ชื่อเรื่อง การพัฒนาบทเรียนโปรแกรมประกอบแผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง เรื่อง ความเป็นมา
ของชาติไทย สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศาสนาและ
วัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้ศึกษา นางสมพร โยวะบุตร
ปีที่ทำการศึกษา 2551
บทคัดย่อ
การเรียนการสอนประวัติศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ควรนำสื่อและนวัตกรรมมาใช้เพื่อสร้างความสนใจในการเรียนให้กับนักเรียน เพราะเนื้อหาประวัติศาสตร์เป็นนามธรรมและไกลตัวนักเรียน การสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่จะมีส่วนช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ตามแนวคิดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ บทเรียนโปรแกรมเป็นสื่อชนิดหนึ่งที่เหมาะสมจะนำมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ในระดับชั้นมัธยมศึกษา ดังนั้นผู้ศึกษาจึงสนใจที่จะพัฒนาบทเรียนโปรแกรมเรื่อง ความเป็นมาของชาติไทย กลุ่มสาระสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80 /80 และศึกษาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนโปรแกรม เรื่อง ความเป็นมาของชาติไทย กลุ่มสาระสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 29 คน โรงเรียน.ธาตุโพนทองวิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551 ซึ่งได้มาด้วยการสุ่มอย่างเจาะจง (Purposive Sampling Technique) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลมี 4 ชนิด คือ แผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 10 แผนบทเรียนโปรแกรมจำนวน 10 เล่ม แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ และแบบสอบถามเจตคติ สถิติที่ใช้คือร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีประสิทธิผล
ผลการศึกษาพบว่า 1. เปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนกับหลังเรียนของนักเรียนด้วยบทเรียนโปรแกรมประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ พบว่า ค่าเฉลี่ยของคะแนนทดสอบหลังเรียนเท่ากับ 16.17 และคะแนนจากการทดสอบหลังเรียนเท่ากับ 25.17 แสดงว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา รหัสวิชา ส 33101 สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ เรื่อง ความเป็นมาของชาติไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้บทเรียนโปรแกรมประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. บทเรียนโปรแกรมประกอบแผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง ความเป็นมาของชาติไทย จำนวน 10 เล่ม จากการดำเนินการพบว่า บทเรียนโปรแกรม รวมทั้ง 10 เรื่องมีประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) และผลลัพธ์ (E2) เท่ากับ 92.70/ 83.90 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 และค่าดัชนีประสิทธิผล EI เท่ากับ 0.65 สรุปได้ว่า แผนการจัดการเรียนรู้และบทเรียนโปรแกรมที่ผู้ศึกษาค้นคว้าได้พัฒนาขึ้น นับเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่มีประสิทธิภาพเหมาะสม สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนให้มีคุณภาพได้ดี
3.นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนโปรแกรมประกอบแผนการจัดการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยรวม 4.60 อยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด