วงเสวนาสนช.-สปช.เสนอ ตั้งองค์กรอิสระรับผิดชอบ โดยเฉพาะ
วงเสวนาปฏิรูประบบหลักสูตรการสอน เสนอตั้งหน่วยงานรับผิดชอบการพัฒนาหลักสูตร หรือฟื้นกรมวิชาการขึ้นมาดูแลโดยตรง ชี้ทุก รัฐบาลพยายามปรับหลักสูตรโดยขาดข้อมูลสนับสนุน ซึ่งเป็นอันตรายมาก
คณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ร่วมกับคณะกรรมาธิการการปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาทรัพยามนุษย์ สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) จัดเสวนา วานนี้ (18 พ.ค.) เกี่ยวกับร่างข้อเสนอเชิงนโยบาย เรื่อง"การปฏิรูประบบหลักสูตรและการเรียนการสอน"
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวเปิดการเสวนาใจความว่า ที่ผ่านมา การศึกษาไทยมีปัญหาสะสมอยู่มาก ขณะเดียวกันการจัดการศึกษาก็ต้องตอบโจทย์การเป็นพหุสังคม การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ระบบการศึกษาไทยจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้เอื้อต่อการผลิตกำลังคนให้มีสมรรถนะที่เหมาะสมกับสถานการณ์เหล่านี้
ขณะเดียวกัน การศึกษาก็ต้องส่งเสริมความเป็นไทย การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม การอนุรักษ์ วัฒนธรรมไทย และยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้สังคมไทยนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เพราะฉะนั้น ต้องพัฒนา การจัดการเรียนการสอนและหลักสูตร ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง
นางสาวรุ่งนภา นุตราวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิเคราะห์วิจัยการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) และอนุ กมธ.การศึกษาขั้นพื้นฐานในกมธ.การศึกษาและการกีฬา สนช. กล่าวว่า ปัญหาของการพัฒนาหลักสูตรคือขาดหน่วยงานที่รับหน้าที่นี้โดยตรง
ในอดีตเคยมีกรมวิชาการทำหน้าที่ แต่ ปัจจุบัน กรมวิชาการถูกยุบเป็นส่วนหนึ่งของ สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สพฐ. เหลือ คนทำงานและงบประมาณจำกัดมาก ทั้งที่การพัฒนา หลักสูตรต้องการความเป็นมืออาชีพ
นอกจากนั้น ยังมีการแทรกแซงกระบวนการพัฒนาหลักสูตรมาโดยตลอด ทุกรัฐบาลพยายามปรับหลักสูตรโดยขาดข้อมูลสนับสนุน ซึ่งเป็นอันตรายมาก ทั้งที่จริง ๆ แล้ว การพัฒนาหลักสูตรต้องทำเป็นกระบวนการ ต้องใช้เวลาและต้องมีผลการวิจัยมารองรับ
"จริงๆ แล้ว ถ้าต้องการปรับเปลี่ยนใดๆ นั้น ไม่จำเป็นต้องมุ่งแต่ปรับตัวเอกสารหลักสูตร แต่สามารถปรับในขั้นตอนการนำไปใช้ได้โดยตลอด การมุ่งปรับแต่เอกสารหลักสูตรนั้น ทำให้เกิดผลกระทบ เช่นต้องมีการสร้างความเข้าใจกับครู การปรับเปลี่ยน หนังสือเรียน แต่ที่ผ่านมา ทุกคนมุ่งแต่ปรับตัวหลักสูตร อาจเพราะทำเรื่องนี้แล้วเห็นเป็นผลงานชัดเจน"
นางสาวรุ่งนภา กล่าวว่า เพราะฉะนั้นข้อเสนอของการปรับหลักสูตรและการเรียนการสอนนั้น เสนอให้มีส่วนราชการที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลทำหน้าที่พัฒนาหลักสูตรโดยเฉพาะ ซึ่งก็มีผู้เสนอหลายแนวทางรวมถึงการฟื้นกรมวิชาการด้วย และให้มีมาตรการป้องกันการแทรกแซงทาง การเมือง ไม่ให้ปรับหลักสูตรโดยไม่มีความเหมาะสม หรือมีข้อมูลรองรับเพียงพอ" น.ส.รุ่งนภา กล่าว
ด้าน ผศ.ไมตรี อินทร์ประสิทธิ์ คณบดีคณะศึกษาศาสตร์และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยคณิตศาสตร์ศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น และอนุ กมธ.การศึกษา ขั้นพื้นฐานใน กมธ.การศึกษาและการกีฬา กล่าวว่า นอกจากการพัฒนาหลักสูตรแล้ว จะต้องมีการทำวิจัยเรื่องการพัฒนาหนังสือเรียน คู่มือการเรียนการสอนของครูด้วย รวมถึงเรื่องการพัฒนาระบบผลิตครูและระบบอบรมพัฒนาครูประจำการ ในต่างประเทศมีการลงทุนในทั้ง 2 เรื่องอย่างสูงมาก แต่ของไทยยังทำ 2 เรื่องนี้ไม่เป็นระบบ
ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการแผ่นดิน อดีตผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ กล่าวว่า เสนอให้มีการตั้งองค์กรอิสระทำหน้าที่วิจัยพัฒนาหลักสูตรโดยเฉพาะ อาจใช้ชื่อว่าสถาบันวิจัยและพัฒนาหลักสูตร มีพ.ร.บ.ของตัวเองรองรับ และทำหน้าที่ ในสิ่งที่ควรทำ
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ