Advertisement
2 เขตพื้นที่ฯยังยื้อเพิกถอนบรรจุครูผู้ช่วย ตั้ง กก. สอบข้อเท็จจริงเพิ่ม อ้าง'ดีเอสไอ'ยังไม่ฟันธง แค่ ชี้ส่อไปในทางไม่สุจริต
จากกรณีที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ซึ่งมีนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน ได้มีมติให้แจ้งไปยังคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษา 119 เขต และผู้อำนวยการโรงเรียน ให้พิจารณาเพิกถอนการบรรจุแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการครู ในตำแหน่งครูผู้ช่วย ในการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการครู ในตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีมีความจำเป็น หรือเหตุพิเศษ ว12 ในครั้งที่ผ่านมา จำนวน 334 ราย ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทำหนังสือแจ้งมายัง ก.ค.ศ.และ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ 119 เขต เนื่องจากเห็นว่าบุคคลเหล่านี้กระทำการเข้าข่ายทุจริตในการสอบ ทำข้อสอบผิดในข้อเดียวกัน และมีคะแนนสอบที่สูงผิดปกติ อีกทั้งยังได้แนบเอกสารคำให้การของนายพิษณุ ตุลสุข หัวหน้าผู้ตรวจราชการ ศธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดของ ศธ. ซึ่งได้มีการสรุปเสนอให้ดำเนินการทางวินัยร้ายแรงกับผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รวม 3 ราย เพราะมีมูลสงสัยว่าเป็นผู้ร่วมกระทำผิดวินัย กรณีละเลยหรือจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งประกอบด้วยนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) นายอนันต์ ระงับทุกข์ รองเลขาธิการ กพฐ. และนายไกร เกษทัน ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติกร สพฐ.นั้น
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัด ศธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการทุจริตสอบครูผู้ช่วย เปิดเผยว่า คณะกรรมการชุดที่ตนเป็นประธานได้ประชุมนัดสุดท้ายเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มีข้อสรุปให้ตั้งคณะกรรมการสอบ วินัยร้ายแรงผู้บริหาร ศธ. โดยได้เสนอผลสรุปให้นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. รับทราบแล้ว จากนี้ต้องรอว่านายว่าการ ศธ. รับทราบแล้ว จากนี้ต้องรอว่านายเสริมศักดิ์จะดำเนินการตามข้อเสนอของคณะกรรมการ หรือจะสั่งให้สอบสวนประเด็นใดเพิ่มเติมอีกหรือไม่
แหล่งข่าวระดับสูงใน ศธ.กล่าวว่า ผลสรุปการสอบสวนของคณะกรรมการชุดที่นางพนิตา เป็นประธาน ได้เสนอให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงผู้บริหารระดับสูงของ สพฐ. จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายชินภัทร นายอนันต์ นายไกร และนายสุเทพ ชิตยวงษ์ อดีตผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่งมีมติแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจราชการ ศธ. เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทำให้ราชการเสียหายร้ายแรง อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการชุดนี้ยังไม่สามารถสรุปหรือชี้ชัดได้ว่า ผู้บริหาร สพฐ.ทั้ง 4 คน เกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบครูผู้ช่วย โดยเสนอว่าหากจะให้ชี้ชัดจะต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอีก
นายเสริมศักดิ์กล่าวว่า ได้รับผลสรุปจากคณะกรรมการสืบสวนฯชุดของนางพนิตาแล้ว แต่ยังไม่ได้ดูรายละเอียด คาดว่าในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ จะสามารถบอกได้ว่าแนวทางดำเนินการต่อไปจะเป็นไปในทิศทางใด แต่หากใครที่มีหลักฐานชี้ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จริงก็ต้องดำเนินการตามที่คณะกรรมการสืบสวนฯเสนอมา แต่ถ้าใครที่ความผิดยังไม่ชัดเจนก็ต้องสอบสวนเพิ่มเติม
นายศักดิ์สิทธิ์ ถิรทัฬหกุล ประธาน อ.ก.ค.ศ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ขอนแก่น เขต 3 กล่าวว่า ได้รับหนังสือจากดีเอสไอแล้ว ซึ่งส่อว่าทุจริต จำนวน 2 รายชื่อ โดยปรากฏว่ารายชื่อแรกได้รับการบรรจุไปแล้วในลำดับที่ 2 ส่วนอีกรายชื่อยังไม่ได้รับการบรรจุ ซึ่งน่าประหลาดใจว่าผู้ที่สอบได้คะแนนสูงสุดลำดับที่ 1 ที่ได้รับการบรรจุไปแล้ว กลับไม่มีอยู่ในรายชื่อของดีเอสไอ
นายศักดิ์สิทธิ์กล่าวต่อว่า ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ จะประชุม อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯโดยจะนำเอกสารที่ได้รับจากดีเอสไอมาประกอบการพิจารณา พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยระหว่างการตรวจสอบจะรอหนังสือแจ้งมติจาก ก.ค.ศ.ดังกล่าวด้วย ซึ่งยังตอบไม่ได้ว่าผลการพิจารณาของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯจะออกมาอย่างไร เพราะในหนังสือที่ได้รับจากดีเอสไอไม่ได้ระบุว่าให้ "ยกเลิก" ซึ่งโดยหลักการก็ยกเลิกไม่ได้อยู่แล้ว เพราะกระบวนการสอบคัดเลือกผ่านไปแล้ว ส่วน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯจะสามารถออกคำสั่งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนสั่งให้ผู้ได้รับการบรรจุออกจากราชการได้หรือไม่นั้น ตนไม่สามารถคาดเดาคำตัดสินของที่ประชุม อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ได้ เนื่องจากดีเอสไอไม่ได้ฟันธงความผิด บอกแค่ว่าเป็นผู้ที่กระทำไปในทางส่อไม่สุจริต ซึ่งคำว่า "ส่อไปในทางไม่สุจริต" อาจจะแปลความว่าสุจริตหรือทุจริตก็ได้
นายโกวิท เพลินจิตร ผู้อำนวยการ สพป.อุบลราชธานี เขต 2 กล่าวว่า ได้รับหนังสือจากดีเอสไอแล้ว โดยแจ้ง 1 รายชื่อว่าส่อในทางไม่สุจริต และในหนังสือไม่ได้ระบุให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯยกเลิกการบรรจุ แต่ระบุว่ามีมูลความผิด ให้เขตพื้นที่ฯดำเนินการตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และว่าดีเอสไอกำลังสืบค้นข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติม ก็แสดงว่ายังไม่ได้ข้อยุติ ดังนั้น อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ส่วนที่ ก.ค.ศ.มีมติแจ้งให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯดำเนินการเพิกถอนการบรรจุตามที่ดีเอสไอมีหนังสือแจ้งถึงนั้น ขณะนี้ยังไม่มีหนังสือแจ้งมติดังกล่าวมา
"จริงๆ แล้ว ที่ สพป.อุบลราชธานี เขต 2 มีผู้สอบบรรจุครูผู้ช่วยที่มีคะแนนสูงผิดปกติ 2 ราย แต่ดีเอสไอแจ้งมาแค่ 1 ราย ดังนั้น ในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯจะตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง และประมวลภาพรวม ทั้งนี้ ยอมรับว่าโดยภาพรวมมีการทุจริตสอบครูผู้ช่วยจริง แต่เอกสารหลักฐานที่จะเอาผิดยังไม่เพียงพอ อีกทั้งผู้ถูกเพิกถอน การบรรจุอาจฟ้องศาลปกครอง หรือศาลอาญาได้ จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งถ้าจะให้สบายใจจริงๆ ก.ค.ศ.ควรฟันธงมาเลยว่า ใครกระทำความผิด และสั่งให้เพิกถอนมาเลย ไม่ใช่แค่ให้เป็นข้อมูลมาประกอบการพิจารณา" นายโกวิทกล่าว
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยถึงความคืบหน้าทางคดีการทุจริตสอบครูผู้ช่วยว่า ดีเอสไอกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริต ส่วนผู้สอบครูผู้ช่วยได้คะแนนสูงผิดปกติ 344 ราย ที่ดีเอสไอได้มีหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 119 เขต ให้ดำเนินการปลดออกจากตำแหน่งครูผู้ช่วย ดีเอสไอกำลังรอการติดต่อจากบุคคลกลุ่มดังกล่าวอยู่ และเตรียมเรียกทุกคนมาให้การกับพนักงานสอบสวน โดยจะเรียกรายชื่อกลุ่มเขตพื้นที่ฯใน จ.นครราชสีมา มาสอบปากคำเป็นลำดับแรก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่พนักงานสอบสวนมีพยานเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่พนักงานสอบสวนมีพยานเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนว่า มีการซื้อขายเฉลยคำตอบในการสอบครูผู้ช่วยจากบุคคลใด อีกทั้งใน สพป.พื้นที่ จ.นครราชสีมา มีบุคคลที่เข้าข่ายทุจริตถึง 48 คน
ทั้งนี้ สำหรับหนังสือที่ดีเอสไอส่งไปยังสำนักงานเขตพื้นที่ฯ 119 เขต ให้ดำเนินการปลดออกจากตำแหน่งครูผู้ช่วย รวมจำนวน 344 รายดังกล่าวนั้น ประกอบด้วย
- สพป.กาญจนบุรี เขต 1 จำนวน 1 ราย,
- สพป.กาฬสินธุ์ เขต 1,2 และ 3 จำนวน 4 ราย,
- สพป.กำแพงเพชร เขต 1 และ 2 จำนวน 4 ราย,
- สพป.ขอนแก่น เขต 1,2,3,4 และ 5 จำนวน 7 ราย,
- สพป.จันทบุรี เขต 2 จำนวน 3 ราย,
- สพป.ฉะเชิงเทรา เขต 2 จำนวน 2 ราย,
- สพป.ชลบุรี เขต 1 และ 2 จำนวน 2 ราย,
- สพป.ชัยนาท 5 ราย,
- สพป.ชัยภูมิ เขต 1,2 และ 3 จำนวน 15 ราย,
- สพป.เชียงใหม่ เขต 5 จำนวน 8 ราย,
- สพป.ตรัง เขต 2 จำนวน 2 ราย, สพป.ตาก เขต 2 จำนวน 1 ราย
สพป.นครปฐม เขต 1 จำนวน 3 ราย,
- สพป.นครพนม เขต 1 และ 2 จำนวน 5 ราย,
- สพป.นครราชสีมา เขต 1,2,3,4,5,6 และ 7 จำนวน 48 คน,
- สพป.นครศรีธรรมราช เขต 4 จำนวน 1 ราย,
- สพป.นครสวรรค์ เขต 1 จำนวน 3 ราย,
- สพป.นราธิวาส เขต 2 และ 3 จำนวน 3 ราย,
- สพป.น่าน เขต 1 และ 2 จำนวน 8 ราย,
- สพป.บึงกาฬ เขต 1 จำนวน 9 ราย,
- สพป.บุรีรัมย์ เขต 1,3 และ 4 จำนวน 8 ราย,
- สพป.ปทุมธานี เขต 1 และ 2 จำนวน 4 ราย,
- สพป.ปราจีนบุรี เขต 1 จำนวน 1 ราย,
- สพป.ปัตตานี เขต 1 จำนวน 1 ราย,
- สพป.พะเยา เขต 1 จำนวน 1 ราย,
- สพป.พัทลุง เขต 2 จำนวน 1 ราย,
- สพป.พิจิตร เขต 2 จำนวน 2 ราย,
- สพป.พิษณุโลก เขต 2 และ 3 จำนวน 5 ราย,
- สพป.เพชรบุรี เขต 2 จำนวน 1 ราย,
- สพป.เพชรบูรณ์ เขต 1 และ 3 จำนวน 6 ราย,
- สพป.แพร่ เขต 1 และ 2 จำนวน 2 ราย,
- สพป.มหาสารคาม เขต 1 จำนวน 2 ราย,
- สพป.มุกดาหาร จำนวน 6 ราย
- สพป.แม่ฮ่องสอน เขต 2 จำนวน 1 ราย
- สพป.ยโสธร เขต 2 จำนวน 2 ราย,
- สพป.ร้อยเอ็ด เขต 1 และ 2 จำนวน 2 ราย,
- สพป.ระยอง เขต 1 และ 2 จำนวน 5 ราย,
- สพป.ราชบุรี เขต 1 จำนวน 1 ราย,
- สพป.ลพบุรี เขต 1 จำนวน 3 ราย,
- สพป.เลย เขต 1,2 และ 3 จำนวน 18 ราย,
- สพป.ศรีสะเกษ เขต 1,2 และ 4 จำนวน 7 ราย,
- สพป.สกลนคร เขต 1,2 และ 3 จำนวน 16 ราย,
- สพป.สงขลา เขต 2 จำนวน 2 ราย,
- สพป.สตูล 1 ราย,
- สงขลา เขต 2 จำนวน 2 ราย,
- สพป.สตูล 1 ราย,
- สพป.สระบุรี เขต 1 และ 2 จำนวน 7 ราย,
- สพป.สิงห์บุรี 2 ราย,
- สพป.สุรินทร์ เขต 1,2 และ 3 จำนวน 22 ราย,
- สพป.หนองคาย เขต 2 จำนวน 1 ราย,
- สพป.หนองบัวลำภู เขต 1 จำนวน 2 ราย,
- สพป.อำนาจเจริญ 4 ราย,
- สพป.อุดรธานี เขต 1,2,3 และ 4 จำนวน 9 ราย,
- สพป.อุทัยธานี เขต 2 จำนวน 4 ราย
- สพป.อุบลราชธานี 1,2,3 และ 4 จำนวน 10 ราย
- สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 2 (กรุงเทพมหานคร) 1 ราย,
- สพม.เขต 4 (ปทุมธานี-สระบุรี) 2 ราย,
- สพม.เขต 6 (ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ) 1 ราย,
- สพม.เขต 7 (ปราจีนบุรี-นครนายก-สระแก้ว) 1 ราย
- สพม.เขต 9 (สุพรรณบุรี-นครปฐม) 1 ราย,
- สพม.เขต 10 (เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์สมุทรสงคราม-สมุทรสาคร) 1 ราย,
- สพม.เขต 18 (ชลบุรี-ระยอง) 2 ราย,
- สพม.เขต 19 (เลยหนองบัวลำภู) 7 ราย,
- สพม.เขต 20 (อุดรธานี) 2 ราย,
- สพม.เขต 21 (หนองคาย) 3 ราย,
- สพม.เขต 24 (กาฬสินธุ์) 4 ราย,
- สพม.เขต 25 (ขอนแก่น) 2 ราย,
- สพม.เขต 27 (ร้อยเอ็ด) 1 ราย,
- สพม.เขต 29 (อุบลราชธานี-อำนาจเจริญ) 3 ราย,
- สพม.เขต 30 (ชัยภูมิ) 2 ราย,
- สพม.เขต 31 (นครราชสีมา) 3 ราย,
- สพม.เขต 33 (สุรินทร์) 4 ราย,
- สพม.เขต 40 (เพชรบูรณ์) 3 ราย,
- สพม.เขต 41 (กำแพงเพชร-พิจิตร) 1 ราย,
- สพม.เขต 42 (นครสวรรค์-อุทัยธานี) 1 ราย และ
- สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ 1 ราย
ที่มา--มติชน ฉบับวันที่ 20 พ.ค. 2556 (กรอบบ่าย)--
Advertisement
เปิดอ่าน 35,967 ครั้ง เปิดอ่าน 13,628 ครั้ง เปิดอ่าน 12,203 ครั้ง เปิดอ่าน 8,983 ครั้ง เปิดอ่าน 4,590 ครั้ง เปิดอ่าน 13,913 ครั้ง เปิดอ่าน 7,755 ครั้ง เปิดอ่าน 3,694 ครั้ง เปิดอ่าน 44,764 ครั้ง เปิดอ่าน 20,027 ครั้ง เปิดอ่าน 13,976 ครั้ง เปิดอ่าน 8,759 ครั้ง เปิดอ่าน 22,524 ครั้ง เปิดอ่าน 25,043 ครั้ง เปิดอ่าน 8,457 ครั้ง เปิดอ่าน 13,005 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 872 ☕ 5 พ.ย. 2567 |
เปิดอ่าน 872 ☕ 5 พ.ย. 2567 |
เปิดอ่าน 764 ☕ 4 พ.ย. 2567 |
เปิดอ่าน 407 ☕ 4 พ.ย. 2567 |
เปิดอ่าน 455 ☕ 4 พ.ย. 2567 |
เปิดอ่าน 521 ☕ 4 พ.ย. 2567 |
เปิดอ่าน 4,899 ☕ 2 พ.ย. 2567 |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 90,732 ครั้ง |
เปิดอ่าน 18,903 ครั้ง |
เปิดอ่าน 18,917 ครั้ง |
เปิดอ่าน 36,102 ครั้ง |
เปิดอ่าน 19,084 ครั้ง |
|
|