คอลัมน์ เอชอาร์ คอร์เนอร์ โดย ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์ http://tamrongsakk.blogspot.com
หางานใหม่ กับ การลาออก
ผมว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องน่าสนใจ และเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนเลยนะครับ ซึ่งพอพูดกันถึงเรื่องนี้ ผมเชื่อว่าต่างคนต่างมีความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ที่แตกต่างกันออกไป
เราลองมาดูกันสิครับว่า แต่ละทางเลือกข้างต้นนี้จะมีข้อดี-ข้อเสียยังไงบ้าง
ก.หางานใหม่ให้ได้ก่อนแล้วค่อยลาออก
ข้อดีของทางเลือกนี้
1.เรายังมีงาน และมีเงินเดือน (จะเรียกว่าของตายก็ได้นะครับ) รองรับอยู่ ถ้ายังไม่ได้งานใหม่ เรายังทำงานที่เดิมไปพลาง ๆ ก่อนได้ ถ้าบริษัทใหม่ที่เราไปสมัครงาน หรือสัมภาษณ์ไว้ เขาตอบรับแล้วเราค่อยมาตัดสินใจอีกทีหนึ่ง
2.ยิ่งไปสมัครงานไว้หลายแห่ง ยิ่งมีตัวเลือกให้เปรียบเทียบได้แบบไม่ต้องรีบร้อน เพราะยังไงก็มีงานในปัจจุบันรองรับอยู่
3.ยังมีอำนาจในการต่อรองตำแหน่ง, เงินเดือน ฯลฯ ดีกว่าไม่มีงานอะไรทำในตอนนี้ แถมภาพลักษณ์จะดูดีกว่าการเป็นคนตกงาน
ข้อเสียของทางเลือกนี้
1.การออกไปหางาน, ไปสัมภาษณ์ หรือติดต่องานกับที่ใหม่ค่อนข้างลำบากสักหน่อย เพราะถ้าลาหยุดไปบ่อยจนผิดสังเกต หัวหน้าจับได้ ข่าวรั่วไหล ฯลฯ อาจจะโดนหัวหน้า หรือฝ่ายบริหารหมายหัวไว้ว่าเป็นคนไม่รักองค์กร คิดหาทางตีจาก ทำให้มีผลต่อการขึ้นเงินเดือน, โบนัส, โอกาสความก้าวหน้า ฯลฯ
2.ถ้าบริษัทที่ใหม่ต้องการคนที่มาทำงานเร็ว อาจจะไปไม่ได้ เพราะต้องยื่นใบลาออกล่วงหน้าตามระเบียบกับที่ปัจจุบัน ไหนยังต้องรอให้บริษัทหาคนใหม่มาแทน และสอนงานคนใหม่ให้รู้เรื่องแล้วส่งมอบงานกันให้ดีเสียก่อน (นี่ผมพูดถึงคนที่มีความรับผิดชอบที่ทำตามกฎระเบียบของบริษัทและอยากจะลาออกจากกันด้วยดีนะครับ) ซึ่งแน่นอนว่าจะสะบัดก้นไปทันทีก็คงไม่งามแน่ ๆ
ข.ลาออกแล้วค่อยหางานใหม่
ข้อดีของทางเลือกนี้
1.มีเวลาหางานใหม่ได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ แอบเจ้านายออกมาหางาน ไม่ว่าบริษัทแห่งใหม่จะนัดทดสอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์กี่ครั้ง เมื่อไหร่ พร้อมจะไปตามนัดได้อย่างสบายใจ
2.ถ้าบริษัทแห่งใหม่ต้องการคนที่พร้อมจะมาเริ่มงานได้เร็ว เราพร้อมจะมาทำงานให้เขาได้อย่างทันใจเช่นเดียวกัน เพราะว่างงานอยู่แล้วตอนนี้
3.มีเวลาในการเตรียมตัวสำหรับการไปสมัครงานในที่แห่งใหม่ได้เต็มที่ เช่น หาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทแห่งใหม่, การเตรียมทำเรซูเม่ (Resume) ให้ดูดีมีชาติตระกูล ทำให้น่าสนใจ, การเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์ในที่ใหม่ ฯลฯ
ข้อเสียของทางเลือกนี้
1.อำนาจต่อรองลดลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตำแหน่ง, เงินเดือน ฯลฯ จะลดลง เพราะที่แห่งใหม่มักจะเห็นว่า ตอนนี้ผู้สมัครงานก็ว่างงานอยู่ (พูดภาษาชาวบ้านว่าหลักลอย ไม่มีแบ็กอัพก็ได้มั้งครับ) ก็เลยกดเงินเดือนที่ผู้สมัครต้องการลงได้อีก
2.ทั้ง HR หรือผู้บริหารที่เป็นกรรมการสัมภาษณ์ในบริษัทแห่งใหม่ที่ไปสมัครงาน เขาคงจะต้องมีคำถามนะครับว่า ทำไมถึงต้องลาออกมาก่อนแล้วค่อยมาหางานใหม่ มีปัญหาอะไรในที่ทำงานเดิมมากมายหรือเปล่า
เผลอ ๆ กรรมการสัมภาษณ์บางท่านอาจจะมโนไปไกลขนาดว่า ผู้สมัครรายนี้เป็นคนจับจด ไม่อดทน ไม่สู้งาน เอะอะไม่พอใจก็ลาออกมา โดยไม่แคร์ว่าจะมีงานรองรับหรือเปล่า แล้วถ้ามาอยู่กับบริษัทของเราแล้ว เขาทำอย่างนี้กับบริษัทของเรา มิวุ่นวายต้องมาหาคนใหม่กันกะทันหันทำนองนี้อีกหรือ ฯลฯ แล้วแต่จะมโนกันไปนะครับ
ซึ่งความคิดทำนองนี้คงไม่เป็นผลดีนักกับผู้สมัครงาน แถมถ้าผู้สมัครงานตอบคำถามเหล่านี้ได้ไม่สมเหตุสมผลล่ะก็ โอกาสได้งานยิ่งลดน้อยลงไปอีก เมื่อเปรียบเทียบกับผู้สมัครรายอื่นที่ยังมีงานทำอยู่ในตอนนี้จริงไหมครับ
เป็นยังไงบ้างครับ กับข้อดี-ข้อเสียของทั้งสองทางเลือกที่ผมยกมาข้างต้น คงจะพอเป็นข้อคิดให้ท่านที่กำลังคิดจะหางานใหม่ได้เอาไว้ตัดสินใจได้ดีขึ้นแล้วนะครับว่า จะเลือกทางไหนถึงจะดีที่สุดสำหรับตัวของท่านเอง
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะฝากไว้สำหรับท่านที่กำลังคิดที่จะลาออก คือ อะไรคือปัญหา และสาเหตุที่แท้จริงของความคิดที่ท่านอยากจะลาออกจากที่ทำงานปัจจุบัน ซึ่งเราได้ให้เวลา รวมถึงได้อดทนพยายามแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างเต็มที่แล้วหรือยัง แล้วเราได้คิดตัดสินใจด้วยเหตุและผลอย่างดีแล้ว โดยไม่ใช่ด้วยการตัดสินใจแบบอารมณ์ชั่วแล่น
เพราะอนาคตย่อมขึ้นอยู่กับปัจจุบันที่ท่านตัดสินใจ...ขอให้ท่านตัดสินใจถูกต้องนะครับ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2558