ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ที่มากระดาษสีสวย........ หุ้มกล่องของขวัญ


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,145 ครั้ง
Advertisement

ที่มากระดาษสีสวย........ หุ้มกล่องของขวัญ

Advertisement


ที่มากระดาษสีสวย หุ้มกล่องของขวัญ





ต้นคริสต์มาส ตุ๊กตาหิมะ และลุงซานต้า ตัวการ์ตูนน่ารักคิกขุ ลวดลายกราฟิกเก๋ไก๋ กระดาษหลากสีส่งแสงระยิบระยับ เมื่อประดับด้วยริบบิ้นสีสวย ของขวัญที่เป็นปริศนาในกล่องก็ดูมากค่า

เทศกาลแห่งความสุขอย่างนี้ ไปที่ไหนก็เต็มไปด้วยของขวัญในกล่องสีสวย

น้องๆ นึกสงสัยไหมว่าเราเริ่มให้ของขวัญกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วกระดาษห่อของขวัญมีมานานแล้วหรือยัง

นิตยสารเล่มโปรด ฉบับเดือนธันวาคม ส่งท้ายปี 2552 เล่าถึงธรรมเนียมการให้ของขวัญว่ามีมาตั้งแต่สมัยโรมันแล้ว จะเห็นได้จากการถวายของบูชาแด่เทพเจ้าที่ตนเคารพบูชา หรือการส่งเครื่องบรรณาการให้เจ้าผู้ครองแคว้นต่างๆ

ส่วนในหมู่ชาวบ้านนิยมให้ของขวัญกันในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น วันขึ้นปีใหม่ของโรมัน วันฉลองเทพเจ้าต่างๆ วันเหมายัน เป็นต้น

ต่อมาการให้ของขวัญถูกโยงเข้ากับเรื่องราวการประสูติของพระเยซู จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลคริสต์มาส

ในสมัยก่อนของขวัญที่ส่งให้กันอาจมีหนังสัตว์หรือผ้าห่อไว้ ต่อมาในปีค.ศ.105 เริ่มมีการใช้กระดาษห่อของขวัญ ประ เทศที่ริเริ่มก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจีน เพราะเป็นชนชาติแรกที่ประดิษฐ์กระดาษ ชาวจีนนิยมห่อของขวัญด้วยกระดาษสีแดง เพราะเชื่อว่าจะนำโชคลาภมาให้

1.แปลงร่างเป็นเพื่อนตัวน้อย

2.กล่องของขวัญจากกระดาษสีสวย และการห่อแบบฟุโรชิกิ

3.ทรีคิงส์เสด็จมอบของขวัญวันพระเยซูเกิด

4.ลวดลายบนผ้าฟุโรชิกิ

5.ลวดลายกิโมโน

6.การห่อฟุโรชิกิแนวใหม่



ในช่วงนั้น การใช้กระดาษห่อของขวัญยังมีอยู่แต่ในจีน เพราะไม่มีใครรู้วิธีผลิตกระดาษ เนื่องจากเป็นความลับ ใครที่นำไปเผยแพร่จะมีโทษถึงตาย แต่เมื่อถึงคริสต์ศตวรรษที่ 8 ในระหว่างที่จีนทำสงครามกับชาติอาหรับ ทำให้ความลับการผลิตกระดาษหลุดรอดไปยังตะวันออก กลาง และส่งต่อไปถึงยุโรปผ่านสงครามครูเสดในคริสต์ศตวรรษที่ 11

เมื่อยุโรปผลิตกระดาษใช้เองได้ การห่อของขวัญก็เริ่มแพร่หลายและฮิตสุดๆ ในยุควิกตอเรีย ซึ่งตรงกับคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ก็เฉพาะในหมู่ผู้ดีมีเงินเท่านั้น

กระดาษห่อของขวัญที่พิมพ์ลวดลายสวยงามรูปทิวทัศน์ในหน้าหนาว โบสถ์ เตาผิง นางฟ้า นักบุญนิโคลัส เป็นที่นิยมมาก และถ้าจะให้หรูหราต้องตกแต่งด้วยริบบิ้นและผ้าลูกไม้

ว่าแต่ไม่มีกระดาษกาว ไม่มีสก๊อตเทป แล้วสมัยก่อนเขาห่อของขวัญกันอย่างไร

ก็ใช้ขี้ผึ้งทากระดาษให้ติดกันแล้วผูกด้วยเชือกนั่นเอง

ต่อมาในปีค.ศ.1920 อุตสาหกรรมการผลิตกระดาษเจริญรุดหน้าจึงมีกระดาษหลากสีใช้ แต่กระดาษห่อของขวัญสีที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ ขาว แดง เขียว ซึ่งเป็นสีของเทศกาลคริสต์มาส



ในปีค.ศ.1917 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการกระดาษห่อของขวัญ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส กระดาษห่อของขวัญขาดตลาด ร้านขายของพี่น้องตระกูลฮอลล์ ที่เคนซัส สหรัฐอเมริกา จึงนำกระดาษสีสันสวยงามจากฝรั่งเศส ที่ตอนแรกจะเอามาใช้ทำซองจดหมายด้านในมาขายแทน

ปรากฏว่าขายหมดอย่างรวดเร็ว และได้รับผลตอบรับดีเกินคาดในปีต่อมา ทำให้ร้านนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งต่อมาก็คือบริษัทฮอลล์มาร์ก ยักษ์ใหญ่ของธุรกิจกระดาษห่อของขวัญ

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ธุรกิจต่างๆ ซบเซากันทั้งนั้น มีเพียงธุรกิจกระดาษห่อของขวัญที่รัฐบาลไม่ได้บังคับให้ขายแบบปันส่วน เพราะอยากกระตุ้นให้คนมีความสุข และส่งของขวัญเป็นกำลังใจให้เหล่าทหารในต่างแดน ธุรกิจนี้จึงเติบโตมากกว่าเดิมถึงร้อยละ 20

ปัจจุบันธุรกิจกระดาษห่อของขวัญมีรายได้เฉลี่ย 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี



ในญี่ปุ่นมีธรรมเนียมการห่อของขวัญเหมือนกัน เรียกว่า "ฟุโรชิกิ"

ยิ่งในช่วงกระแสลดโลกร้อน ลดการใช้ถุงพลาสติกอย่างนี้ การห่อของ ห่อกล่องข้าวเบนโตะ ห่อหนังสือ รวมไปถึงการห่อของขวัญแบบฟุโรชิกิ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผ้าไหม ผ้าฝ้าย หรือผ้าป่าน ที่ลวดลายบนผ้าสวยงามแบบกิโมโนกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยดัดแปลงในรูปแบบใหม่ๆ ให้ทันสมัยและกิ๊บเก๋มากขึ้น

ย้อนกลับไปในสมัยนาระ ประมาณ ค.ศ.710-794 ของญี่ปุ่น ชนชั้นสูงหรือผู้มีสกุลจะนิยมใช้ห้องอาบน้ำสาธารณะที่เรียกว่า "เซนโต" เวลาไปอาบน้ำจะใช้ผ้าผืนใหญ่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีชื่อเรียกว่า "ฟุโรชิกิ" เพื่อห่ออุปกรณ์อาบน้ำ เสื้อผ้า และใช้ปูพื้นเพื่อวางของในห้องอาบน้ำ

ต่อมาในสมัยเอโดะ ประมาณ ค.ศ.1603-1868 การอาบน้ำในห้องน้ำสาธารณะเริ่มแพร่หลาย คนทั่วไปใช้บริการมากขึ้น การห่อฟุโรชิกิจึงเป็นที่นิยมตามไปด้วย

ฟุโรชิกิ (furoshiki) มาจากคำว่า ฟุโร แปลว่าห้องอาบน้ำ และคำว่า ชิกิ แปลว่าแผ่ออก

การห่อของขวัญแบบฟุโรชิกิ นอกจากผู้รับจะได้ลุ้นไปกับของขวัญสื่อแทนใจที่ผู้ให้ส่งมอบให้แล้ว

ผ้าฟุโรชิกิยังเป็นอีกหนึ่งของขวัญที่มีคุณค่าไม่น้อยทีเดียว

 

 


ที่มา  ข่าวสดรายวันวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 3183 วันที่ 28 ธ.ค. 2552


ที่มากระดาษสีสวย........ หุ้มกล่องของขวัญที่มากระดาษสีสวย........หุ้มกล่องของขวัญ

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

รูปร่าง...บอกสุขภาพ

รูปร่าง...บอกสุขภาพ


เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง
4 น้ำ

4 น้ำ


เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง
100ข้อดีๆ

100ข้อดีๆ


เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง
การเลือกซื้อคอมพิวเตอร์

การเลือกซื้อคอมพิวเตอร์


เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง
สมาธิกับการเรียน

สมาธิกับการเรียน


เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง
สิ่งแปลกใหม่บนกระจก

สิ่งแปลกใหม่บนกระจก


เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง
20 คำโกหกของผู้หญิง [ขำๆ]

20 คำโกหกของผู้หญิง [ขำๆ]


เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

^-^...20 อันดับประเทศน่าเที่ยว ที่สุดในโลก...^-^

^-^...20 อันดับประเทศน่าเที่ยว ที่สุดในโลก...^-^

เปิดอ่าน 7,210 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
เบอร์โทรศัพท์บอกอะไรได้บ้าง
เบอร์โทรศัพท์บอกอะไรได้บ้าง
เปิดอ่าน 7,136 ☕ คลิกอ่านเลย

ดูๆก็เข้าท่า...Dog-O-Matic เครื่องอาบน้ำน้องหมาอัตโนมัติ..!!!
ดูๆก็เข้าท่า...Dog-O-Matic เครื่องอาบน้ำน้องหมาอัตโนมัติ..!!!
เปิดอ่าน 7,155 ☕ คลิกอ่านเลย

4 วิธีดูแลความงาม.... ด้วยเกลือป่น
4 วิธีดูแลความงาม.... ด้วยเกลือป่น
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย

เยาวชน กับ สุรา
เยาวชน กับ สุรา
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย

ทุกขสมุทัยเหตุให้เกิดทุกข์
ทุกขสมุทัยเหตุให้เกิดทุกข์
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย

84เกมฝึกภาษา   ได้ประโยชน์และสนุกมากมาก
84เกมฝึกภาษา ได้ประโยชน์และสนุกมากมาก
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

20 เรื่องเหลือเชื่อทางวิทยาศาสตร์
20 เรื่องเหลือเชื่อทางวิทยาศาสตร์
เปิดอ่าน 15,254 ครั้ง

ข่าวจริง! การใส่หน้ากากอนามัย ส่งผลร้ายต่อการทำงานของสมองของเด็กต่ำกว่า 12 ปี
ข่าวจริง! การใส่หน้ากากอนามัย ส่งผลร้ายต่อการทำงานของสมองของเด็กต่ำกว่า 12 ปี
เปิดอ่าน 14,025 ครั้ง

เปิดศักราช 2559 ต้อนรับ "AEC" จุดเปลี่ยนอาเซียนสู่ก้าวใหม่ "ค้าบริการ-นวัตกรรม"มาแรง
เปิดศักราช 2559 ต้อนรับ "AEC" จุดเปลี่ยนอาเซียนสู่ก้าวใหม่ "ค้าบริการ-นวัตกรรม"มาแรง
เปิดอ่าน 9,903 ครั้ง

Gen Y วายร้ายจริงหรือ (จบ)
Gen Y วายร้ายจริงหรือ (จบ)
เปิดอ่าน 16,568 ครั้ง

สร้างหุ่นจำลอง DNA ด้วยกระดาษ
สร้างหุ่นจำลอง DNA ด้วยกระดาษ
เปิดอ่าน 44,413 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ