คนดีที่รัก..เมื่อเราได้เห็นกันครั้งแรก
จิตใจผมก็สั่นไหว..ดุจทะเลป่วน
ตาสบตา..กลิ่นกายรัญจวนใจ
เพียงสัมผัสอุ้งมือที่เรียวยาว
สรรพเสียงใดๆพลันดับวูบลง
คุณเป็นนางฟ้าผู้มอบความสุข
กลิ่นไอแห่งรักประทับลึกในห้วงจิต
ลมหายใจเข้าออกร้อนผ่าวและแผ่ซ่าน
คุณเป็นทั้งกายและใจของผมคนดีที่รัก
เมื่อคราใดที่สองเราต้องพรากจาก
ราวกับว่าโลกนี้มีแต่ความทุกข์
สัมผัสแห่งรักของสองเราในความทรงจำ
เฝ้าหลอกหลอนผมอยู่...ให้ปรุงแต่งคิดคำนึงหาทุกวันคืน
กายและใจผมหายไปกันไหนหนอ…เฝ้ารอคืนวันย้อนกลับมา
ท่านกล่าวว่าทั้ง ตา,หู,จมูก,ลิ้น,กาย….1
ทั้งความสุขและความทุกข์ที่ได้รับ…….1
ทั้งความทรงจำที่เก็บเอาไว้……………1
ทั้งความคิดคำนึงในเรื่องต่างๆ………..1
ทั้งตัวผุ้รับรู้ในความคิดคำนึง………….1
ทั้งหมดนี้ท่านเรียกว่า ขันธ์5คือ 1.รูป 2.ความสุขความทุกข์ 3.ความจำ(สัญญา) 4.ความคิดปรุงแต่ง(สังขาร) 5.ผู้รับรู้(วิญญาณ)
เมื่อขันธ์ทั้งห้า มารวมประกอบกันเข้าจึงเป็นตัวตนของคนๆหนึ่งขึ้นมาเกิดการยึดติดและเกิดการยึดถือว่า นี่คือตัวเรา ร่างกายของเรา จิตใจของเรา คนรักของเรา ครอบครัวของเรา สมบัติของเรา โลกของเราฯลฯ
เมื่อใดก็ตาม ที่นักธรรมได้ทำลายความยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตนได้ ทำลายความเห็นว่าขันธ์ทั้งห้าเป็นตัวของเราลงได้ เมื่อนั้นท่านกล่าวว่าผู้นั้นเป็น อริยะบุคคลขั้นต้นเรียกว่า"โสดาบัน"มีความมั่นคงในความคิดและการกระทำที่สุจริต..มั่นคงในพระรัตนตรัย..เป็นผู้ตกกระแสไหลไปสู่ความดับทุกข์ได้ในที่สุด