Advertisement
กุลสตรีไทยอยู่ไหน?
คนไทยมีวัฒนธรรมอันดีงามและมีความสงบสุขมาช้านาน ซึ่งวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของคนไทยที่กำลังจะเลือนหายไปก็คือความเป็นกุลสตรีของผู้หญิงไทย ซึ่งเด็กสาววัยรุ่นสมัยนี้แทบจะไม่รู้จักเสียแล้วว่าความเป็นกุลสตรีนั้นเป็นเช่นไร เพราะพวกเธอกำลังคลั่งไคล้วัฒนธรรมของชาติตะวันตกที่เหยียบย่ำความเป็นกุลสตรีให้สูญหายไป กุลสตรี หมายถึงผู้หญิงที่มีสกุลหรือมีตระกูลผู้ดี ซึ่งสมัยก่อนจะมีตระกูลที่สูงหรือผู้ดีที่เป็นพวกเจ้าขุนมูลนาย และจะมีตระกูลไพร่ที่เป็นพวกบ่าวหรือข้าทาษ ซึ่งตระกูลผู้ดีนั้นผู้คนเขาจะมีวัฒนธรรมที่ดีงามคือมีกิริยามารยาทที่ดี มีการพูดจากที่ดี มีการแต่งกายที่ดี และมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดี ซึ่งจะต่างกับตระกูลไพร่ที่ไม่ค่อยจะมีวัฒนธรรมที่ดีงามเท่าตระกูลผู้ดี คือพวกไพร่มักจะมีมารยาททราม พูดจากทราม แต่งกายทราม และมีธรรมเนียมปฏิบัติที่ทราม ซึ่งคำว่าทรามในที่นี้ก็หมายถึงต่ำ คือไม่สูงเท่ากับผู้ดี กุลสตรีไทยนั้นจะมีกิริยามารยาทที่งดงาม มีการพูดจาที่ไพเราะอ่อนหวาน มีการแต่งกายที่มิดชิดและสวยงาม มีฝีมือในการปรุงอาหารรวมทั้งในการดูแลบ้านเรือน ที่เรียกว่าเป็นแม่ศรีเรือน และมีความรักนวลสงวนตัว คือไม่ปล่อยตัวให้ชายชมไม่ว่าจะในทางใดๆจนกว่าจะถึงวัยอันควรคือได้เข้าพิธีแต่งงานแล้วเท่านั้น ผู้หญิงที่เป็นกุลสตรีนั้นจะกลัวการถูกนินทาว่าไม่เป็นกุลสตรีเป็นอย่างยิ่ง เพราะนั่นหมายถึงความตกต่ำอย่างที่สุดของผู้หญิง ซึ่งจะทำให้เป็นคนไร้ค่าในสายตาของผู้คนในสังคมโดยเฉพาะในสายตาของผู้ชายที่สูงศักดิ์ การเป็นกุลสตรีนั้นจะทำให้ผู้หญิงเป็นของมีค่าสำหรับผู้ชายที่พบเห็น เมื่อผู้ชายเห็นผู้หญิงเป็นของมีค่าเขาก็จะเคารพเทิดทูนผู้หญิง เมื่อเคารพเทิดทูนเขาก็จะไม่ทำร้ายผู้หญิง เขาจะให้เกียรติผู้หญิงเสมือนหนึ่งเป็นมารดาของเขาเลยทีเดียว เมื่อชายใดปรารถนาจะได้กุลสตรีมาเป็นศรีภรรยา เขาก็จะต้องทำตัวให้เป็นคนสูงศักดิ์ ด้วยการทำตัวให้ผู้คนเคารพนับถือ ซึ่งก็ได้แก่การเป็นดี เช่น มีศีล กตัญญูกตเวที ขยันอดทน ซื่อสัตย์สุจริต จริงใจ และเสียสละ รวมทั้งให้เกียรติผู้หญิง และเมื่อกุลสตรีมีมาก ก็ย่อมที่จะทำให้มีผู้ชายที่สูงศักดิ์มากตามไปด้วย ซึ่งก็จะส่งผลให้สังคมพลอยสงบสุขไปด้วย นี่คือผลดีอย่างมากของการเป็นกุลสตรี ในสังคมของคนชั้นต่ำเช่นพวกไพร่นั้นมักจะมีแต่เรื่องวุ่นวาย เพราะพวกผู้หญิงชั้นต่ำมักจะมีกิริยามารยาทไม่ดี พูดจาหยาบคาย รวมทั้งแต่งกายไม่มิดชิด ไม่มีความเป็นแม่เย้าแม่เรือน และไม่ค่อยจะรักนวลสงวนตัว คือเมื่อพอใจใครก็เอามาเป็นสามีโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด แต่พอเบื่อหน่ายก็ทิ้งไปเอาคนใหม่เรื่อยไป ซึ่งหญิงที่เป็นไพร่มักจะไม่กลัวคำครหานินทาเพราะพวกตนก็เป็นคนชั้นต่ำอยู่แล้วจึงไม่มีอะไรที่จะต่ำไปกว่านี้อีกแล้ว ซึ่งผู้หญิงชั้นต่ำก็ย่อมคู่กับผู้ชายชั้นต่ำด้วยกัน ซึ่งก็ย่อมที่จะมีอุปนิสัยต่ำๆเหมือนกัน เช่นไม่มีศีล เกียจคร้าน ชอบดื่มสุรา ชอบ เล่นการพนัน คดโกง ไม่มีความซื่อสัตย์ เห็นแก่ตัว เป็นต้น ในปัจจุบันความเป็นกุลสตรีของผู้หญิงไทยเริ่มจะหาไม่เห็นเสียแล้ว ยิ่งเด็กสาววัยรุ่นสมัยใหม่ยิ่งห่างไกล เพราะไปรับเอาวัฒนธรรมที่ไม่ดีของชาติตะวันตกมาใช้ เช่นไม่เคารพผู้ใหญ่ พูดจาแข็งกระด้าง กิริยามารยาทต่ำ แต่งกายเปิดเผยอวัยวะที่ควรละอาย เช่นนุ่งสั้นเพื่ออวดขาอ่อน เอวลอยเพื่อโชว์สะดือ คอกว้างเพื่ออวดนม รัดรูปเพื่ออวดสัดส่วน เป็นต้น ไม่มีฝีมือในการปรุงอาหารและไม่มีความเป็นแม่บ้านศรีเรือน รวมทั้งชอบปล่อยตัวปล่อยใจคือเมื่อพอใจชายใดก็ยินยอมให้สมสู่ได้โดยง่ายโดยไม่ต้องมีพันธะผูกพัน เมื่อเบื่อหน่ายก็ทิ้งแล้วไปหาใหม่เรื่อยไป การที่ผู้หญิงทำตัวต่ำทรามเช่นนี้ก็ย่อมที่จะทำให้ตัวเองดูเป็นคนไร้ค่าในสายตาผู้ชาย ผู้ชายจะเห็นผู้หญิงเป็นเหมือนของเล่น เมื่ออยากได้ก็เอาอกเอาใจ พอเบื่อหน่ายก็โยนทิ้ง ผู้ชายจะเห็นผู้หญิงเป็นเสมือนสัตว์ประเภทหนึ่งที่มีไว้ให้ล่าเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น เมื่อผู้ชายอยากจะได้ผู้หญิงเช่นนี้มาเป็นคู่นอนก็ไม่ต้องใช้ความดีงามอะไรมาทำให้ผู้หญิงพอใจและพลีกายให้ ขอเพียงให้รูปหล่อหน่อย พูดจาเอาอกเอาใจหน่อย มีเงินหน่อย หรือยิ่งมีชื่อเสียงผู้หญิงก็จะยอมพลีกายให้เชยชมอย่างง่ายดายเสียแล้ว นี่เองที่ทำให้เกิดปัญหาสังคมต่างๆเช่น สามีมีภรรยาน้อย การหย่าร้าง การละเลาะวิวาทเพราะความหึงหวง การล่อลวงข่มขืน การทำแท้ง เด็กทารกถูกเอาไปทิ้ง โรคเอดส์ ตลอดจนปัญหาเรื่องการคดโกงเพื่อให้ได้ทรัพย์มาบำรุงบำเรอหญิงใจง่าย เป็นต้นขึ้นมาในสังคมของเรา ในสมัยก่อนเมื่อมีผู้หญิงที่เป็นกุลสตรีมาก เมื่อมีหญิงโสเภณีเกิดขึ้นก็จะถูกประณาม เพราะหญิงที่เป็นโสเภณีจะชอบแต่งกายและพูดจายั่วยวนผู้ชายให้มาสมสู่กับตนอย่างหน้าด้านๆไร้ยางอาย แต่มาสมัยนี้กลับเป็นว่าใครที่เป็นกุลสตรีจะถูกมองว่าเป็นคนคร่ำครึ ล้าสมัย หรือโบราณเต่าล้านปี ส่วนใครที่ทำตัวเหมือนโสเภณีคือแต่งกายยั่วยวนชาย หรือร้องเพลงออดอ้อนให้ชายมาสมสู่กับตน กลับเป็นที่ชื่นชมยินดีและยอมรับของสังคมไปเสียแล้ว อีกทั้งยังมีการประกวดประชันอวดเนื้อหนังกันอย่างครึกโครมและยกย่องเชิดชูว่าเป็นเกียรติแก่ประเทศชาติอีกด้วย จนเกิดเป็นค่านิยมให้หญิงวัยรุ่นสมัยนี้ทำตัวเหมือนโสเภณีกันอยู่ทั่วไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ในมหาวิทยาลัยที่เป็นสถานที่ให้ความรู้ก็ตาม นี่แสดงถึงอะไร? ก็แสดงถึงความตกต่ำอย่างสุดขีดของวัฒนธรรมไทยและของจิตใจของคนไทยนั่นเอง ถึงเวลาหรือยังที่ผู้หญิงไทยโดยเฉพาะเด็กสาววัยรุ่นทั้งหลายที่ยังทำตัวเหมือนโสเภณีจะละเลิกการกระทำที่ต่ำทรามที่ทำลายวัฒนธรรมและความสงบสุขของสังคมเสีย แล้วหันมาหาวัฒนธรรมไทยที่ดีงาม กลับมาเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาที่งดงาม และแต่งกายอย่างมิดชิด รวมทั้งรักนวลสงวนตัว เพื่อความสงบสุขทั้งของตนเองและสังคม ถ้าไม่อย่างนั้นความล่มสลายของสังคมไทยก็คงอยู่ไม่ไกล แล้วเมืองไทยก็จะกลายเป็นเมืองทาสไปโดยไม่รู้ตัว.......
วันที่ 6 พ.ย. 2551
Advertisement
เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,134 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,158 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,164 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,195 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,163 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,144 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 35,343 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,783 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,605 ครั้ง |
เปิดอ่าน 23,713 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,467 ครั้ง |
|
|