มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2554 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันจันทร์ที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๔ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

►อนุมัติปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงและการได้รับเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา

ครม.อนุมัติหลักการร่างกฎ ก.พ.อ. รวม ๒ ฉบับ คือ ร่าง กฎ ก.พ.อ.ว่าด้วยการปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. .... และร่าง ก.พ.อ.ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้รับเงินเดือน พ.ศ. .... ) โดยกำหนดให้กฎ ก.พ.อ.ทั้งสองฉบับมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้

•ร่างกฎ ก.พ.อ.ว่าด้วยการปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. .... โดยได้กำหนดให้ปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตามที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายกฎ ก.พ.อ.

•ร่างกฎ ก.พ.อ.ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้รับเงินเดือน พ.ศ. .... โดยให้ยกเลิกกฎ ก.พ.อ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้รับเงินเดือน พ.ศ.๒๕๕๓ ซึ่งกำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้รับเงินเดือนขั้นต่ำตามตำแหน่ง ประเภท สายงาน และระดับที่ได้รับแต่งตั้ง เว้นแต่บุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด ให้ได้รับเงินเดือนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ.อ.กำหนด พร้อมทั้งกำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาผู้ดำรงตำแหน่งวิชาการตำแหน่งศาสตราจารย์ ตำแหน่งประเภททั่วไประดับชำนาญงานพิเศษและตำแหน่ง ประเภท สายงาน และระดับอื่นที่ ก.พ.อ.กำหนดให้ได้รับเงินเดือนตามที่ ก.พ.อ.กำหนด ส่วนข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งได้รับเงินเดือนสูงกว่าขั้นสูงของตำแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งอยู่เดิม ให้ได้รับเงินเดือนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ.อ.กำหนด นอกจากนี้ยังได้กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาที่โอนตามมาตรา ๓๒ หรือขอกลับเข้ารับราชการตามมาตรา ๓๔ ให้ได้รับเงินตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ.อ. กำหนดเช่นกัน สำหรับข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง แต่ปรากฏภายหลังว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งนั้นตามมาตรา ๓๓ ให้ได้รับเงินตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ.อ.กำหนด

►อนุมัติโครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตระยอง

ครม.อนุมัติให้ดำเนินโครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตระยอง ณ ที่ดินราชพัสดุ ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ

สาระสำคัญคือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มีความมุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการและดำเนินการตามภารกิจหลักของมหาวิทยาลัยโดยให้ความสำคัญกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทั้งในด้านการผลิตบัณฑิต การวิจัย การให้บริการวิชาการแก่สังคม ตลอดจนการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ทันสมัยแก่หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และชุมชนต่างๆ ให้มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องของการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้สมดุล ยั่งยืน และมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น

โดยมหาวิทยาลัยจะจัดการศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในจังหวัดระยอง เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ การใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นรากฐานของการพัฒนาและเน้นการใช้เมือง/เขต/พื้นที่เป็นจุดศูนย์กลางในการรวมกิจกรรมของทุกภาคส่วนเพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในการจัดการด้านวัตถุดิบ พลังงาน สิ่งแวดล้อม ให้เป็นไปตามแบบของระบบนิเวศวิทยาที่มีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน คำนึงถึงประโยชน์ คุณภาพชีวิตของชุมชนและผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก และยึดหลักของการพัฒนาที่สำคัญ ๓ ประการ คือ ๑) การมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ๒) การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ๓) การใช้หลักการพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมนิเวศเป็นกลไกปกป้องสิ่งแวดล้อมและแก้ไขปัญหามลพิษ ก่อให้เกิดกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มผลิตภาพการผลิต เพิ่มทุนทางสังคม ลดความขัดแย้งและก่อให้เกิดการจ้างงาน


--------------------------------------------------------------------------------



►เห็นชอบมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเด็กเล็ก

ครม.เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเด็กเล็ก และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร

สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละ ๑๐๐ ของรายจ่ายที่ได้จ่ายในการจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก ในสถานประกอบกิจการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น เพื่อเป็นสวัสดิการในการดูแลบุตรของลูกจ้าง เฉพาะในส่วนที่ไม่เกินหนึ่งล้านบาทสำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘

ให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อนเป็นจำนวน ๒ เท่าของจำนวนเงินที่บุคคลธรรมดาได้จ่ายให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหรือสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่ ศธ.ให้ความเห็นชอบแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อนดังกล่าวนั้น

ให้ยกเว้นภาษีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวนสองเท่าของรายจ่ายที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จ่ายให้แก่ อปท. ในการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหรือสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ไม่ว่าจะจ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่ ศธ.ให้ความเห็นชอบ และรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างและการบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของเอกชนที่เปิดให้ประชาชนใช้เป็นการทั่วไป โดยไม่เก็บค่าบริการใดๆ หรือสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของทางราชการแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์และเพื่อการศึกษา

สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้ที่คำนวณได้จากมูลค่าที่ลูกจ้างได้รับจากการนำบุตรของลูกจ้างไปอยู่ในความดูแลของสถานรับเลี้ยงเด็กตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็กที่นายจ้างจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสวัสดิการในการดูแลบุตรของลูกจ้าง ทั้งนี้สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป


--------------------------------------------------------------------------------



►อนุมัติให้ใช้นำเรื่องการขออนุมัติใช้แบบ ก.พ. ๗ ที่ปรับปรุงใหม่

ครม.อนุมัติให้ใช้ แบบ ก.พ.๗ ที่ปรับปรุงใหม่สำหรับข้าราชการพลเรือนสามัญที่บรรจุเข้ารับราชการใหม่ ตามที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เสนอ

สาระสำคัญ ก.พ. รายงานว่าการใช้บังคับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ เต็มรูปแบบ มีผลกระทบต่อแบบรายการต่างๆ ที่กำหนดไว้ในแบบ ก.พ.๗ (แบบทะเบียนประวัติ) เช่น การปรับปรุงระบบการกำหนดตำแหน่ง โดยบัญญัติให้ตำแหน่งข้าราชการพลเรือนมี ๔ ประเภท คือ ตำแหน่งประเภทบริหาร ประเภทอำนวยการ ประเภทวิชาการ และประเภททั่วไป แทนการใช้ระดับร่วม (Common Level) หรือระดับ ๑-๑๑ และยังเป็นการปรับปรุงระบบค่าตอบแทน ได้มีการกำหนดบัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูง ไว้เป็น ๔ บัญชีสำหรับตำแหน่งทั้ง ๔ ประเภทโดยเฉพาะ แทนการกำหนดเป็นบัญชีเดียวกัน รวมทั้งการปรับปรุงระบบเกษียณอายุราชการ ได้มีการบัญญัติกรณีการต่อเวลาราชการแก่ข้าราชการที่ครบอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ ให้รับราชการต่อไปได้ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในทางวิชาการหรือหน้าที่ที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวในตำแหน่งประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญ และระดับทรงคุณวุฒิ กับตำแหน่งประเภททั่วไประดับอาวุโส และระดับทักษะพิเศษ

ที่มา http://www.moe.go.th/websm/2011/apr/129.html