การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ครูจิราภรณ์ หอมกลิ่น
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2. เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
3. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วย
แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
สมมุติฐานของการวิจัย
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
ความสำคัญของการวิจัย
1. ได้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีประสิทธิภาพ
2. เป็นแนวทางสำหรับครูผู้สนใจในการพัฒนาการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งจะส่งผลถึงประสิทธิภาพของการเรียนการสอนให้ประสบผลสำเร็จยิ่งขึ้น
3. เป็นแนวทางในการฝึกทักษะและปรับปรุงการเรียนการสอนอ่านอย่างมีวิจารณญาณ
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
1. ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2549 โรงเรียนยโสธรพิทยาสรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร จำนวน 3 ห้องเรียน มีนักเรียน 93 คน
2. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ เป็นนักเรียนห้อง ม. 5/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2549 โรงเรียนยโสธรพิทยาสรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร จำนวน 36 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ด้วยการจับสลากห้องเรียน มีขั้นตอนดังนี้
2.1 กำหนดห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม ได้แก่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนยโสธรพิทยาสรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร จำนวน 3 ห้องเรียน
2.2 สุ่มห้องเรียนโดยการจับสลากมา 1 ห้องเรียน จากทั้งหมด 3 ห้องเรียน ปรากฏว่าสุ่มได้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 จำนวน 36 คน ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างในการทดลองครั้งนี้
3. ระยะเวลาในการศึกษาค้นคว้า คือ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2549
4. เนื้อหาที่ใช้ในการทดลอง เป็นเนื้อหาตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 วิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2549 เรื่องการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ซึ่งประกอบด้วยเนื้อเรื่องจากข่าว บทร้อยกรอง นิทาน บทความ และเพลง
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 5 แผน ใช้เวลาสอนแผนละ 3 ชั่วโมง เนื้อหาที่นำมา ให้เรียน ได้แก่ ข่าว บทร้อยกรอง นิทาน บทความ และเพลง ตามลำดับ
2. แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ 5 ชุด ที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับ
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และแบบทดสอบท้ายแบบฝึกทักษะชุดละ 10 ข้อ เป็นข้อสอบแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก
3. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ
4. แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วย แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย จำนวน 20 ข้อ ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ
วิธีดำเนินการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิจัยตามลำดับขั้นตอน ดังนี้
1. ดำเนินการทดสอบก่อนเรียน (Pretest) เรื่องการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 30 ข้อ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น บันทึกผลการทดสอบที่ได้เป็นคะแนนก่อนเรียน
2. ผู้วิจัยดำเนินการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ และใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่าง มีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ผู้วิจัยออกแบบขึ้น โดยใช้เวลาสอนสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง รวมเป็น 15 ชั่วโมง ทั้งนี้ไม่รวมทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน
3. เมื่อสิ้นสุดการทดลอง ผู้วิจัยนำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ไปทดสอบหลังเรียน (Posttest) ซึ่งเป็นแบบทดสอบฉบับเดียวกันกับการทดสอบก่อนเรียน (Pretest)
4. ตรวจผลการทดสอบแล้วนำคะแนนที่ได้มาวิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีการทางสถิติ
5. ประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ของนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 36 คน หลังจากเสร็จสิ้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้วยแบบวัดความพึงพอใจที่ได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพแล้วจำนวน 20 ข้อ
การวิเคราะห์ข้อมูล
1. วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ตามเกณฑ์ 80/80 โดยใช้สถิติพื้นฐาน คือ ร้อยละค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
2. วิเคราะห์หาดัชนีประสิทธิผลของฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้วิธีวิธีของกูดแมน, เฟลทเชอร์ และชไนเดอร์ (Goodman, Fletcher and Schneider)
3. วิเคราะห์หาความแตกต่างระหว่างคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้ t-test ( Dependent Sample)
4. วิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อที่มีต่อการเรียนรู้ ด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยหาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
สรุปผล
การวิจัยเพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สรุปผลได้ดังนี้
1. แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.22/83.43
2. แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7220 แสดงว่าผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น 0.7220 หรือคิดเป็นร้อยละ 72.20
3. นักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 อยู่ในระดับมากที่สุด
...................................................................