Advertisement
อย่าแต่งงานกัน...เพราะ….!!
|
อาจเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับทุกคนที่หลังจากเรียนจบคว้าใบปริญญามาได้แล้ว มักคิดว่าบันไดขั้นต่อไปเมื่อมีการมีงานทำอย่างมั่นคงก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการแต่งงานและสร้างครอบครัวของตัวเอง แต่ทว่าบันไดขั้นนี้ไม่มีใครสามารถรับประกันได้เลยว่า ชีวิตแต่งงานจะสุขมากกว่าทุกข์หรือไม่
เมื่อชะตาฟ้าลิขิตให้แต่ละคนมีความแตกต่างกันอย่างน่าแปลกใจ บางคน โดยเฉพาะผู้หญิงที่คิดว่าสูตรสำเร็จของชีวิตส่วนหนึ่งคือการแต่งงาน มีลูกและมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งจากการสำรวจที่ผ่านมา หลายองค์กรได้ผลที่ไปทิศทางเดียวกันว่า จำนวนคนโสดนั้นมีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน และอัตราการหย่าร้างก็ไม่ได้คงที่หรือลดลงไปเลย ซึ่งน่าจะเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า คู่สมรสเกิดความผิดพลาด ในการตัดสินใจแต่งงานสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออยู่กันไม่ได้ก็เลิกรากันไป ในขณะที่บางคนก็ทนกันไม่ได้ตอนแก่ก็มี
ดังนั้น ก่อนที่คิดจะแต่งงาน ลองถามตัวเองดูว่าเหตุผลที่อยากแต่งงานนั้นจริงๆแล้วเป็นเพราะอะไรกันแน่ หนึ่งในเหตุผลของคุณอยู่ในข้อข้างล่างนี้บ้างหรือไม่ ถ้าเป็นอย่างที่กล่าวไว้ ก็ลองเปลี่ยนมุมมองสักนิด เพื่อคุณภาพชีวิตของตัวเอง
1.แต่งงานเพราะกลัวว่าจะไม่ได้แต่ง
หลายคนคิดว่า ถ้าไม่ได้แต่งงาน มีลูก แก่ตัวไปจะลำบาก เพราะไม่มีใครเลี้ยง แต่ในปัจจุบันนี้ เราทุกคนควรยอมรับความจริงว่า บางครอบครัว ต่อให้มีลูกเป็นโขยง บั้นปลายชีวิตยังไม่มีลูกคนไหนมาเหลียวแลก็มี เพราะฉะนั้นใครที่ยังคิดว่าจะแต่งงานเพราะหวังพึ่งให้คนนครอบครัวเลี้ยง...ลองคิดอีกครั้งนะคะ
ทั้งนี้ ผู้หญิงหลายคน พอชักเริ่มมีอายุสูงขึ้น ก็เกิดอาการวิตกจริตว่าถ้าเราไม่รีบ "คว้า" ใครไว้สักคนในขณะนี้ เจอใครที่พอดูได้ก็รีบด่วน ตัดสินใจ ไปลงเอยกับเขา เพียงเพราะกลัวว่าจะต้องเข้าไปเป็นสมาชิกคานทองนิเวศ หรือหมู่บ้านสาวโสดนั่นเอง
การตัดสินใจแต่งงานด้วยเหตุผลทำนองนี้ น่าจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี เพราะคุณไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบ ไม่ทันได้พิจารณาและดูว่าสิ่งที่คุณคว้าไว้นั้นเป็นสิ่งมีพิษมีภัยหรือเป็นที่พึ่งได้จริง บางทีสิ่งที่คิดว่าเป็นทุ่นให้เกาะได้ กลับกลายเป็น เพียงฟางหญ้า หรือกาฝากที่มีแต่เกาะกินผลประโยชน์จากคุณเสียด้วยซ้ำ
นอกจากนี้แล้ว อีกประเภทหนึ่งคือคำถามกดดัน เช่น เมื่อไหร่จะแต่งงาน ทำไมยังไม่แต่งงานเสียที ซึ่งอาจทำให้คุณรู้สึกอึดอัดใจและในที่สุดคุณก็ตกลงใจที่จะลดมาตรฐาน ของชายในฝันของคุณลงอย่างน่าใจหาย หรือต่ำกว่า 50% ก็ยอม ขอให้ได้ชื่อว่า "ได้แต่ง" ก็เป็นพอ ถ้าคุณทำเช่นนี้ย่อมเป็นของแน่นอนว่า คุณกำลัง "ลนลาน" หาคู่และย่อมเป็นของแน่อีกเช่นเดียวกันว่า คู่ที่หามาได้จากการไม่พิจารณาให้รอบคอบนั้น จะมีผลร้ายกับชีวิตของคุณเช่นไร
2. แต่งงานเพราะอยากจะไปให้ไกลจากครอบครัวเดิม
บางคนตัดสินใจแต่งงานเพราะเบื่อครอบครัวของตัวเอง อยากเปลี่ยนสถานะไปเป็นลูกเขย ลูกสะใภ้ของคนอื่นเสียบ้าง จึงคิดว่าหากมีครอบครัวใหม่ที่เป็นของตัวเองก็อาจจะดีไม่น้อย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนี่ไม่ใช่ทางออกที่ดีเอาเสียเลย อีกทั้งอาจจะเจอปัญหาครอบครัวที่หนักหนากว่าของตนเอง เพราะไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง ของแฟน หรือการปรับตัวในการอยู่ร่วมกันก็ก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกนับไม่ถ้วน
3. แต่งงานเมื่อคุณกำลังอกหัก หรือเมื่อต้องการประชดแฟนเก่า
ผู้หญิงหลายคนอกหักจากแฟนเก่าและด้วยความเจ็บใจ ก็จะรีบแต่งงานกับผู้ชายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต อย่างปุบปับ เป็นทีประชดแฟนเก่าว่า "ฉันก็มีเสน่ห์ เมื่อเธอจากฉันไปได้ฉันก็สามารถหาผู้ชายคนอื่นมาแทนเธอได้เหมือนกัน"ความจริงเรื่องการอกหักนี้เป็นเรื่องที่เกิดกับคนเป็นจำนวนมากคุณย่อมเจ็บ ปวดเป็นธรรมดา
แต่เมื่อคุณอกหัก คุณยังไม่ควรรีบ "คว้า" ใครก็ได้และแต่งๆ ไปเพราะผู้หญิงอกหัก ทุกคน จะมีสภาพจิตใจที่ตกต่ำ ความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองจะลดลงไปและช่วงนั้นคุณมักจะขาดวิจารณญาณ ในการเลือกผู้ชายที่ดีๆ คุณมักจะไปเลือกเอาผู้ชายที่ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติมาแต่งด้วยเพราะจิตใจคุณบอบช้ำ คุณต้องการคนมาเยียวยา และเขาเสนอตัวเข้ามาพอดีซึ่งคุณก็จะตกลงเพราะคุณคิดว่า คนนี้แหละที่จะมาสมานแผลใจให้คุณได้ แต่เมื่อแต่งไปแล้ว จิตใจคุณเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติคุณอาจนั่งมองสามีพร้อมกับตั้งคำถามให้กับตัวเองว่า "ฉันเลือกเขามาได้อย่างไร"
4. แต่งงานเพราะความสงสาร
คนบางคนต้องยอมแพ้กับความพยายามของอีกฝ่ายและความสงสารที่ไม่อยากทำร้ายจิตใจอีกต่อไป ทั้งๆที่อาจจะไม่ได้รักเขาเลย แต่หลังจากแต่งงานกันได้ระยะหนึ่ง เขาอาจกลับแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างน่าเกลียดแม้กระทั่งเพื่อนฝูง ในที่สุดชีวิตครอบครัวก็ไร้ความสุขและอิสระทั้งมวล
5. แต่งงานเพราะความหล่อ ความสวย
รูปสมบัติหรือความหล่อล่ำอาจเป็นสิ่งที่ถูกตาถูกใจในเบื้องต้น แต่ถ้าคุณมัวไปหลงใหลในรูป ที่เห็น เพียงอย่างเดียว คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า ภายใต้รูปที่ดูหรูเริดของเขานั้นซ่อนอะไรไว้ภายในเขาอาจจะเป็นพยัคฆ์ร้ายที่ซ่อนอยู่ภายใต้หนังราชสีห์ก็ได้
คุณควรจะหัดมองคนให้ถึงแก่นแท้ของบุคลิกมากกว่าเพียง แค่รถสปอร์ตราคาเป็นล้านของเขา และยิ่งกว่านั้น คนสวยๆ หล่อๆ มักจะใช้เวลาตกแต่งแต่รูปภายนอกของเขามากกว่ารูปภายใน และจะมีประโยชน์อะไรที่จะได้แต่เปลือกซึ่งไม่มีแก่นของเขา หรือไม่ก็เป็น แก่นที่เน่าหรือกลวงข้างใน ยิ่งกว่านั้น ภายใต้ความหล่อและกลิ่นน้ำหอมของเขาก็คือ กลิ่นเหงื่อ กลิ่นตัว เจาะลึกลงไป ก็เจอแต่น้ำเลือดน้ำเหลืองน้ำหนองเหมือนๆ กัน แล้วคุณจะไปหลงใหลได้ปลื้ม อะไรกันนักหนา กับรูปที่ไม่กี่วันก็เหี่ยวเฉาลงไป
6. แต่งงานเพราะทรัพย์สมบัติ
ผู้หญิงหลายคนแต่งงานกับผู้ชายที่ร่ำรวย เพราะขี้เกียจไปกัดก้อนเกลือกินกับใคร ความจริงเรื่องความ รวยนั้นใครๆ ก็ชอบ เป็นคุณสมบัติในทางที่น่าพิสมัยของผู้ชายด้วยซ้ำไปแต่ถ้าผู้ชายที่มีแต่ความรวยให้คุณเพียงอย่างเดียว แต่เขาไม่มีเวลาให้คุณ หรือเขาให้คุณเสวยสุข อยู่บนกองเงินกองทองของเขา แต่เขาไม่ซื่อสัตย์กับคุณ แอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยให้คุณช้ำใจอยู่เสมอ คุณจะทนได้หรือ ต่อให้เขามี เงินล้นฟ้า คุณก็จะน้ำตาเช็ดหัวเข่า และคิดว่าสู้เขาไม่ร่ำไม่รวยแต่มีเวลาและความรักให้คุณจะดีกว่าเป็นไหนๆ
ดังนั้น เมื่อรู้จักผู้ชายที่ร่ำรวยควรศึกษาเขาให้ดี ว่าเขาทำมาหากินอะไร อย่าให้ความรวย มาทำให้คุณตามืดมัวไปกับวัตถุสำเร็จ รูปที่เขาสรรหามาให้ มากกว่าความรักและความจริงใจของเขา
7. แต่งงานเพราะอยากหนีใจตัวเอง
คนบางคนแต่งงานเพราะไม่ต้องการเผชิญกับความรู้สึกสับสนว้าวุ่นและขาดเป้าหมายของชีวิตตนเอง ใช้การแต่งงานเป็นการแสวงหาความหมายให้ชีวิต อยากให้คู่สมรสมาเติมความ "ขาด" ในชีวิตที่เขาควรจะเติมให้ตนเองผู้หญิงบางคนไม่ชอบตนเอง ไม่เชื่อหรือไว้วางใจว่าจะมีใครที่รักเธอจริง
เมื่อมีความสัมพันธ์กับใครก็มักจะต้องการให้ผู้ชายนั้นมาเติมให้ชีวิตของเธอเต็มขึ้นมาซึ่งเธอก็มักจะพบกับความผิดหวัง เพราะเธอไม่ได้รักผู้ชายคนนั้นเธอต้องการแต่งงานเพื่อหลีกหนีบางสิ่งบางอย่าง ของชีวิต ที่เธอไม่อยากเผชิญกับมันเท่านั้น
8. แต่งงานเพราะคิดว่าจะเปลี่ยนนิสัยเขาได้
นิสัยคนเรานั้นจะเปลี่ยนได้หรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ แต่ขึ้นอยู่ที่ตัวของเขาเองอย่าคิดว่าคนเราจะเปลี่ยนนิสัยกันได้ง่ายๆ เพราะเรามักจะมีความเคยชินดั้งเดิม ที่ได้รับการปลูกฝังมาเป็นปีๆ การเปลี่ยนความเคยชิน ต้องใช้ความพยายามและความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยว
อย่าแต่งงานเพราะคิดจะเปลี่ยนนิสัยใคร เพราะถ้าเขาไม่อยากเปลี่ยนตัวของเขาเอง คนที่เสียใจที่สุดก็คือคุณ
9. แต่งงานเพราะความเหงา
คนเราทุกคนล้วนมีความเหงาอยู่ภายในจิตใจ มากบ้างน้อยบ้าง ถ้าคุณเป็นคนขี้เหงามองหน้าตัวเองในกระจกก็เบื่อ มองไปรอบๆ ห้องก็เจอแต่สิ่งเก่าๆ เฟอร์นิเจอร์เดิมๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นในชีวิตและคุณก็คิดอยากจะได้ใครสักคนมาแก้เหงา คุณก็เลยแต่งงานไป กับคนที่คุณรู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่เหมาะกับคุณ
แต่คุณคิดว่า "ดีกว่าอยู่เปล่าๆ คนเดียว" เขาคงมาช่วยบำบัดความหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวในจิตวิญญาณ คุณได้ละก็ขอบอกว่าคุณคิดผิด เพราะเมื่อความเหงาเข้าจู่โจมจิตใจนั้น คนเรามักขาดการกลั่นกรอง เห็นผิดเป็นชอบ คุณอาจจะไปคว้าใครก็ไม่รู้มาบำบัดความเหงาของคุณและคนคนนั้นอาจจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งในชีวิตภายภาคหน้าของคุณก็ได
ถ้าเหตุผลของคุณที่คิดจะแต่งงานเป็นอย่างที่กล่าวมา...ลองคิดให้ดีอีกสักครั้งนะคะ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
|
ที่มา women.thaiza.com/
วันที่ 10 พ.ย. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,176 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,148 ครั้ง เปิดอ่าน 7,186 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,162 ครั้ง เปิดอ่าน 7,147 ครั้ง เปิดอ่าน 7,194 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,176 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,145 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,145 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,160 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 16,864 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,874 ครั้ง |
เปิดอ่าน 11,364 ครั้ง |
เปิดอ่าน 17,520 ครั้ง |
เปิดอ่าน 11,037 ครั้ง |
|
|