัญหาหลักก็คงเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะต้องสนับสนุนปัจจัยในการพัฒนาให้พร้อมทุกด้าน เพราะการที่จะหวังให้มีเครือข่ายภาคีจากส่วนต่าง ๆ เข้าไปช่วยคงเป็นไปได้ยากหรือไม่ทั่วถึง ด้วยสภาพปัญหาของพื้นที่กับการเดินทาง หรือกรณีหวังให้ชุมชนมาช่วยสร้างความเข้มแข็งเพื่อความยั่งยืนยิ่งเป็นไปได้ยากใหญ่เพราะลำพังประชาชนเองก็เอาตัวไม่ค่อยจะรอด
รัฐจึงต้องสนับสนุนอย่างเต็มที่ในปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงมีวิธีการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับบริบทของโรงเรียนขนาดเล็กตามภูมิศาสตร์และศักยภาพของเด็กเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นด้านมาตรฐานคุณภาพการศึกษา หลักสูตร ตำราเรียน คู่มือครู นวัตกรรม การใช้เครือข่ายการเรียนรู้ผ่านนวัตกรรมทางไกลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดูแลจัดอาหารเช้าและกลางวันที่มีคุณค่าทางโภชนาการให้ฟรี ปลดล็อกเกณฑ์อัตราส่วนครูต่อนักเรียนเพื่อให้มีครูพอสอนครบชั้น การสรรหาครูและผู้บริหารมืออาชีพเข้าไปพัฒนา ในระยะยาวจะต้องมีสถาบันผลิตครูสำหรับสอนโรงเรียนขนาดเล็กโดยตรง พร้อมมีมาตรการสร้างขวัญกำลังใจทั้งด้านเงินเดือน ค่าตอบแทน วิทยฐานะให้แก่ผู้ปฏิบัติงานให้ได้รับความก้าวหน้า ไม่ใช่ทุกอย่างใช้เกณฑ์เดียวเหมือนกันทั้งประเทศเช่นปัจจุบันนี้ก็คงไม่ได้
บริบทสอง กลุ่มที่อยู่ในพื้นที่การคมนาคมสะดวก ชุมชนเมืองหรือตั้งอยู่ใกล้กับโรงเรียนที่มีความพร้อมกว่า กลุ่มนี้น่าจะมีอยู่หลายพันแห่ง ซึ่งเด็กในโรงเรียนภูมิศาสตร์นี้จริง ๆ แล้วน่าจะได้รับโอกาสด้านคุณภาพมานานแล้วเพราะมีทางเลือกด้วยอยู่ในพื้นที่ไม่ยุ่งยากเหมือนกลุ่มแรก หากภาครัฐและชุมชนมีการบริหารจัดการที่ดีร่วมกัน แต่ปัญหานี้ยังมีอยู่ก็เพราะยังมีการยื้อยุดเพื่อให้โรงเรียนขนาดเล็กบริบทนี้ต้องดำรงอยู่ด้วยสารพัดเหตุผล โดยไม่ได้ยึดเอาคุณภาพผู้เรียนเป็นตัวตั้ง ทั้งที่รู้ว่าความพร้อมการพัฒนายังน้อยเพราะขาดครูผู้สอน การบริหารจัดการเหมือนกับโรงเรียนขนาดใหญ่ทุกอย่าง ครูต้องทิ้งห้องเรียนเพื่อไปร่วมกิจกรรม โครงการ ที่หน่วยเหนือสั่งการจนแทบไม่มีเวลาสอน ที่สำคัญเมื่อโรงเรียนมีจำนวนมาก งบประมาณที่ถูกส่งไปก็กลายเป็นเบี้ยหัวแตกไม่พอกับการแก้ปัญหาและพัฒนา คุณภาพเด็กจึงไม่เกิดตามเป้าหมายของการใช้งบประมาณ ในการแก้ปัญหาเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโรงเรียนขนาดเล็กบริบทที่ว่านี้น่าจะมีทางออกได้หลายวิธี อาทิ
จัดเป็นศูนย์เครือข่ายนิติบุคคล บริหารงานในรูปคณะกรรมการ มีผู้บริหารโรงเรียนที่ตั้งศูนย์เป็นประธาน ผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในเครือข่ายเป็นคณะกรรมการ ทำหน้าที่พัฒนาคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนในศูนย์เครือข่ายทั้งหมด ส่วนงานประจำหรืองานธุรการให้โรงเรียนที่ตั้งศูนย์ที่มีความพร้อมด้านบุคลากรเป็นผู้ดำเนินการ หากทำได้เช่นนี้ก็จะทำให้ครูโรงเรียนขนาดเล็กมีเวลาสอนมากขึ้น รวมถึงจะทำให้เกิดการช่วยเหลือเกื้อกูลกันทั้งด้านครู สื่อ และปัจจัยต่างๆ ส่วนเด็กก็จะได้มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนต่างโรงเรียน เกิดการพัฒนาทักษะในด้านต่าง ๆ อย่างเต็มศักยภาพมากขึ้น ซึ่งวิธีการนี้เมื่อมีตำแหน่งผู้บริหารโรงเรียนในเครือข่ายว่างลงไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ให้ตัดไปเป็นอัตราครูผู้สอนแทน เพราะมีคณะกรรมการบริหารอยู่แล้ว หากทำได้เช่นนี้คุณภาพผู้เรียนก็จะดีขึ้น ปัญหาครูไม่พอสอนจะลดน้อยลงงบประมาณก็จะถูกนำไปใช้เกิดคุณค่ากับผู้เรียน การเกื้อกูลในเครือข่ายก็จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
จัดเป็นศูนย์การเรียนรู้ สำหรับโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนต่ำกว่า 50 คน ที่ไม่สามารถรวมเป็นศูนย์เครือข่ายได้จะด้วยเหตุใดก็ตาม ส่วนนี้อาจโอนให้หน่วยงานการศึกษาอื่นมาจัดแทน หรือจัดให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ เพื่อที่จะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยพัฒนาได้มากขึ้น
วิธีสุดท้ายที่จะขอนำเสนอ คือ การยุบรวมหรือยกเลิก สำหรับโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในชุมชนเมืองที่ไม่ได้ร่วมเป็นภาคีเครือข่ายในศูนย์นิติบุคคล หรือไม่สามารถจัดเป็นศูนย์การเรียนรู้ได้ โดยรัฐต้องจัดค่าพาหนะ ประกันอุบัติเหตุให้ การบริหารจัดการด้วยวิธีการนี้นอกจากจะเกิดผลดีต่อคุณภาพเด็กแล้ว ยังจะทำให้รัฐเหลือปัจจัยไปช่วยพัฒนาเด็กจากโรงเรียนขนาดเล็กในบริบทแรกให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย
การบริหารจัดโรงเรียนขนาดเล็กเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เกิดคุณภาพสูงสุดเต็มตามศักยภาพที่มีอยู่นั้นเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่จะต้องร่วมมือกัน เพราะการที่จะปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายแก้ไขอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะโรงเรียนเกี่ยวข้องในหลายภาคส่วนและในการแก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กจะให้ได้ผลนั้นจะต้อง รู้ลึก รู้จริง ถึงแก่นแท้บริบทของพื้นที่และมีวิธีการแก้ไขที่สอดคล้องกับปัญหาอย่างตรงจุด ทั่วถึง และต่อเนื่อง ปัญหาความเหลื่อมล้ำคุณภาพชีวิตคนชนบทกับคนเมืองก็จะลดน้อยลง คุณภาพการศึกษาของชาติก็จะดีขึ้น แต่หากยังปล่อยให้โรงเรียนขนาดเล็กเป็นไปตามยถากรรมต่อไป โอกาสที่จะเห็นผู้คนระดับรากหญ้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เห็นประเทศชาติก้าวเดินผ่านพ้นประเทศกำลัง (ด้อย) พัฒนาไปสู่ประเทศพัฒนาแล้วก็คงยังยากไกลเกินฝันที่จะเดินไปได้ถึงอยู่อีกแน่.
กลิ่น สระทองเนียม
ที่มา: http://www.dailynews.co.th