Advertisement
เนื่องจากผงฟูมีอนุภาคเล็กเป็นรูปทรงผลึกที่อ่อนนุ่ม จึงช่วยในการขัดถู ยังมีสรรพคุณในการดูดกลิ่นเหม็น ดูดความชื่น ปรับค่าความเป็นกรดด่าง ฆ่าเชื้อโรค จึงสามาถนำมาใช้ประโยชน์ในบ้านเรือนได้อย่างมีประสิทธิภาพตามตำรับและสูตรต่างๆ ดังต่อไปนี้
หน้าต่าง
1. ขจัดคราบสกปรกบนขอบและบานหน้าต่าง ด้วยฟองน้ำเปียกๆ ที่โรยด้วยผงฟูเล็กน้อยใช้ล้างด้วยฟองน้ำและเช็ดแห้ง
2. ล้างหน้าต่างบานเกล็ดด้วยน้ำอุ่นที่ผสมผงฟู3/4 ถ้วยตวงราดน้ำให้เปียกทิ้งไว้สักครึ่งชั่วโมง ก่อนใช้แปลงขัดออก
3. ล้างหน้าต่างอลูมิเนียมและ Door Sereens โดยใช้แปลงเปียกๆ จิ้มผงฟูขัดออกใช้ฟองน้ำหรือผ้านุ่มๆ ล้างให้สะอาดทำความสะอาดงานไม้
4. ทำความสะอาดงานจากไม้ฝาผนังหรืออุปกรณ์เครื่องใช้ โดยการผสม น้ำส้มสายชู ? ถ้วยตวง ผงฟู ? ถ้วยตวง น้ำอุ่น 4.5 ลิตร
5. ถ้าพื้นผิวผนังสกปรกมีคราบเหนียวเหนะหนะให้ใช้แอมโมเนีย 1 ถ้วยตวง นำไปเช็ดให้ทั่วฝาผนังด้วยฟองน้ำหมาดๆ อย่าใช้ผ้าขนหนูเปียก ทิ้งไว้สัก 2-3 นาที ก่อนที่จะเช็ดคราบสกปรกออก (ควรจำไว้เสมอว่าเครื่องเรือนไม้มีลักษณะแตกต่างกันดังนั้นถ้าไม่แน่ใจให้ทดลองเฉพาะพื้นที่เล้กๆ ก่อน)
6. รอยด่างเป็นวงหรือรอยจุดบนเฟอร์นิเจอร์ไม้ หากเกิดความร้อนบางครั้งก็อาจขัดออกได้ด้วยการผสมยาสีฟัน และผงฟูในสัดส่วนเท่าๆ กันใช้ผ้านุ่มเช็ดออกเบาๆ ใช้ผลิตภัณฑ์ขัดเงาด้วยก็ได้หากจำเป็น
7. ขจัดคราบหยดน้ำบนพื้นไม้โดยการใช้ผงฟูกับกับผ้าขี้ริ้วหมาดๆ เช็ดออกจำไว้ว่าเครื่องเรือนที่ทำจากไม้ไม่ควรทำให้เปียก
บ้านสุขภาพดี
1. ป้องกันไม่ให้ภาชนะกระเป๋าเดินทางขิงคุณมีกลิ่นเหม็นอับเหม็นชื้นจากเชื้อรา โยดการโรยผงฟูลงบนภาชนะข้าวของเครื่องใช้ก่อนที่จะเก็บเข้าที่เข้าทางอย่างมิดชิด
2. โรยผงฟูในโถส้วม อ่างน้ำทิ้ง ใน อ่างล้างหน้า อ่างล้างจานชาม อ่างอาบน้ำ หรือโรยลงบนฟักบัวทิ้งไว้ ก่อนที่คุณจะหยุดใช้ชั่วคราว เพื่อไปพักร้อน วิธีนี้จะช่วยป้องกันกลิ่นเหม็นอับ กลิ่นเก่าเก็บตกค้าง
3. ขจัดกลิ่นเหม็นอับอกจากผ้านวม ฟ้าห่มหลังจากทที่คุณเก็บไว้นานๆ โรยผงฟูลงบนผ้านั้น ม้วนเก็บไว้สัก 2 ชั่วโมง จากนั้นสะบัดออกและตบให้ฟูหรือใช้ไดร์เป่าลมให้ฟูโดยไม่ใช้ความร้อนเป่า
4. นำผงปิดฝากล่องตั้งทิ้งไว้ในห้องที่โรงงาน เพื่อขจัดกลิ่นสี หรือกลิ่นสารระเหย หรือกลิ่นน้ำยาขัดเคลือบวัสดุต่างๆ
5. ช่วยลดกลิ่นตกค้างกันของบุหรี่ โดยการโรยผงฟูสักเล็กน้อยลงบนถาดเขี่ยบรี่
6. ขจัดกลิ่นตกค้างบนผ้าปูโต๊ะโดยการแช่ผ้าในน้ำสารละลายผงฟู
เบ็ดเตล็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับการดูแลรักษา
1. ล้างผงฟูสัก 1 ถ้วยตวงลงในโถส้วมหรือท่อน้ำทิ้งเป็นประจำสัปดาห์ละครั้งจะช่วยคงสภาพความเป็นกรด-ด่าง ระบบของถังบำบัดของเสีย สภาพความเป็นกรดด่างในระดับทที่เหมาะสมจะช่วยให้แบ็คทีเรียแตกตัวทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยป้องกันการอุดตันและตกค้างในแทงค์และท่อน้ำทิ้ง การใช้ผงฟูสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันไม่ให้แทงค์คอนกรีตหรือแทงค์ที่ทำจากโลหะผุกร่อนง่าย โดยเฉพาะบริเวณฝาแทงคีที่ต้องสัมผัสกับไอระเหยที่ทำให้ผุกร่อนง่าย
2. ผสมผงฟูกับน้ำเล็กน้อยให้เปียกๆ ข้นๆ เพื่ออุดรูตามผนังที่มีรอยปูนแตกร้าว เพื่อซ่อมแซมเป็นการชั่วคราว เมื่อมันแห้งแล้วจะดูกลมกลืนเข้ากับฝาผนังปูนพลาสเตอร์ขาว เมื่อต้องการซ่อมแซมอย่างถาวรให้ผสมมผลฟูกับกาว (ลาเท็กซ์) ซ่อมแซมสีขาวที่ใช้ตามบ้านเรือน
3. ทำความสะอาดผนังที่มีคราบดำขงอเขม่าควัน ด้วยการใช้เศษผ้าชื่นๆ และผงฟูละลายเข้มข้น
4. ทำความสะอาดอุปกรณ์ตกแต่งเครื่องเรือนโดยการโรยผงฟูให้ทั่วเครื่องตกแต่ง ทิ้งไว้สักครู่จากนั้นจึงดูดออก กลิ่นเขม่าควันจะถูกกำจัดออกจนหมอจด
5. ใช้ผงฟูทำความสะอาดเครื่องประดับลวดลายลูกไม้ประเภทต่างๆ
6. ทำความสะอาดแป้นพิมพ์ดีด ด้วยแปลงสีฟันขนอ่อนๆ ขัดโดยใช้ผงฟู 4 ชอนโต๊ะละลายกับน้ำ 1 ถ้วยตวง จากนั้นใช้กระดาษชำระเช็ดออก
7. แช่ไม้ถูพื้นหรือไม้กวาดในน้ำ 1 ถัง ละลายผงฟู 4 ช้อนชา แต่ให้แช่หลังจากที่ชำระสิ่งสกปรกออกไปแล้ว วิธีนี้จะเป็นการกำจัดกลิ่นเหม็นอับตกค้างบนไม้ถูพื้นหลังแช่ตากให้แห้ง
กลิ่นสะอาดสำหรับทางเข้า
1. โปรยผงฟูลงบนพรมหน้าบ้าน ซึ่งจะช่วยได้ทั้งการทำความสะอาดและดูดซับกลิ่นเหม็นอับ จากนั้นจึงค่อยดูดออก เพราะปรกติแล้วคุณใช้พรมเช็ดเท้าเพื่อดักจับฝุ่นดักความสกปรก ก็จะตกอยู่บนพรม แต่คุณมักจะไม่ค่อยได้สะบัดมันทิ้งไป
2. ขัดถูผงฟูลงบนพรมเช้ดเท้าด้านนอกด้วยไม่กวาดแข็ง จากนั้นใช้สายยางฉีดน้ำฉีดออก หรือคุณจะรอจนกระทั่งฝนตกแล้วชะมันออกไปเองก็ได้
น้ำมันหอมระเหย
ทำกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับครอบครัวด้วยตัวคุณเอง โดยใช้ผงฟูประมาณ 1 กล่อง ผสมกับน้ำมันกลิ่นบุหงาที่คุณชื่นชอบ หรือกลิ่นน้ำมันอบเชยสักเล็กน้อย จากนั้นโรยไปทั่วพรมแล้วดูดออกให้เกลี้ยง
ใช้ผงฟูทำความสะอาดพรม
1. ซักพรมโดยใช้เครื่องโดยการเติมผงฟู ? ถ้วยตวงผสมกับน้ำอุ่น 1 แกลลอน หรือจะซักในถุงน้ำก็ได้ ถ้าคุณจะทำความสะอาดเฉพาะบริเวณที่มีคราบสกปรกโดยการแปลงด้วยมือ ให้โรยผงฟูเล็กน้อยลงบนรอยสกปรก ทิ้งไว้สักครู่ก่อนที่จะเช็ดออกด้วยฟองน้ำหรือผ้าโดยเฉพาะนั้นด้วยฟองน้ำหรือผ้าขนหนู่ (ทดลองทำก่อนเพราะระวังเรื่องสีตก)
2. ขจัดคราบไวน์หรือคราบสกปรกมันบนพรมโดยการโรยผงฟูบางๆ ทันทีที่มีรอยเปื้อนทำซ้ำหรือค่อยๆ เติมผงฟูใหม่อีกครั้งหากจำเป็น ควรทิ้งไว้สักครู่จนกว่าผงฟูจะดูดซับคราบสกปรก จากนั้นให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออกให้หมด ทำความสะอาดคราบที่เกิดจากกรด (คราบสกปรกที่เป็นกรด โถชักโครกเปิดท่อระบายน้ำ (drain openers) กรดจากแบเตอรี่รวมทั้งอาจจะเกิดจากคราบอาเจียน หรือปัสสาวะ) ให้ทำความสะอาดโดยใช้น้ำเย็นซะออกแรงๆ จนท่วมโดยทันทีถ้าเป็นไปได้ จากนั้นทำให้เกิดสภาพเป็นกลางโดยใช้ผงฟู คุณอาจจะต้องยุ่งยากบ้างในการขจัดคราบของผงฟูออกจากพรมภายหลังเมื่อมันแห้งแล้ว หลังจากที่คุณได้ดูแลรักษาเบื้องต้นโดยทันทีไปเรียบร้อยแล้ว โรยผงฟูพรมเป็นประจำทุกเดือน หรือเท่าที่จำเป็นโรยทิ้งไว้ก่อนคุณเข้านอน จากนั้นทิ้งไว้ข้ามคืนคุณอาจจะใช้ไม้กวาดหรือแปลงแข็งๆ ช่วยปัดให้ผงฟูเข้าไปติดทั่วพรม ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออกในวันรุ่งขึ้น ลองทำอุปกรณ์ดูดกลิ่นพรม
ผงฟู 1 ส่วน 2 ถ้วยตวง
แป้งข้าวโพด (Cornstarch) 1 ส่วน 2 ถ้วยตวง
กลิ่นสกัดตามที่ชอบ 15 หยด
ทำความสะอาดพื้นผิว
1. ใช้ฟองน้ำเปียกๆ เช็ดผงฟูเพื่อเช้ดคราบสีเทียนที่ติดบนผนังชนิดล้างๆด้ เช็ดถูเบาๆ วิธีนี้จะช่วยทำความสะอาดคราบสกปรกส่วนใหญ่อื่นๆ รวมทั้ง คราบน้ำมัน ดินสอ และปากกา มาร์คเกอร์ได้ด้วย
2. ใช้ผงฟูผสมน้ำเปียกๆ ข้นๆ เพื่อเช็ดถูคราบสกปรกที่เกิดจากการรอยลากไปมาบนพื้นเสื่อน้ำมัน
3. ขจัดคราบหรือหยดน้ำหมึกออกจากพื้น เสื่อน้ำมันโดยการใช้ผงฟูข้นๆ ป้ายบริเวณสกปรกทิ้งไว้จนแห้งสักครู่ก่อนจะเช้ดออกและใช้ผงฟูใหม่ๆ ขัดออกอีกครั้ง
กำจัดกลิ่นรองเท้าด้วยผงฟู
1. วางถุงหรือซองผงฟู ไว้ในรองเท้าผ้าใบหุ้มซ้น เพื่อไม่ให้รองเท้ามีกลิ่นอับเหม็นหลังการใส่และมีกลิ่นเหม็นตกค้างอยู่ในตู้รองเท้า วิธีนี้คุณอาจจะใช้ผงฟูผสมกับแป้งหอมกลิ่นที่คุณชอบผสมรวมกันไว้ในซองตามที่ต้องการ
2. โรยผงฟูในรองเท้าผงฟูจะช่วยดูดซับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกไป ทิ้งไว้ข้ามคืน รุ่งขึ้นคุณแค่เคาะผงฟูออก
ที่มาnews.mcot.net/
วันที่ 1 ส.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,147 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,133 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,170 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,148 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,264 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 143,070 ครั้ง |
เปิดอ่าน 110,822 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,564 ครั้ง |
เปิดอ่าน 151,076 ครั้ง |
เปิดอ่าน 3,585 ครั้ง |
|
|