Advertisement
❝ การพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาบาสเกตบอล โดยใช้กิจกรรม
การเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ❞
ชื่อเรื่อง การพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาบาสเกตบอล โดยใช้กิจกรรม
การเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้ศึกษา นายมโน มาพะเนาว์
สถาบัน โรงเรียนเขวาไร่ศึกษา อำเภอโกสุมพิสัย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มหาสารคาม เขต 3
ปีที่ทำ 2550 – 2551
บทคัดย่อ
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมกลุ่มแบบแบ่งกลุ่มตามสังกัดสัมฤทธิผลทางการเรียน
(Student Teams Achievement Division หรือ STAD) เป็นวิธีการจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่ง
ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ช่วยให้นักเรียนได้ฝึกและพัฒนาทักษะในด้านการทำงานร่วมกับผู้อื่น
มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ การแก้ปัญหาและการตัดสินใจ ช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมี
ความสุขพร้อม ๆ กับการพัฒนาความดีงามและความรู้ความสามารถไปด้วยกัน ผู้ศึกษาจึงมีความ
สนใจพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาบาสเกตบอล โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ
เทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 หาดัชนี
ประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วย
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาบาสเกตบอล โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค
STAD ที่ผู้ศึกษาได้พัฒนาขึ้น กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/6 โรงเรียนเขวาไร่
ศึกษา อำเภอโกสุมพิสัย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามหาสารคาม เขต 3 ภาคเรียนที่ 1
ปีการศึกษา 2551 จำนวน 39 คน (ชาย 20 คน และหญิง 19 คน) โดยเลือกกลุ่มตัวอย่าง
แบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้
จำนวน 9 แผน ใช้เวลาเรียน 17 คาบ (รวมทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนอย่างละ 1 คาบ)
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชนิดเลือกตอบ 5 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ มีค่าความยาก
(P) ระหว่าง 0.30 – 0.900 และค่าอำนาจจำแนก (r) ตั้งแต่ 0.20 – 0.90 แบบทดสอบทักษะกีฬา
บาสเกตบอล จำนวน 6 ชุด มีค่าเฉลี่ย 4.60 – 5.00 มีความคิดเห็นอยู่ในระดับเหมาะสมมาก
แบบประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้และการปฏิบัติทักษะกีฬาบาสเกตบอล จำนวน 6 ชุด มีค่าเฉลี่ย
ระหว่าง 9.60 – 11.01 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานระหว่าง 0.49 – 0.97 ค่าร้อยละระหว่าง 73.81
ถึง 84.69 และสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ ระหว่าง 0.18 – 0.65 แบบกำหนดเกณฑ์การประเมิน
พฤติกรรมการเรียนรู้และการปฏิบัติทักษะกีฬาบาสเกตบอล จำนวน 6 ชุด มีค่าเฉลี่ย 10.54
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.82 ค่าร้อยละ 81.07 และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ 0.39 แบบสอบถาม
ความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียน มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.79 ข้อคำถามมีค่าอำนาจจำแนก
ระหว่าง 1.99 – 4.26 สถิติที่ใช้ คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาบาสเกตบอล โดยใช้กิจกรรมการ
เรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ
84.83/87.82 และดัชนีประสิทธิผล มีค่าเท่ากับ 0.7156 ซึ่งแสดงว่า นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ
71.56 ผลจากการศึกษาตามแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ดังกล่าว นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์หลังเรียน
สูงกว่าผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน เท่ากับร้อยละ 30.64 และสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
นักเรียนมีทักษะกีฬาบาสเกตบอล ได้แก่ ทักษะการทรงตัวและการเคลื่อนไหว ทักษะการสร้าง
ความคุ้นเคยกับลูกบาสเกตบอล ทักษะการส่ง – การรับ ลูกบาสเกตบอล ทักษะการเลี้ยงลูก
บาสเกตบอล ทักษะการยิงประตูบาสเกตบอล และทักษะการเล่นทีม ผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงขึ้นกว่า
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และนักเรียนมีความ
พึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับ
มาก ทั้ง 4 ด้าน เรียงตามลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย คือ ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านการ
วัดและประเมินผล ด้านสื่อและอุปกรณ์การเรียนรู้ และด้านเนื้อหา
โดยสรุป แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาบาสเกตบอล โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ
ร่วมมือ เทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
เหมาะสม ช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้และมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้เป็นอย่างดี ครูผู้สอน
ควรนำแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้าง
สมรรถภาพทางร่างกายและอารมณ์ของนักเรียน สอดคล้องกับการส่งเสริมการกีฬาต่อไป
วันที่ 26 มี.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,170 ครั้ง เปิดอ่าน 7,164 ครั้ง เปิดอ่าน 7,134 ครั้ง เปิดอ่าน 7,150 ครั้ง เปิดอ่าน 7,153 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,168 ครั้ง เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,136 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,136 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 16,301 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,271 ครั้ง |
เปิดอ่าน 31,217 ครั้ง |
เปิดอ่าน 21,899 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,238 ครั้ง |
|
|