Single Gateway กับสังคมไทย "เมื่อกล่องแพนดอร่าเปิดแล้ว" โดย ศุภชัย ศุภผล
ในช่วงอาทิตย์นี้ที่ผ่านมาได้เกิดปรากฎการณ์ Single Gateway และปรากฏการณ์ F5 รีเฟรชทั้งวันทั้งคืน โดยคาดว่าปรากฏการณ์นี้ได้มีผู้เข้าร่วมรีเฟรชหน้าจอไม่ต่ำกว่าแสนคน
ผลลัพธ์ของปรากฏการณ์นี้ได้นำไปสู่ เว็บไซต์ของรัฐบาลหลายแห่งล่มอย่างช่วยไม่ได้ โดยเฉพาะเว็บไซต์ของกระทรวง ICT ที่โดนจองกฐินเป็นเจ้าแรก
สาเหตุของปรากฏการณ์นี้มาจากมีกระแสของการที่รัฐบาลจะจัดระเบียบเส้นทางของข้อมูลข่าวสารโดยใช้ช่องทางเดียว หรือที่เรียกว่า “Single Gateway” สำหรับผู้อ่านบางคนที่ยังไม่ค่อยทราบเรื่องดังกล่าว ผู้เขียนจะอธิบายอย่างง่ายให้เข้าใจก็คือ แต่เดิมการใช้อินเตอร์เน็ตนั้นจะมีประตูหลายบานนับไม่ถ้วนในการเข้าสู่โลกออนไลน์ แต่ระบบ Single Gateway ที่รัฐบาลจะนำมาใช้นั้น (ตอนหลังออกมาแก้ว่า แค่ศึกษาเฉยๆ ยังไม่ได้จะนำมาใช้จริงๆ) มันคือการปิดประตูทุกบานให้เหลือแค่ประตูบานเดียว และประตูบานนั้นรัฐบาลจะเป็นคนควบคุมด้วยตัวเอง โดยระบบประตูบานเดียวที่ว่านี้ในโลกปัจจุบันมีแต่ประเทศเกาหลีเหนือ ประเทศจีน และประเทศตะวันออกกลางที่ใช้ กล่าวง่ายๆก็คือ มีแต่ประเทศเผด็จการตกรุ่นเท่านั่นแหละครับที่ใช้ระบบประตูบานเดียวนี้
จากกระแสที่รัฐบาลจะใช้ระบบSingle Gateway มันก็ได้นำไปสู่คนที่ไม่เห็นด้วยเป็นจำนวนมาก ซึ่งการไม่เห็นด้วยไม่ใช่แค่บอกว่าไม่เห็นด้วยและก็อยู่เฉยๆ แต่การไม่เห็นด้วยในครั้งนี้มันนำไปสู่ปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมคือ พวกเขาเหล่านั้นได้ไปทำการรีเฟรชหน้าจอตามเว็บไซต์รัฐบาลต่างๆโดยเฉพาะของกระทรวงICT (กระทรวงกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เอาหมอผีไปปัดรังควาญนั่นแหละครับ) ซึ่งเราต้องเข้าใจว่าการรีเฟรชหน้าจอ ด้วยการไปกดคีย์บอร์ดปุ่ม F5 ในเวลาพร้อมๆกันและกดเป็นจำนวนมากเป็นหมื่นๆแสนๆคน มันก็ได้นำไปสู่การล่ม(สลาย)ของบรรดาเว็บไซต์รัฐบาลจนทำการไม่ได้
ปรากฏการณ์นี้กำลังบอกอะไรกับเรา และบอกอะไรกับภาครัฐ สำหรับตัวผมเอง ผมมองว่า ปรากฏการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่ได้ตระหนักเลยว่า โลกในยุคปัจจุบันมันเป็นโลกที่พวกพี่ๆจะมาควบคุม สั่งการ และมาบอกว่า อะไรคือสิ่งที่พลเมืองต้องรู้ และอะไรคือสิ่งที่พลเมืองไม่จำเป็นต้องรู้ รัฐบาลจะมากระทำตัวเสมือนเป็นคุณพ่อรู้ดี หรือ พี่ชายรู้มากไม่ได้ได้อีกแล้ว โลกใบนี้คือโลกยุคหลังสงครามเย็น ไม่ใช่โลกยุคสงครามเย็นที่ผู้ปกครองจะมาปิดกั้นควบคุมข้อมูลข่าวสารได้อีก ปัจจุบันมนุษย์ทุกคนสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้อย่างเสมอภาคขอแค่คุณมีโทรศัพท์ หรือ มีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุค มันก็เพียงพอแล้ว ซึ่งด้วยบริบทของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป มันจึงนำไปสู่ปรากฏการณ์ F5 ตามที่กล่าวไปแล้ว
ด้วยปรากฏการณ์ F5 นี้เอง มันทำให้ตัวผมนึกถึงตำนานหนึ่งในอดีต นั่นก็คือตำนานกรีกเรื่องกล่องแพนโดร่า (Pandora Box) สำหรับผู้อ่านบางคนอาจจะไม่รู้ว่า ตำนานกล่องแพนดอร่านี้มันคืออะไร
ผมจะอธิบายสั้นๆให้ฟัง กล่าวคือ ตามตำนานกรีกเล่าว่า มนุษย์นั้นถูกสร้างขึ้นมาจากฝีมือของเทพเจ้าที่มีชื่อว่า “โพรเมทิอุส” จากการบัญชาของเทพใหญ่ที่สุดของบรรดาเทพก็คือซุส ผลงานการสร้างมนุษย์ดังกล่าวของโพรเมทิอุส ทวยเทพทั้งหลายต่างพอใจ มากไปกว่านั้นเทพซุสได้ให้เทพโพรเมทิอุสช่วยสั่งสอนให้มนุษย์รู้จักเคารพในเทพเจ้า ด้วยการทำให้พวกเขารู้จักการทำเครื่องสังเวยแก่เทพเจ้า เทพโพรเมทิอุสคิดว่า ถ้ามนุษย์ใช้เนื้อสัตว์เพื่อทำการบูชาสังเวยต่อเทพเจ้าทั้งหลายจนหมด ก็คงจะไม่มีอะไรเหลือให้มนุษย์เก็บไว้ให้ตัวเองกิน
ด้วยเหตุนี้ เทพโพรเมทิอุสจึงสอนอุบายให้แก่มนุษย์ โดยการแบ่งเนื้อเป็นสองกอง โดยกองหนึ่งเป็นเพียงโครงกระดูกที่ปิดหน้าด้วยไขมันสัตว์ ในขณะที่อีกกองหนึ่งเป็นเนื้อล้วนๆแต่ใช้เครื่องในอำพรางไว้ เมื่อเทพซุสเห็นเข้า ก็หลงอุบายและเลือกกองที่มีแต่โครงกระดูก เพราะคิดเอาเองว่าภายในจะซ่อนเนื้อวัวไว้ แต่ภายหลังเจอว่ามีแต่กระดูก (โดนมนุษย์ต้มเสียจนเปื่อย) ซุสก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงต่อเทพโพรเมทิอุสในฐานะที่เสี้ยมสอนพวกมนุษย์ ดังนั้นซุสจึงลงโทษเทพโพรเมทิอุส โดยการจับตรึงเอาไว้กับเทือกเขาคอเคซัส และปล่อยให้เหยี่ยวนกกาบินมาแทะกินตับของเทพโพรเมทิอุสในทุกๆวัน
ซึ่งเรื่องราวของกล่องแพนดอร่าก็ต่อเนื่องมาจากเรื่องที่เล่าให้ฟังในข้างต้น คือ เมื่อล้างแค้นโพรเมทิอุสเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็มาถึงวาระของมนุษย์ แผนของซุสคือ พระองค์ได้ส่งกล่องใบหนึ่งมาให้ชายาของเทพเอพิเมทิอุสมีนามว่า แพนดอร่า ซึ่งซุสวางยาไว้ว่าเมื่อใดที่เปิดกล่องนี้ออกมา ความชั่วร้ายทั้งหมดทั้งมวลจะออกมาจากกล่องนี้ วันหนึ่งแพนดอร่าอดรนทนไม่ได้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงได้เปิดกล่องนี้ออก และเมื่อเปิดก็สมใจบรรดาทวยเทพ คือความฉิบหาย ความเลวร้ายทั้งปวงก็ออกมาสู่โลก
และเมื่อแพนดอร่าตกใจก็ปิดกล่องใบนั้นในทันที แม้จะช้าไปที่ความชั่วร้ายได้ออกมาจนเกือบหมดแล้ว แต่การปิดของเธอมันก็ทันท่วงทีที่จะไม่ให้สิ่งหนึ่งออกมาจากกล่องนั่นก็คือ ความสิ้นหวังซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในกล่อง ด้วยเหตุนี้เองแม้ว่าจะมีความฉิบหายแก่โลกมนุษย์แค่ไหน แต่มนุษย์นั้นก็ยังมีความหวังที่จะทนอยู่ได้ภายใต้ความเลวร้ายทั้งหมดทั้งปวง (เพราะความสิ้นหวังไม่ได้ออกมาจากกล่อง มนุษย์จึงมีความหวังตลอดเวลา)
จากเรื่องกล่องแพนดอร่านี้เอง นัยยะหนึ่งอาจจะดูเหมือนไม่เกี่ยวกับ Single Gateway แต่บางทีอาจจะเตือนสติภาครัฐได้บ้างว่า ไอซีทีไม่รู้รึครับว่า กล่องแพนดอร่าในศตวรรษที่ 21 ได้ปลดปล่อยแนวคิดเสรีออกมาจากกล่องตั้งนานแล้ว (จริงๆกล่องถูกเปิดออกมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18) ผลจากการปลดปล่อยนี้มันก็ทำให้โลกของเราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป กระทรวงไอซีทีจะมาใช้วิธีควบคุมแบบง่ายๆอย่างในยุคสงครามเย็นไม่ได้อีกแล้ว ไอซีทีไม่เห็นหรือว่า ด้วยวิธีคิด Single Gateway นี้ มันได้นำเด็กติดเกมส์ หรือ พวกนิยมดูหนังโป๊ออนไลน์ หรือคนประเภทอื่นๆที่ไม่เห็นด้วยกับการควบคุมแบบไม่ค่อยฉลาดนี้ ซึ่งแต่เดิมพวกเขาไม่สนใจการเมืองเลยก็ว่าได้ กลับมาสนใจการเมืองและด่าทอกระทรวงไอซีทีจนฉิบหายบรรลัยจักร และนำไปสู่ปรากฏการณ์ F5 อย่างที่เห็น
และจากการที่กล่องแพนดอร่าเปิดแล้ว สำหรับตัวผมเองคิดว่า ในโลกปัจจุบันวิธีคิดแบบเบ็ดเสร็จไม่สามารถที่จะควบคุมความคิดของคนแบบทื่อๆได้อีกต่อไป ถ้าท่านจะทำ ท่านต้องปิดประเทศไม่ยุ่งกับใครครับ ประทานโทษนะครับ อันนี้ผมคิดว่า ผู้ปกครองควรจะปรับปรุงวิธีคิดให้ทันกับโลกและยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป มากกว่าที่จะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงและจมตัวเองให้เป็นการเมืองควบคุมเบ็ดเสร็จแบบยุคสงครามเย็น หรือเผด็จการตกยุค
อันนี้พูดจากใจจริงๆเลย ภาครัฐควรจะตระหนักไว้เถอะว่ากล่องแพนดอร่ามันเปิดแล้ว ซึ่งต่อให้ปิดทันด้วยกะลาSingle Gateway แต่ห้ามลืมนะครับว่า แนวคิดเสรีมันออกมาจากกล่องมาแล้ว และมันก็แพร่ระบาดรวดเร็วไปทั้งโลกยิ่งกว่าเชื้อโรคใดๆ มากไปกว่านั้นมันก็จะไม่กลับเข้าไปในกล่องอีก พวกพี่ๆไม่เชื่อผมก็ตามใจ
-หมายเหตุผู้เขียนเป็นนักวิชาการด้านทฤษฎีการเมือง จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 3 ตุลาคม 2558