Advertisement
ที่มากระดาษสีสวย หุ้มกล่องของขวัญ
ต้นคริสต์มาส ตุ๊กตาหิมะ และลุงซานต้า ตัวการ์ตูนน่ารักคิกขุ ลวดลายกราฟิกเก๋ไก๋ กระดาษหลากสีส่งแสงระยิบระยับ เมื่อประดับด้วยริบบิ้นสีสวย ของขวัญที่เป็นปริศนาในกล่องก็ดูมากค่า
เทศกาลแห่งความสุขอย่างนี้ ไปที่ไหนก็เต็มไปด้วยของขวัญในกล่องสีสวย
น้องๆ นึกสงสัยไหมว่าเราเริ่มให้ของขวัญกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วกระดาษห่อของขวัญมีมานานแล้วหรือยัง
นิตยสารเล่มโปรด ฉบับเดือนธันวาคม ส่งท้ายปี 2552 เล่าถึงธรรมเนียมการให้ของขวัญว่ามีมาตั้งแต่สมัยโรมันแล้ว จะเห็นได้จากการถวายของบูชาแด่เทพเจ้าที่ตนเคารพบูชา หรือการส่งเครื่องบรรณาการให้เจ้าผู้ครองแคว้นต่างๆ
ส่วนในหมู่ชาวบ้านนิยมให้ของขวัญกันในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น วันขึ้นปีใหม่ของโรมัน วันฉลองเทพเจ้าต่างๆ วันเหมายัน เป็นต้น
ต่อมาการให้ของขวัญถูกโยงเข้ากับเรื่องราวการประสูติของพระเยซู จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลคริสต์มาส
ในสมัยก่อนของขวัญที่ส่งให้กันอาจมีหนังสัตว์หรือผ้าห่อไว้ ต่อมาในปีค.ศ.105 เริ่มมีการใช้กระดาษห่อของขวัญ ประ เทศที่ริเริ่มก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจีน เพราะเป็นชนชาติแรกที่ประดิษฐ์กระดาษ ชาวจีนนิยมห่อของขวัญด้วยกระดาษสีแดง เพราะเชื่อว่าจะนำโชคลาภมาให้
1.แปลงร่างเป็นเพื่อนตัวน้อย
2.กล่องของขวัญจากกระดาษสีสวย และการห่อแบบฟุโรชิกิ
3.ทรีคิงส์เสด็จมอบของขวัญวันพระเยซูเกิด
4.ลวดลายบนผ้าฟุโรชิกิ
5.ลวดลายกิโมโน
6.การห่อฟุโรชิกิแนวใหม่
|
ในช่วงนั้น การใช้กระดาษห่อของขวัญยังมีอยู่แต่ในจีน เพราะไม่มีใครรู้วิธีผลิตกระดาษ เนื่องจากเป็นความลับ ใครที่นำไปเผยแพร่จะมีโทษถึงตาย แต่เมื่อถึงคริสต์ศตวรรษที่ 8 ในระหว่างที่จีนทำสงครามกับชาติอาหรับ ทำให้ความลับการผลิตกระดาษหลุดรอดไปยังตะวันออก กลาง และส่งต่อไปถึงยุโรปผ่านสงครามครูเสดในคริสต์ศตวรรษที่ 11
เมื่อยุโรปผลิตกระดาษใช้เองได้ การห่อของขวัญก็เริ่มแพร่หลายและฮิตสุดๆ ในยุควิกตอเรีย ซึ่งตรงกับคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ก็เฉพาะในหมู่ผู้ดีมีเงินเท่านั้น
กระดาษห่อของขวัญที่พิมพ์ลวดลายสวยงามรูปทิวทัศน์ในหน้าหนาว โบสถ์ เตาผิง นางฟ้า นักบุญนิโคลัส เป็นที่นิยมมาก และถ้าจะให้หรูหราต้องตกแต่งด้วยริบบิ้นและผ้าลูกไม้
ว่าแต่ไม่มีกระดาษกาว ไม่มีสก๊อตเทป แล้วสมัยก่อนเขาห่อของขวัญกันอย่างไร
ก็ใช้ขี้ผึ้งทากระดาษให้ติดกันแล้วผูกด้วยเชือกนั่นเอง
ต่อมาในปีค.ศ.1920 อุตสาหกรรมการผลิตกระดาษเจริญรุดหน้าจึงมีกระดาษหลากสีใช้ แต่กระดาษห่อของขวัญสีที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ ขาว แดง เขียว ซึ่งเป็นสีของเทศกาลคริสต์มาส
|
ในปีค.ศ.1917 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการกระดาษห่อของขวัญ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส กระดาษห่อของขวัญขาดตลาด ร้านขายของพี่น้องตระกูลฮอลล์ ที่เคนซัส สหรัฐอเมริกา จึงนำกระดาษสีสันสวยงามจากฝรั่งเศส ที่ตอนแรกจะเอามาใช้ทำซองจดหมายด้านในมาขายแทน
ปรากฏว่าขายหมดอย่างรวดเร็ว และได้รับผลตอบรับดีเกินคาดในปีต่อมา ทำให้ร้านนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งต่อมาก็คือบริษัทฮอลล์มาร์ก ยักษ์ใหญ่ของธุรกิจกระดาษห่อของขวัญ
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ธุรกิจต่างๆ ซบเซากันทั้งนั้น มีเพียงธุรกิจกระดาษห่อของขวัญที่รัฐบาลไม่ได้บังคับให้ขายแบบปันส่วน เพราะอยากกระตุ้นให้คนมีความสุข และส่งของขวัญเป็นกำลังใจให้เหล่าทหารในต่างแดน ธุรกิจนี้จึงเติบโตมากกว่าเดิมถึงร้อยละ 20
ปัจจุบันธุรกิจกระดาษห่อของขวัญมีรายได้เฉลี่ย 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี
ในญี่ปุ่นมีธรรมเนียมการห่อของขวัญเหมือนกัน เรียกว่า "ฟุโรชิกิ"
ยิ่งในช่วงกระแสลดโลกร้อน ลดการใช้ถุงพลาสติกอย่างนี้ การห่อของ ห่อกล่องข้าวเบนโตะ ห่อหนังสือ รวมไปถึงการห่อของขวัญแบบฟุโรชิกิ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผ้าไหม ผ้าฝ้าย หรือผ้าป่าน ที่ลวดลายบนผ้าสวยงามแบบกิโมโนกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยดัดแปลงในรูปแบบใหม่ๆ ให้ทันสมัยและกิ๊บเก๋มากขึ้น
ย้อนกลับไปในสมัยนาระ ประมาณ ค.ศ.710-794 ของญี่ปุ่น ชนชั้นสูงหรือผู้มีสกุลจะนิยมใช้ห้องอาบน้ำสาธารณะที่เรียกว่า "เซนโต" เวลาไปอาบน้ำจะใช้ผ้าผืนใหญ่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีชื่อเรียกว่า "ฟุโรชิกิ" เพื่อห่ออุปกรณ์อาบน้ำ เสื้อผ้า และใช้ปูพื้นเพื่อวางของในห้องอาบน้ำ
ต่อมาในสมัยเอโดะ ประมาณ ค.ศ.1603-1868 การอาบน้ำในห้องน้ำสาธารณะเริ่มแพร่หลาย คนทั่วไปใช้บริการมากขึ้น การห่อฟุโรชิกิจึงเป็นที่นิยมตามไปด้วย
ฟุโรชิกิ (furoshiki) มาจากคำว่า ฟุโร แปลว่าห้องอาบน้ำ และคำว่า ชิกิ แปลว่าแผ่ออก
การห่อของขวัญแบบฟุโรชิกิ นอกจากผู้รับจะได้ลุ้นไปกับของขวัญสื่อแทนใจที่ผู้ให้ส่งมอบให้แล้ว
ผ้าฟุโรชิกิยังเป็นอีกหนึ่งของขวัญที่มีคุณค่าไม่น้อยทีเดียว
ที่มา ข่าวสดรายวันวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันที่ 28 ธ.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,184 ครั้ง เปิดอ่าน 7,155 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,132 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,160 ครั้ง เปิดอ่าน 7,151 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,130 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,210 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,136 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,155 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 15,254 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,025 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,903 ครั้ง |
เปิดอ่าน 16,568 ครั้ง |
เปิดอ่าน 44,413 ครั้ง |
|
|