Advertisement
ฝุ่นตลบไปตามๆ กัน เมื่อศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) โดยมี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน ประกาศนำรายชื่อข้าราชการที่มีส่วนพัวพันการทุจริตคอร์รัปชั่นล็อตแรกกว่า 100 คน ส่งให้ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) เพื่อโยกย้ายออกจากตำแหน่ง รอการสอบสวนลงโทษ
ข้าราชการทั้งระดับบิ๊ก ระดับกลาง ร้อนๆ หนาวๆ เช็กกันวุ่นวายว่ามีรายชื่อตัวเองไปโผล่ในบัญชีดำนี้หรือไม่ เผื่อกลับตัวทันหาทางหนีทีไล่
เพราะเกรงว่า "บิ๊กตู่" จะใช้อำนาจจัดการเซ็นแกร๊กย้ายยกแผง
เบื้องหน้าเบื้องหลังของเหตุการณ์นี้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่รัฐบาล คสช.เห็นว่า งานปราบปรามทุจริตเกือบทั้งหมดกลายเป็นงานของ ป.ป.ช.ไป
โดยที่รัฐบาลดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังเลือกทำคดีได้เอง จนถูกวิจารณ์ว่าไม่มีระบบ ไม่มีลำดับ บางคดีเกิดทีหลังแต่เสร็จก่อน บางคดีก็ดองกันยืดยาว บางเรื่องหมดอายุความไปก็มี
และดูจะเน้นการฟาดฟันนักการเมือง ส่วนคดีเกี่ยวกับข้าราชการไม่ค่อยมี ทั้งที่มีการร้องเรียนมากมายหลายคดี
นำมาสู่การตั้ง "คตช." ในระดับบนสุด และ "ศอตช." ที่รวมเอา 4 หน่วยงานเข้ามา
เริ่มต้นจากการดึงเอาคดีเกี่ยวกับข้าราชการที่ถูกดองเอาไว้มาปัดฝุ่นพิจารณากันใหม่
เนื่องจากที่ผ่านมา คสช.ไม่ค่อยแฮปปี้ที่ข้าราชการออกอาการใส่เกียร์ว่าง เบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าและไม่เกรงกลัว เนื่องจากเห็นว่าเป็นรัฐบาลชั่วคราว
ดังจะเห็นจากการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์หลายครั้งหลายหน
ก็ต้องติดตามดูว่า รายการลงแส้ข้าราชการและหน่วยงานปราบคอร์รัปชั่น
ของ คสช.ในครั้งนี้จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน
ขณะเดียวกัน มีบางเสียงบางฝ่ายแสดงความเป็นห่วงการปราบทุจริตในหมู่ข้าราชการตามโมเดลนี้
"อังคณา นีละไพจิตร" นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรี สสร.2550 มองว่า เท่าที่ตามข่าวไม่มีการเผยแพร่เรื่องการตรวจสอบหรือหลักฐานความผิดสู่สาธารณชน ทั้งที่ปัจจุบันมีหลายหน่วยงานที่ทำงานด้านการตรวจสอบทุจริตของเจ้าหน้าที่ อาทิ สตง. ป.ป.ท. ป.ป.ช.
ส่วน ศอตช.เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ ทั้งยังมีข่าวว่าเตรียมรายชื่อเพื่อพิจารณาโยกย้ายข้าราชการกว่า 100 คน ควรดำเนินการด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง
คนที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริต หากคิดว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถใช้ช่องทางของศาลปกครองเพื่อฟ้องร้องผู้บังคับบัญชาได้ น่าจะเป็นอีกทางออกหนึ่ง
เช่น กรณี นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาฯ สมช. ถูกโยกย้ายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ใช้ช่องทางของศาลปกครองเพื่อฟ้องร้องว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ขณะที่ผู้บังคับบัญชาไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คงต้องพิจารณาให้รอบคอบ ระมัดระวังอย่างมาก เพราะถ้าเป็นจริงตามข่าว ครั้งนี้จะเป็นการโยกย้ายเนื่องจากการ ทุจริตคอร์รัปชั่นที่มากที่สุดเลยทีเดียว
"การตรวจสอบต้องมีหลักฐานชัดเจน เพราะการทุจริตไม่ได้ส่งผลต่อผู้กระทำเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงครอบครัวเขาด้วย หากมีหลักฐานจริงต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม บางทีเราอาจบอกว่าการใช้อำนาจของท่านนายกฯตาม ม.44 เร็วดี แต่หากไม่มีหลักฐานชัดเจน อาจเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ละเมิดสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาตามกระบวนการยุติธรรมด้วย" อังคณากล่าว
อังคณาเสนอความเห็นด้วยว่า นายกฯไม่ควรใช้ ม.44 เพราะอาจทำให้เป็นการใช้อำนาจส่วนตัว อาจทำให้มีปัญหา ไม่สามารถตรวจสอบความโปร่งใสได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ หากข้าราชการถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้นทุกอย่างต้องใช้ความโปร่งใส ไม่ใช่บอกว่า "มีหลักฐานที่เชื่อได้ว่า..." แต่ไม่ได้บอกว่าหลักฐานคืออะไร
ถามถึงการทำงานของหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการทุจริตในภาครัฐ อังคณากล่าวว่า ที่ผ่านมาปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความไม่มีประสิทธิภาพ แต่อยู่ที่ความล่าช้า ในฐานะที่เคยเข้าไปอยู่ในกลไกการร้องเรียน เห็นว่าการตรวจสอบแต่ละเรื่องต้องใช้เวลาหลายปี
เมื่อองค์กรเหล่านี้ร้องขอเอกสารจากหน่วยงานใด หน่วยงานนั้นควรรีบส่งเอกสารให้อย่างรวดเร็ว นอกจากปัญหาการส่งเอกสารล่าช้าแล้วยังมีปัญหาการไม่ส่งเอกสาร ทำให้สุดท้ายตรวจสอบไม่พบการทุจริต เพราะไม่มีข้อมูลเพียงพอที่บอกว่าทุจริตหรือไม่ องค์กรพวกนี้ดูเหมือนไม่ค่อยได้ทำอะไรอย่างที่ชาวบ้านครหาว่าบางคดีล่าช้า บางคดีรวดเร็ว
พูดกันถึงในระบบราชการมีการคอร์รัปชั่น ที่ผ่านมาอาจไม่ได้คอร์รัปชั่นในรูปของตัวเงิน แต่เป็นการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย อย่างการปฏิบัติงานล่าช้า เมื่อล่าช้าแล้วก็เกิดความไม่เป็นธรรม หรือหลักฐานบางอย่างหายไป มีความไม่เป็นกลางหรือลำเอียง ถือเป็นการไม่ทำตามนโยบาย ไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ
ส่วนตัวอยากเห็นการปฏิรูปกระทรวงยุติธรรมให้สามารถทำหน้าที่อำนวยความยุติธรรมได้จริง บางหน่วยงานของกระทรวงมีค่าตอบแทนสูงมาก แต่งานที่ออกมาคุ้มค่ากับค่าตอบแทนหรือเปล่า ทั้งยังมีหลายกรม ทั้งกรมราชทัณฑ์ กรมพินิจฯ กรมคุมประพฤติ ทำงานเรื่องยุติธรรมที่กว้างขวางและผูกพันกับชีวิตประชาชนมาก
"ฉะนั้น หากข้าราชการไม่ซื่อสัตย์ พัวพันการทุจริต จึงเป็นเรื่องน่าอับอายและจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการแก้ไข แต่วิธีแก้ไขต้องไม่เป็นการละเมิดหมู่คนหรือเจ้าหน้าที่เองด้วย" อังคณากล่าวทิ้งท้าย
--------------------------------------------------------------------------------
(ที่มา:มติชนรายวัน 11 เมษายน 2558)
ตัวนี้เอาอยู่! สำหรับคุณครูที่ทั้ง "ร้อง เล่น เต้น สอน เปิดเพลง" รุ่นนี้เอาอยู่ ลองดู Sherman TS-101 Trolley Speaker Amplifier ลำโพงบลูทูธล้อลาก ขนาด 6.5 นิ้ว กำลังขับ 60W
฿1,790https://s.shopee.co.th/3VUQ2Kf9NU?share_channel_code=6
Advertisement
 เปิดอ่าน 20,683 ครั้ง  เปิดอ่าน 18,317 ครั้ง  เปิดอ่าน 4,052 ครั้ง  เปิดอ่าน 4,512 ครั้ง  เปิดอ่าน 25,407 ครั้ง  เปิดอ่าน 16,225 ครั้ง
|

เปิดอ่าน 25,407 ☕ 27 ม.ค. 2568 |

เปิดอ่าน 908 ☕ 11 ก.พ. 2568 | 
เปิดอ่าน 2,070 ☕ 6 ก.พ. 2568 | 
เปิดอ่าน 541 ☕ 5 ก.พ. 2568 | 
เปิดอ่าน 1,616 ☕ 5 ก.พ. 2568 | 
เปิดอ่าน 640 ☕ 4 ก.พ. 2568 | 
เปิดอ่าน 2,136 ☕ 2 ก.พ. 2568 |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ 
เปิดอ่าน 46,809 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 22,012 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 16,859 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 19,793 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 7,186 ครั้ง |
|
|