7 สมุนไพรบำรุงผิวหน้า และผิวกาย
คนไทยสมัยโบราณนิยมใช้สมุนไพรมาเป็นเครื่องประทินความงาม จนกระทั่งหลังสงครามโลก ครั้งที่ 1 เริ่มมีการผลิตเครื่องสำอางเป็นอุตสาหกรรม มีการค้นพบสารสังเคราะห์ รูปแบบต่างๆ ของเครื่องสำอางที่หลากหลาย แต่ในปัจจุบันได้มีการนำสารจากธรรมชาติมาใช้เป็นเครื่องสำอาง เพื่อลดอันตรายและอาการแพ้จากสารสังเคราะห์ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยสมุนไพรที่นิยมนำมาทำเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางมีอยู่ด้วยกัน 7 ชนิดคือ
1. ว่านหางจระเข้ คุณค่าของว่านหางจระเข้มีมากมาย นอกจากใช้รักษาโรคแล้ว ยังใช้บำรุงผิว บำรุงเส้นผม ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีเครื่องสำอางหลายชนิดที่ใช้ว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบ เนื่องจากว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติสามารถช่วยให้กระบวนการเมตะบอลิซึม ทำงานได้เป็นปกติ ลดการติดเชื้อ สลายพิษของเชื้อโรค กระตุ้นการเกิดใหม่ของเนื้อเยื่อส่วนที่ชำรุด ผู้ที่ใช้ว่านหางจระเข้บำรุงผิวพรรณอยู่เป็นประจำ จะรู้สึกได้ชัดว่าช่วยให้ผิวพรรณผุดผ่อง สดชื่น มีน้ำมีนวล และยังสามารถขจัดสิว และลบรอยจุดด่างดำได้ นอกจากนี้ยังสามารถลดความแห้งกร้านและลดความมันของผิวหน้าได้
2. งา ในเมล็ดงามีน้ำมันอยู่ประมาณ 45-54% น้ำมันงามีกลิ่นหอม นำเอาเมล็ดงาสดมาบีบน้ำมันงาออกโดยไม่ผ่านความร้อน ใช้ทาผิวหนังเพื่อบำรุงผิวพรรณให้ผุดผ่อง ช่วยประทินผิวให้นุ่มนวล ไม่หยาบกร้าน ในงายังมีกรดไขมันลิโนเลอิคซึ่งกรดไขมันนี้จำเป็นต่อความชุ่มชื้นของผิวหนัง เพราะเป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์ นักวิทยาศาสตร์หลายท่านกล่าวว่า สารเซซามอลที่มีอยู่ในงานั้นป้องกันมะเร็งได้ และยังทำให้ร่างกายแก่ช้าลงอีกด้วย
3. แตงกวา จะมีวิตามินสูง ในผลแตงกวายังมีเอ็นไซม์ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอ็นไซม์ชนิดนี้จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้านให้หลุดออกไปเพื่อให้ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่ม ในปัจจุบันมีเครื่องสำอางหลายยี่ห้อที่นำแตงกวาเป็นส่วนผสมเนื่องจากภายในผลแตงกวามีสารต่างๆ ที่ล้วนมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ ช่วยให้ผิวไม่หยาบกร้าน และช่วยสมานผิวแตงกวายังมีกลิ่นหอมเย็นๆ ชวนให้ชื่นใจ
4. มะเขือเทศ เป็นพืชที่น่าสนใจชนิดหนึ่ง มนุษย์รับประทานมะเขือเทศเป็นอาหารผัก เครื่องดื่ม นอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยแล้วยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีคุณค่าทางอาหารมากมาย มะเขือเทศมีประโยชน์ต่อคุณผู้หญิงโดยเฉพาะคนรักสวยรักงามกลัวริ้วรอยเหี่ยวย่น ลองนำมะเขือเทศมาฝานบาง ๆ แล้ววางไว้บนหน้า หรือใช้น้ำมะเขือเทศคั้นสด ๆ ทาตามใบหน้าเชื่อกันว่าจะทำให้ผิวแต่งตึง มีน้ำมีนวลขึ้น
5. ขมิ้นชัน จะมีสาร Cur cumin และมีน้ำมันหอมระเหยซึ่งมีกลิ่นเฉพาะ ขมิ้นมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราหลายชนิด ใช้ทาผิวที่มีผดผื่นคัน ผงขมิ้นใช้ทาตัวเพื่อให้มีสีเหลืองทองใช้บำรุงผิว และช่วยฆ่าเชื้อที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิด คนในแถบตอนใต้ของเอเชียและแถบตะวันออกไกลใช้ขมิ้นทาผิวหน้าทำให้ผิวหน้านุ่มนวล คนมาเลเซียและคนไทยสมัยก่อนจะใช้ขมิ้นในการอาบน้ำทำให้ผิวผ่องยิ่งขึ้น คนพม่าเชื่อว่าถ้าใช้ขมิ้นผสมสมุนไพรที่ชื่อทานาคาทาผิวเด็กสาวตั้งแต่ยังเล็ก ๆ จะทำให้เนื้อผิวละเอียดจนมีคำกล่าวในบรรดาชายไทยว่าสาวจะสวยต้อง "ผิวพม่า นัยน์ตาแขก"
6. น้ำผึ้ง ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางใช้พอกหน้า ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้น น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติช่วยสมานผิวเป็นเครื่องสำอางจากธรรมชาติที่ให้ประโยชน์สูงและหาง่าย นอกจากนี้ยังใช้น้ำผึ้งบำรุงผมฮอร์โมนเอสโตรเจนจะช่วยบำรุงหนังศีรษะ และกระตุ้นการงอกของเส้นผม
7. มะขามเปียก มีประวัติการใช้มายาวนานช่วยชำระสิ่งสกปรกจากผิวหนัง เพราะฤทธิ์ที่เป็นกรดอ่อนๆ ในมะขามจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกจากผิวหนังได้ดี ปัจจุบันได้มีหญิงไทยจำนวนมากใช้มะขามเปียกผสมน้ำอุ่นและนมสดให้เข้ากัน พอกบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรอยด้าน เช่น ตาตุ่ม ข้อศอก ฝ่ามือ ที่มีรอยกร้านดำ และบริเวณรักแร้ ขาหนีบ เพื่อให้ผิวหนังที่เป็นรอยดำจางลง ทำให้ผิวขาวนุ่มนวลขึ้น
หากท่านสนใจสมุนไพรชนิดใดสามารถเลือกหาได้ตามชอบใจ เพราะนอกจากจะราคาถูกแล้ว ที่สำคัญยังลดอันตรายจากสารสังเคราะห์ได้อีกด้วย...ดิฉันเองก็ใช้สมุนไพรเหล่านี้ประจำค่ะ...โดยเฉพาะทานาคา...มีเพื่อนอยู่ที่พม่า....ท่านใดสนใจก็ติดต่อได้ที่นี่นะคะ ...ราคาถูกมาก...หรือจะออนเมล์มาคุยกันก็ได้ค่ะ ratchaneekuna@hotmail.com