ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

งานวิจัยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การบริหารจิต ชั้น ม.3 (บทที่ 5)


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,157 ครั้ง
Advertisement

งานวิจัยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การบริหารจิต ชั้น ม.3 (บทที่ 5)

Advertisement

 

บทที่  5

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ

 

สรุปผลการวิจัย

        การศึกษาในครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนาเพื่อพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  เรื่อง           การบริหารจิต   สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  โดยมีรายละเอียดลำดับดังนี้

 

        1.   วัตถุประสงค์ของการวิจัย

              1.1   เพื่อการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  เรื่อง  การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  รายวิชา    33102  พระพุทธศาสนา  ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน  90/90

              1.2   เพื่อศึกษาผลการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  เรื่อง  การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  รายวิชา    33102  พระพุทธศาสนา  ให้มีคะแนนสูงเกินเกณฑ์ที่กำหนด  ร้อยละ  85

              1.3   เพื่อการประเมินผลการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง  การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  รายวิชา    33102  พระพุทธศาสนา  

 

       2.   ความสำคัญของการวิจัย    

              2.1  ได้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง  การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับ                  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  รายวิชา    33102  พระพุทธศาสนา   เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน

              2.2   เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสำหรับเนื้อหาอื่นๆ ต่อไป

              2.3   เจตคติของนักเรียนต่อการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  เรื่อง  การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  รายวิชา    33102  พระพุทธศาสนา

 

       3.   ขอบเขตของการวิจัย

             การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา  (Research   and   Development)   ได้ดำเนินการดังนี้

                 3.1   ประชากร / กลุ่มเป้าหมาย

                          ประชากรที่ผู้วิจัยใช้ในการศึกษาครั้งนี้   เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3

                                                  กลุ่มเป้าหมายได้มาจากการสุ่มแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling)  จากประชากรที่มีผลสัมฤทธิ์โดยใช้เกณฑ์เกรดเฉลี่ยดังนี้  ผลการเรียนต่ำกว่า  2.50  คือ  กลุ่มอ่อน  ผลการเรียน          อยู่ระหว่าง  2.50  -  3.00  คือ  กลุ่มปานกลาง  และผลการเรียนสูงกว่า  3.00  คือ  กลุ่มเก่ง  กลุ่มเป้าหมายต้องทำการวิจัยมีจำนวน  50  คน  และแบ่งเป็น 3 กุล่ม  คือกลุ่มเป้าหมายที่ 1 จำนวน 3 คน กลุ่มเป้าหมายที่  2  จำนวน  12  คน  และกลุ่มเป้าหมายที่  3  (กลุ่มทดลองภาคสนาม)  จำนวน 50  คน  เพื่อการใช้นวัตกรรม

                 3.2   เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

                          3.2.1   แบบทดสอบก่อนเรียน หลังเรียน เรื่อง  การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับ    ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  รายวิชา    33102  พระพุทธศาสนา  เป็นแบบเลือกตอบ  4  ตัวเลือก  จำนวน  12  ข้อ  โดยมีค่าความยากง่าย  (P)  ตั้งแต่  0.38  -  0.76  โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ  0.52  เป็นข้อสอบที่ง่ายพอเหมาะ  และมีค่าอำนาจจำแนก  (r)  ตั้งแต่   0.24  -  0.64  โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ  0.36 เป็นข้อสอบที่มีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดี  รุจิร์   ภู่ภาระ และคณะ.  2526  : 120  -  121       

                          3.2.2   บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  ผู้วิจัยได้พัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบการสอนเนื้อหา  (Tutorial  Instruction)  โดยมีกรอบโครงสร้างของโปรแกรม  Adobe  Flash  จำนวน........  .....กรอบ  ผู้เรียนจะใช้เวลาในการศึกษา  โดยเฉลี่ย  2  คาบ เมื่อเรียนแล้วนำไปฝึกปฏิบัติๆ  แต่ละครั้งแล้วบันทึกลงในใบงานเป็นเวลา  2  สัปดาห์  หลังจากนั้นนำมาส่งครูเพื่อประเมินผลการปฏิบัติ   โดยบทเรียนคอมพิวเตอร์  ช่วยสอนที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด  คือ  90/90 

                           3.2.3   แบบประเมินสื่อการสอนของผู้เชี่ยวชาญ  ด้านเนื้อหาได้ค่าประเมินเฉลี่ย  4.85  ด้านเทคนิคการผลิตสื่อได้ค่าประเมินเฉลี่ย  4.86  แสดงว่าผลการประเมินของผู้เชี่ยวชาญทั้ง  2  ด้าน     อยู่ในระดับดีมาก  ผู้วิจัยกำหนดให้มีค่าเฉลี่ยตั้งแต่  3.5  ขึ้นไป

                           3.2.4   แบบวัดเจตคติต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  เรื่อง  การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  รายวิชา    33102  พระพุทธศาสนา  เป็นรายการแสดงความคิดเห็น  ใช้แบบของลิเคิร์ท (Likert’s Scale) ประกอบด้วยข้อคำถามที่แสดงเจตคติหรือความรู้สึก        ต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดในทางบวกและทางลบ  ในแบบวัดจะต้องประกอบไปด้วยทั้งข้อคำถามทางบวกและทางลบในจำนวนพอๆ   กัน  ระดับเจตคตินิยมแบ่งออกเป็น  5  ระดับ  (Scale)   คือ  เห็นด้วยอย่างยิ่ง   เห็นด้วยอย่างมาก  เห็นด้วยปานกลาง   เห็นด้วยน้อย  และเห็นด้วยน้อยที่สุด  ถ้าเป็นข้อทางบวกจะมีคะแนน   5  4  3  2  1  แต่ถ้าเป็นข้อความทางลบจะมีคะแนน  1  2  3  4   5

                 3.3   ตัวแปรที่ศึกษา

                         3.3.1   ตัวแปรอิสระ (Dependent  Variable)  ได้แก่  บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  เรื่อง  การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  รายวิชา    33102  พระพุทธศาสนา                                           

                         3.3.2   ตัวแปรตาม (Independent  Variable)  ได้แก่

                                    1.)   ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน  เรื่อง   การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3

                                    2.)  เจตคติของนักเรียนต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง  การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  รายวิชา    33102  พระพุทธศาสนา  

 

       4.   ดำเนินการทดลอง

             4.1   ผู้วิจัยทำการตรวจสอบความเรียบร้อยของห้องเรียนที่ใช้ในการทดลองและติดตั้งบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง  การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  รายวิชา             33102  พระพุทธศาสนา  ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ครบจำนวนกลุ่มเป้าหมาย

             4.2   ผู้วิจัยแนะนำนักเรียนในการใช้คู่มือแนะนำการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  เรื่อง  การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  รายวิชา            33102  พระพุทธศาสนา 

             4.3   นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน  แล้วบันทึกคะแนนเพื่อหาค่าเฉลี่ยก่อนเรียน (T1)

             4.4   นักเรียนศึกษาเนื้อหาจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (X)  แล้วทำแบบฝึกหัด ตรวจคำตอบ  ครูจดบันทึกคะแนนเพื่อหาค่า  E1

              4.5   หลังจากจบบทเรียนให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน (T2)  ทันที  แล้วบันทึกคะแนน เพื่อหาค่า  E2

              4.6  วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน จากคะแนนที่ได้จาก         การทำแบบฝึกหัด  (E1)   และคะแนนที่ได้จากแบบทดสอบหลังเรียน (E2)  ของกลุ่มเป้าหมาย           นำไปเปรียบเทียบว่าถึงเกณฑ์มาตรฐาน 90 : 90   ที่ตั้งไว้หรือไม่ หากยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ตั้งไว้ต้องปรับปรุงบทเรียนใหม่

              4.7   กลุ่มเป้าหมายที่  2  กลุ่มทดลองกลุ่มย่อย  เรียนบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เพื่อเปรียบเทียบว่าถึงเกณฑ์มาตรฐาน  90 : 90   ที่ตั้งไว้หรือไม่  หากยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ตั้งไว้ต้องปรับปรุงบทเรียนอีก

               4.8   กลุ่มเป้าหมายที่ 3  เป็นกลุ่มทดลองภาคสนามที่ใช้นวัตกรรมบทเรียนคอมพิวเตอร์        ช่วยสอน  เพื่อเปรียบเทียบว่าถึงเกณฑ์มาตรฐาน  90 : 90  ที่ตั้งไว้

               4.9  วิเคราะห์หาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน  โดยการทดสอบหาค่าสถิติที  (t  -  test dependent)  ระหว่างคะแนนทดสอบก่อนเรียนและคะแนนทดสอบหลังเรียน  พบว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์       ทางการเรียนที่สูงขึ้น

        5.   สรุปผลการวิจัย

              จากการสอนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  ได้ผลการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์        ช่วยสอน   การหาประสิทธิภาพ   ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน  และการวัดเจตคติของนักเรียนต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

               5.1   ผลการพัฒนาและหาประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน

                       บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่พัฒนาขึ้นเป็นสื่อการเรียนการสอน  เรื่อง  การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3  รายวิชา   33102  พระพุทธศาสนา โดยมีกรอบโครงสร้างของโปรแกรม Adobe  Flash  จำนวน  ........... กรอบ  ใช้เวลาศึกษาเฉลี่ย  2  คาบ  เมื่อเรียนแล้วนำไปฝึกปฏิบัติๆ  แต่ละครั้งแล้วบันทึกลงในใบงานเป็นเวลา  2  สัปดาห์  หลังจากนั้นนำมาส่งครูเพื่อประเมินผลการปฏิบัติ   การทดสอบภาคสนามได้ค่าประสิทธิภาพ  E1  =  90.67  :  E2  =  95.50  ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ  90 : 90  ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐาน

                5.2   ผลการประเมินสื่อการสอน บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง  การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  รายวิชา    33102  พระพุทธศาสนา  ทั้งด้านเนื้อหา และด้านเทคนิคการผลิตสื่อ  มีค่าเฉลี่ยรวมทั้งหมดอยู่ในระดับ ดีมาก  คือ  มีค่าเฉลี่ย = 4.5 และ4.86                    ตามลำดับ  อยู่ในเกณฑ์ระดับดีมาก  ผู้วิจัยกำหนดให้มีค่าเฉลี่ยตั้งแต่  3.5  ขึ้นไป   ประสิทธิภาพ         ของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้  คือ  90 : 90  โดยผลการทดลองกับกลุ่มเป้าหมาย   กลุ่มทดลองภาคสนาม  จำนวน  50  คน  ได้ค่าเกณฑ์ประสิทธิภาพของกระบวนการและประสิทธิภาพของผลลัพธ์มีค่าเท่ากับ    90.67  :  95.50  ซึ่งมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด

                 5.3   ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  เรื่อง  การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  รายวิชา    33102  พระพุทธศาสนา  ผลการวิจัยพบว่า  แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ  0.05  โดยคะแนนทดสอบหลังเรียนเฉลี่ย (T2 =   11.46)   สูงกว่าคะแนนทดสอบก่อนเรียนเฉลี่ย  (T1  =   6.12)  ค่าสถิติที  (t  -  test  dependent)   = 21.64

                 5.4   ผลการวัดเจตคติต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  เรื่อง  การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  รายวิชา    33102  พระพุทธศาสนา  เป็นรายการแสดงความคิดเห็น       และเมื่อพิจารณาเรียงลำดับเจตคติต่อการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  พบว่า   ทางบวก       ในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับเห็นด้วยอย่างยิ่งทุกข้อ  ( X-  =   4.72)    ทางลบในภาพรวมมีค่าเฉลี่ย    อยู่ในระดับเห็นด้วยน้อยที่สุดเกือบทุกข้อ  (X-   =  4.58) 

 

อภิปรายผลการวิจัย

          จากการสังเกตของผู้วิจัยในการทดลองใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  พบว่าผู้เรียนได้รับความรู้ตามขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง   ทุกคนมีความสนใจที่จะศึกษาเนื้อหาของการเรียนและมีความตั้งใจ  ในการทำแบบทดสอบหลังเรียนเป็นอย่างดี   และจากการสอบถามผู้เรียนส่วนใหญ่ให้ความคิดเห็นว่าเป็นรูปแบบการเรียนที่ดี  สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง   เนื้อหาแต่ละกรอบให้ความรู้ได้ดีมาก  จำนวนข้อทดสอบมีความเหมาะสม  แบบฝึกหัดมีความเหมาะสม  บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีความเหมาะสมกับระดับการศึกษาของผู้เรียน  มีความต้องการให้สร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในหัวข้อวิชาอื่นๆ   อีก  เพื่อที่จะสามารถศึกษาด้วยตนเองได้ดีมาก

 

          1.   ผลการหาประสิทธิภาพบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน

                 จากการวิจัยพบว่าบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  เรื่อง  การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  รายวิชา    33102  พระพุทธศาสนา  ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้  คือ  90 : 90 โดยผลจากการทดลองภาคสนามกับนักเรียนจำนวน  50  คน  ได้ค่าเกณฑ์ประสิทธิภาพของกระบวนการและประสิทธิภาพของผลลัพธ์มีค่าเท่ากับ  90.67 : 95.50                         ซึ่งมีประสิทธิภาพตามที่กำหนด  ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่สร้างขึ้นก่อน       ที่จะนำไปทดลองใช้ได้มีการเตรียมการและออกแบบ   พร้อมทั้งได้พิจารณาเนื้อหาอย่างเหมาะสมกับวุฒิภาวะของผู้เรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3   ดังนั้น  จึงทำให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาได้เป็นอย่างดี  และยังมีการสร้างแรงจูงใจนักเรียนในการเรียนบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  เรื่อง   การบริหารจิต  เนื่องจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้สร้างขึ้นด้วยเทคนิคการผลิตสื่อที่ประกอบด้วยตัวอักษร       การเคลื่อนไหว  รวมทั้งสียงทำให้ผู้เรียนสนุกกับการเรียน  เมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยของแบบฝึกหัดระหว่างเรียนมีค่า  90.67  สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด  เนื่องจากการทำแบบฝึกหัดระหว่างเรียน  ผู้เรียนทำทีละตอนของเนื้อหา  จึงทำให้ผู้เรียนจำเนื้อหาบทเรียนได้ง่ายขึ้นสามารถเปิดหน้าเนื้อหาบทเรียน  ทบทวนได้จนกว่าจะเข้าใจ  จึงทำให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น  ส่วนค่าเฉลี่ยของแบบทดสอบมีค่า  95.50   ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด  และมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยของแบบฝึกหัด  เนื่องจากเนื้อหาสาระของบทเรียนเมื่อนักเรียนเรียนแล้ว  สามารถเกิดความรู้ความเข้าใจตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง   ทำให้ประสิทธิภาพในการทำแบบทดสอบหลังเรียนของนักเรียนสูงขึ้น  ซึ่งค่าประสิทธิภาพของบทเรียนมีความสอดคล้องกับงานวิจัยของ   อัญชลี  อติแพทย์.  2535  :  15   กล่าวว่า  คอมพิวเตอร์ช่วยสอนสามารถโต้ตอบกับผู้เรียน  และแสดงผลการเรียนได้ทันที  ทำให้ผู้เรียนเกิดแรงจูงใจในการเรียน  รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ  ท้าทายให้เกิดการเรียนรู้  และ  ยืน   ภู่วรวรรณ.  2529  : 7  ได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่า  ไมโครคอมพิวเตอร์ให้ข้อดีกว่าสื่อการสอนแบบอื่น  คือ  สามารถโต้ตอบและแสดงผลลัพธ์บางสิ่งให้กับผู้เรียนดูได้  ทำให้ผู้เรียนรู้สึกตื่นเต้น  เร้าใจ  อยากรู้

                จากการศึกษาผลการประเมินคุณภาพสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  ทั้งด้านเนื้อหาและด้านเทคนิคการผลิตสื่อของผู้ทรงคุณวุฒิ  แสดงว่าบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  ดังกล่าวมีคุณภาพ       อยู่ในเกณฑ์ดีมาก  และประหยัดเวลาในการเตรียมการสอนซึ่งสอดคล้องกับ  กฤษมันต์  วัฒนาณรงค์.  2536  :  138  ได้กล่าวว่า  บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  มีวิธีการสร้างด้วยเจตนาจะช่วยสอน  ถ้าผู้สอนมีภาระงานสอนมากๆ   การเตรียมการสอนที่ซับซ้อนจะไม่สะดวกกับผู้สอนอย่างยิ่ง  ความเหนื่อยล้า    จะทำให้การสอนแต่ละกลุ่มในเนื้อหาเดียวกันมีประสิทธิภาพไม่เท่าเทียมกัน  บทเรียนคอมพิวเตอร์       ช่วยสอน  จะสามารถนำมาช่วยทดแทนผู้สอน ในเนื้อหาและเทคนิควิธีการสอนที่ซ้ำๆ  กันได้เป็นอย่างดี

 

          2.   ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  เรื่อง  การบริหารจิต  สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  รายวิชา    33102  พระพุทธศาสนา  ผลการวิจัยพบว่า  แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05  โดยคะแนนทดสอบหลังเรียนเฉลี่ย

🖼สำหรับคุณครูไว้ใส่เกียรติบัตรสวยและถูก🖼 กรอบป้ายอะคริลิคตั้งโต๊ะ A4 แนวนอน 30x21.5 cm อะคริลิคใส 1 หน้า ทรง L (A4L1P) ในราคา ฿129 คลิกเลย👇👇

https://s.shopee.co.th/1qLFIZVf4t?share_channel_code=6


งานวิจัยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การบริหารจิต ชั้น ม.3 (บทที่ 5)งานวิจัยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเรื่องการบริหารจิตชั้นม.3(บทที่5)

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

คนไม่กิน ...

คนไม่กิน ...


เปิดอ่าน 7,159 ครั้ง
วันบูรพาจารย์

วันบูรพาจารย์


เปิดอ่าน 7,157 ครั้ง
ฟังเพลง...คลายร้อน...

ฟังเพลง...คลายร้อน...


เปิดอ่าน 7,165 ครั้ง
แบบประมินการวาดภาพ

แบบประมินการวาดภาพ


เปิดอ่าน 7,457 ครั้ง
เขียนซีดีให้ได้ Over ถึง 850MB

เขียนซีดีให้ได้ Over ถึง 850MB


เปิดอ่าน 7,168 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

ปฏิทินช่อง 3 ปี 2553

ปฏิทินช่อง 3 ปี 2553

เปิดอ่าน 7,200 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
โอ้..น่ากินจัง!
โอ้..น่ากินจัง!
เปิดอ่าน 7,176 ☕ คลิกอ่านเลย

การระเหย (Evaporation) การควบแน่น (condensation) คืออะไร
การระเหย (Evaporation) การควบแน่น (condensation) คืออะไร
เปิดอ่าน 7,181 ☕ คลิกอ่านเลย

เกลือสินเธาว์ ......เป็นยารักษาโรค
เกลือสินเธาว์ ......เป็นยารักษาโรค
เปิดอ่าน 7,189 ☕ คลิกอ่านเลย

ความสุขที่มองไม่เห็น.........
ความสุขที่มองไม่เห็น.........
เปิดอ่าน 7,155 ☕ คลิกอ่านเลย

แฟชั่น.....แว่นกันแดดสวยๆ
แฟชั่น.....แว่นกันแดดสวยๆ
เปิดอ่าน 7,176 ☕ คลิกอ่านเลย

วิธีเลิกสูบบหรี่ด้วยตัวเอง
วิธีเลิกสูบบหรี่ด้วยตัวเอง
เปิดอ่าน 7,151 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

นวัตกรรมใหม่น่าสนใจของ Power Bank ในรูปแบบเข็มขัด แปลกแค่ไหน
นวัตกรรมใหม่น่าสนใจของ Power Bank ในรูปแบบเข็มขัด แปลกแค่ไหน
เปิดอ่าน 1,119 ครั้ง

ถอด 3 กลยุทธ์สร้างห้องเรียนออนไลน์ให้ ถูกใจผู้สอน โดนใจคนเรียน
ถอด 3 กลยุทธ์สร้างห้องเรียนออนไลน์ให้ ถูกใจผู้สอน โดนใจคนเรียน
เปิดอ่าน 8,125 ครั้ง

O-net ย่ำแย่ แก้ที่ใคร คลิปแนะครูไทย เปลี่ยนวิธีสอนเด็กแบบ ท่อง-จำ
O-net ย่ำแย่ แก้ที่ใคร คลิปแนะครูไทย เปลี่ยนวิธีสอนเด็กแบบ ท่อง-จำ
เปิดอ่าน 13,042 ครั้ง

Meritocracy กับการศึกษาสิงคโปร์  มูลค่าของความสามารถ
Meritocracy กับการศึกษาสิงคโปร์ มูลค่าของความสามารถ
เปิดอ่าน 10,263 ครั้ง

เตรียมตัวก่อนไปทะเล
เตรียมตัวก่อนไปทะเล
เปิดอ่าน 8,952 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ