ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ครั้งที่ 9/2558 เมื่อวันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2558 ที่ห้องประชุมจันทรเกษม ซึ่งมีพลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมว่า ที่ประชุมได้หารือถึงมาตรฐานตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาและความก้าวหน้าในการเป็นครูสายผู้สอน รวมทั้งการกำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ
มาตรฐานตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหาร
โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (สำนักงาน ก.ค.ศ.) ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบมาตรฐานตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งที่ผ่านมาประสบปัญหามาโดยตลอด เนื่องจากระบบการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ทำให้ได้ผู้บริหารที่อายุยังน้อย ขาดประสบการณ์ และไม่สามารถปกครองครูหรือบริหารการจัดการศึกษาได้ดีพอ ทั้งในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและระดับอาชีวศึกษา
สำนักงาน ก.ค.ศ.จึงได้นำเสนอแนวทางการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว โดยมีประเด็นคือ ผู้ที่จะเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหาร ควรจะต้องมีประสบการณ์การสอนอย่างน้อย 4-6 ปี และก่อนจะเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดจะต้องมีประสบการณ์ในสายบริหารอีกอย่างน้อย 4-5 ปี หรือโดยสรุปคือผู้ที่เริ่มต้นจากการเป็นครูและต้องการก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 9-11 ปี จากเดิมครูที่จบระดับปริญญาตรีใช้เวลาประมาณ 4 ปีก็สามารถสอบเป็นรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และใช้เวลาอีก 1 ปีในการสอบเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษาได้ จึงเชื่อว่ากระบวนการดังกล่าวจะทำให้มีความเข้มข้นขึ้นและเพียงพอที่จะให้ผู้ประสงค์จะเป็นผู้บริหารสถานศึกษามีประสบการณ์การสอนและการบริหารที่มากพอ รวมทั้งจะทำให้ได้ผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน รมว.ศึกษาธิการก็ได้ให้หลักการที่สำคัญว่า ครูที่อยู่ในสายการสอนและไม่ประสงค์จะเป็นผู้บริหาร ก็ควรจะได้รับความก้าวหน้ามั่นคงได้ทัดเทียมกับผู้ที่ต้องการก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารเช่นกัน จึงขอให้สำนักงาน ก.ค.ศ.จัดวางระบบบริหารงานบุคคล เพื่อให้ได้ผู้บริหารมืออาชีพที่มีประสบการณ์พอเพียงในการดูแลและบริหารจัดการสถานศึกษาได้ดี ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลส่งเสริมสนับสนุนครูที่รักการสอนให้มีความก้าวหน้าในอาชีพและสามารถเก็บครูดีไว้กับเด็กได้ โดยไม่มีความแตกต่างหรือลักลั่นกัน
ที่ประชุมรับทราบในหลักการ และขอให้นำเสนอ ก.ค.ศ.พิจารณาต่อไป
Advertisement
การกำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้แก่ ครูผู้สอนและผู้บริหารสถานศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาที่มีสภาพยากลำบาก เช่น บนพื้นที่สูง พื้นที่ชายขอบ ตามเกาะแก่ง และพื้นที่ที่มีเหตุการณ์ไม่สงบ เป็นต้น โดยจะมีการจ่ายเงินเพิ่มตามลักษณะความยากลำบากและลักษณะพิเศษของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งได้จ่ายเงินพิเศษในส่วนนี้ให้กับบุคลากรสายนิติการ และบุคลากรทางการศึกษาที่ดูแลการสอนผู้พิการอยู่แล้ว
ที่ประชุมจึงได้มีมติให้ สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปสำรวจและเทียบเคียงการกำหนดเงินเพิ่มกับหน่วยงานอื่นๆ ที่มีการจ่ายเงินอุดหนุนลักษณะดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันมีการจ่ายเบี้ยกันดารให้กับข้าราชการทุกกระทรวงที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ยากลำบาก รวมทั้งขอให้พิจารณาความเหมาะสม ตลอดจนหามาตรการจูงใจอื่นที่ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเงิน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครูในพื้นที่ยากลำบากให้ได้ เช่น การย่นระยะเวลาในการประเมินวิทยฐานะ การนับอายุราชการเพิ่มสำหรับข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ยากลำบาก โดยให้จัดทำรายละเอียดและนำเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาต่อไป
โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีที่มีการแอบอ้างชื่อรัฐมนตรีของกระทรวงศึกษาธิการในการวิ่งเต้นช่วยเหลือเรื่องต่างๆ นั้น รมว.ศึกษาธิการได้ย้ำในที่ประชุมด้วยว่า การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันถือเป็นเรื่องสำคัญมาก กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายชัดเจนว่าจะต้องไม่มีเรื่องการวิ่งเต้นช่วยเหลือหรือทุจริตคอร์รัปชันใดๆ ทั้งสิ้น การแอบอ้างชื่อในลักษณะดังกล่าวไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้ที่ถูกแอบอ้างฝ่ายเดียวเท่านั้น แต่บุคคลภายนอกที่หลงเชื่อคำแอบอ้างก็ได้รับความเสียหายเช่นกันด้วย
ที่มา ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ