ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ปัญหาระดับโลก
องค์การอนามัยโลก ให้ข้อมูลว่า ในทุกปีปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ เป็นสาเหตุนำไปสู่การทำแท้งที่ไม่ปลอดภัยของผู้หญิงอย่างน้อยจำนวน 20 ล้านคน ซึ่งกว่า 100,000 คนต้องเสียชีวิตลง
ในที่สุดเพราะเกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงอีกจำนวนนับล้านต้องประสบปัญหาเรื้อรังทางสุขภาพอันเนื่องมาจากการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัยด้วย
เฉพาะในประเทศไทย ผลการสำรวจหลายครั้งระบุว่า ในจำนวนผู้หญิงที่สมรสแล้วและตั้งครรภ์เป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ถึง 1 ใน 3 ของจำนวนทั้งหมด ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพิจารณาว่านี่เป็นการสำรวจเฉพาะผู้ที่สมรสแล้วเท่านั้นยังไม่รวมผู้หญิงอีกจำนวนมากที่ตั้งครรภ์โดยที่ไม่ได้สมรส ซึ่งมีผู้ที่ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์เป็นจำนวนมากที่ตัดสินใจยุติ
การตั้งครรภ์ของตนเอง
การคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน สามารถช่วยลดอัตราการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ซึ่งส่งผลให้การ
ทำแท้งมีจำนวนลดลงด้วยและนั่นหมายถึงชีวิตของผู้หญิง จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่ไม่ต้องสูญเสียไปเพราะการทำแท้งที่ไม่ถูกหลักการแพทย์และชีวิตของเด็กจำนวนมากที่ไม่ต้องเกิดมาโดยที่ครอบครัว
ไม่พร้อมจะเลี้ยงดู
การคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินคืออะไร?
การคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินก็คือ วิธีการคุมกำเนิดที่ใช้ภายหลังการมีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกัน
การตั้งครรภ์เฉพาะกรณีฉุกเฉินจริงๆ การคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน จะใช้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะในกรณีที่
คุณ "พลาด" และ เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ โดยไม่ต้องการเท่านั้น มันไม่ใช่การคุมกำเนิด ตามปกติ และ
ไม่ใช่วิธีที่จะนำมาใช้ในการวางแผนครอบครัวด้วย เรามักเรียกยาเม็ด ที่ใช้เพื่อการคุมกำเนิดฉุกเฉินนี้ว่า
"ยาคุมหลังร่วมเพศ" หรือ "ยาคุมชั่วคราว" หรือ "morning after" ซึ่งเป็นชื่อเรียกที่สร้างความเข้าใจผิดและนำไปสู่การใช้ยาคุมฉุกเฉินผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งอาจมีผลต่อร่างกายของผู้หญิงในระยะยาว เพราะ ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่การคุมกำเนิดแบบธรรมดาที่เราคุ้นเคยกันอย่างเช่นยาคุม 21 เม็ด หรือยาคุม 28 เม็ด แต่ยาคุมฉุกเฉินเป็นยาที่ผลิตขึ้นมา โดยมีสูตรเฉพาะเพื่อให้ผู้หญิงใช้ในช่วงที่เกิดปัญหาและไม่ต้องการตั้งครรภ์เท่านั้น หากเรานำยาคุมฉุกเฉินมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิด แบบธรรมดา มันจะกลายเป็นวิธีคุมกำเนิด ที่มีประสิทธิภาพต่ำไปในทันทีนั่นหมายความว่า หากคุณมีเพศสัมพันธ์อยู่เป็นประจำและใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อยๆเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ คุณจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์มากขึ้นเมื่อเทียบกับถ้าคุณใช้วิธีคุมกำเนิดแบบธรรมดาวิธีอื่นๆ การคุมกำเนิดฉุกเฉินมิได้เพียงการกินยาเท่านั้น แต่ยังสามารถทำได้ โดยการใส่"ห่วงอนามัย" หรือที่เรียกว่า IUD (ไอยูดี) ซึ่งวิธีนี้ต้องอาศัยแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ผ่านการอบรมเป็นผู้ใส่ให้เป็นวิธีที่ไม่สะดวกจึงไม่เป็นที่นิยมใช้
การกินยาคุมฉุกเฉินล่วงหน้าก่อนมีเพศสัมพันธ์
จะไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เลย
|
ยาคุมฉุกเฉินคืออะไร ?
เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่ผู้หญิงทั่วโลกใช้ยาคุมฉุกเฉินในการป้องกันการตั้งครรภ์หลังจาก
มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน (unprotected sex) องค์การอนามัยโลกให้การรับรองว่าการกินยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกัน การตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์ในระดับหนึ่ง ยาคุมฉุกเฉินมีส่วนผสมเช่นเดียวกับยาคุมธรรมดา แต่มีปริมาณฮอร์โมน
ต่อเม็ดสูงกว่าและต้องกินหลังจากมีเพศสัมพันธ์ภายในเวลาที่กำหนดเท่านั้น จึงจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ ในขณะที่ยาคุมธรรมดาต้องกินวันละ 1 เม็ด ทุกๆ วัน (กรณีแผงละ 28 เม็ด) และมีปริมาณฮอร์โมนต่อเม็ดน้อยกว่า
ยาคุมฉุกเฉินมี 2 แบบ
ยาคุมฉุกเฉินฮอร์โมนผสม ซึ่งประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสตินผสมกัน(Combined Pill Regimens : Yuzpe Method) ปริมาณยาที่กินแต่ละครั้งต้องมีฮอรฺโมนเอธิลเอสตราดิออล(ethinyl estradiol) อย่างน้อย 0.1 มิลลิกรัม รวมกับฮอร์โมนเลวอนอร์เจสเตรล(levonorgestrel) อย่างน้อย 0.5 มิลลิกรัม
ยาคุมฉุกเฉินฮอร์โมนเดี่ยว ซึ่งมีฮอร์โมนโปรเจสตินเพียงอย่างเดียว(Progestin-Only Pill Regimens) ปริมาณยาที่กินแต่ละครั้ง ต้องมีฮอร์โมนเลวอนอร์เจสเตรล(levonorgestrel) อย่างน้อย
0.75 มิลลิกรัม
ใครควรกินยาคุมฉุกเฉิน ?
ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาคุมธรรมดาซึ่งที่ต้องกินเป็นประจำทุกวัน หากแต่ยาคุมฉุกเฉินมีปริมาณ
ฮอร์โมนสุงกว่าเพราะผลิตขึ้นมาเพื่อ แก้ปัญหาให้แก่ผู้หญิงที่ไม่ต้องการตั้งครรภ์ ในกรณีต่อไปนี้เท่านั้น
1. มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้วิธีคุมกำเนิดใดๆ
2. ใช้ถุงยางแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่ารั่ว/แตก/หลุดหรือไม่
3. กินยาคุมชนิดธรรมดาอยู่ แต่ลืมเกินไป วันสองวันหรือนานกว่านั้น
4. ใส่ห่วงคุมกำเนิดแล้ว แต่มันหลุด
5. นับระยะปลอดภัย (หน้าเจ็ดหลังเจ็ด) ผิดพลาด
6. ถูกข่มขืน, มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ตั้งใจ ไม่เต็มใจ
ในภาวะฉุกเฉินที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ การกินยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกวิธี หลังจากมีเพศสัมพันธ์
จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 75 % แต่ถ้า คุณมีเพศสัมพันธ์อยู่เป็นประจำ หรือ
มีเป็นระยะๆ คุณควรจะใช้วิธีคุมกำเนิดแบบธรรมดา ซึ่งจะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีกว่า
การกินยาคุมฉุกเฉิน
ยาคุมฉุกเฉินที่ขายในบ้านเราขณะนี้มีอยู่ 2 ยี่ห้อ คือ
1. โพสตนอร์ (Postinor)
2. มาดอนนา(Madonna)
ซึ่งทั้งสองยี่ห้อต่างก็เป็นยาคุมฉุกเฉินฮอร์โมนเดี่ยว
|
วิธีการกินยา
ตามข้อมูลทางวิชาการ การกินยาคุมฉุกเฉินทั้งแบบฮอร์โมนผสม และแบบที่มีฮอร์โมนเดี่ยว
มีวิธีการกินเหมือนกันคือ ต้องกิน 2 ครั้ง
ครั้งแรก ภายในเวลา 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์
ครั้งที่สอง กินหลังจากที่กินครั้งแรกไปแล้ว 12 ชั่วโมง
หมายความว่า ถ้ามีเพศสัมพันธ์ตอนสองทุ่ม และกินยาเม็ดแรกตอน 5 ทุ่ม จะต้องกินยาเม็ดที่สอง ตอน
11 โมงเช้าซึ่งก็คือ 12 ชั่วโมงถัดมานั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังมีการศึกษาวิจัยว่า จำเป็นต้องกินยาเม็ดที่สองหรือไม่เพราะถ้าประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีที่กินเม็ดเดียว กับกรณีที่กินยาสองเม็ดนั้นไม่แตกต่างกัน
การกินแค่เม็ดเดียว น่าจะช่วยลดอาการข้างเคียงของยาลงได้แต่ยังไม่สามารถยืนยันผลใดๆเนื่องจากการศึกษาวิจัยนี้ยังไม่เสร็จสิ้น
ยาคุมธรรมดาก็สามารถใช้เป็นยาคุมฉุกเฉินได้
ยาคุมแบบธรรมดาว่าจะเป็นแผง 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ที่มีชนิดและปริมาณของฮอร์โมนตรงตามสูตรของยาคุมฉุกเฉินสามารถนำมาใช้กินเป็นยาคุมในเวลาฉุกเฉินได้ ตารางที่แสดงในหน้าต่อไป
จะบอกให้รู้ว่ามียาคุมที่ขายในประเทศไทยยี่ห้อใดบ้างที่สามารถนำมาใช้ในกรณีฉุกเฉินได้ ข้อควรระวังในการกินยาแต่ละยี่ห้อก็คือ การกินแต่ละครั้งจะมีจำนวนเม็ดยา ที่ต้องกินมากน้อยต่างกันไปตามปริมาณของฮอร์โมนที่มีอยู่ในตัวยาแต่ละยี่ห้อและในการกินแต่ละครั้งจะต้องกินยี่ห้อเดียวกันเท่านั้น
การกินยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อโพสตินอร์(Postinor) หรือ มาดอนนา (Madonna)
ก็ให้ใช้วิธีนี้เช่นกันคือ กินเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน แล้วกินเม็ดที่สองในอีก 12 ชั่วโมงถัดมา
|
ตารางแสดงชื่อของยาคุมธรรมดาที่มีขายตามร้านขายยาทั่วไป(1)
และสามารถนำมาใช้ป้องกันการตั้งครรภ์ในภาวะฉุกเฉินได้
ชื่อยี่ห้อ
|
จำนวนเม็ดที่ต้องกิน
ครั้งที่ 1
|
จำนวนเม็ดที่ต้องกิน
ครั้งที่ 2
|
ปริมาณฮอร์โมนที่ได้รับ
เมื่อเทียบกับสูตรยาคุมฉุกเฉิน (2)
|
Engynon
|
2
|
2
|
พอดี
|
Exlution
|
1 ?
|
1?
|
พอดี
|
Nordette
|
3
|
3
|
ขาดเล็กน้อย
|
Microgynon
|
3
|
3
|
ขาดเล็กน้อย
|
Microgest
|
3
|
3
|
ขาดเล็กน้อย
|
Anna
|
3
|
3
|
ขาดเล็กน้อย
|
Marvelon
|
3
|
3
|
ขาดเล็กน้อย
|
Trinordiol
|
4 (เม็ดสีเหลือง)
|
4 (เม็ดสีเหลือง)
|
เกินเล็กน้อย
|
(1) ข้อมูลเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2542
(2) แม้ว่าปริมาณฮอร์โมนจะขาดหรือเกินเล็กน้อย แต่อนุโลมให้ใช้ป้องกันการตั้งครรภ์ไนภาวะ
ฉุกเฉินได้ถ้าไม่สามารถหายี่ห้ออื่นได้ทัน ยาคุมฉุกเฉินเท่าที่พบตามร้านขายยาทั่วไปมี 2 ยี่ห้อคือ
โพสตินอร์ (Postinor)หรือ (Madonna) ซึ่งเป็นชนิดฮอร์โมนเดี่ยว มีปริมาณฮอร์โมนต่อเม็ด 0.75 มิลลิกรัมวิธีการกินยาที่เขียนไว้ในใบกำกับยาของทั้งสองยี่ห้อนี้แนะนำให้ผู้ใช้กินยา1 เม็ด ภายใน 1 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตามข้อมูลจากงานวิจัยในหลายประเทศทั่วโลกบ่งชี้ว่ายาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนเดี่ยวจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้85% ถ้ากินยา 2 ครั้ง แต่ละครั้งต้องมีปริมาณฮอร์โมน
0.75 มิลลิกรัม โดยกินตั้งที่1 ไปแล้วอีก 12 ชั่วโมงต่อมาให้กินครั้งที่ 2 ตามไปทันที
อาการข้างเคียง
จากการศึกษาวิจัยพบว่า หลังจากกินยาคุมฉุกเฉินเข้าไปแล้ว ผู้หญิง 1 ใน 2 คนจะมีอาการคลื่นไส้และผู้หญิง1 ใน 5 คนอาเจียน หากกินยาพร้อมกับกินอาหารตามเข้าไปด้วยก็จะช่วยลดอาการคลื่นไส้
ลงได้บ้างแต่ถ้าอาเจียนในช่วง 2 ชั่วโมงแรกหลังจากการกินยาเม็ดแรก ก็อาจจะต้องกินเม็ดแรกซ้ำอีกครั้ง
หลังการกินยานี้แล้ว ประจำเดือนควรจะมาภายใน 2 – 3 สัปดาห์ แต่ถ้าประจำเดือน ไม่มาภายในเวลาดังกล่าวและมีอาการต่อไปนี้คือ
1. ปวดท้อง
2. เจ็บหน้าอก ไอ หรือหายใจขัด
3. ปวดหัวมาก วิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย มึนงง
4. มองเห็นไม่ชัด
5. ปวดน่องหรือโคนขาอย่างหนัก
6. ให้รีบไปพบแพทย์ทันทีเพราะอาจเป็นการบ่งชี้ถึงการตั้งครรภ์ หรืออาการแทรกซ้อน ที่จำเป็นต้องให้แพทย์วินิจฉัย
ยาคุมฉุกเฉินป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างไร?
การออกฤทธิ์ของยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินนั้นมีลักษณะเดียวกัน กับยาเม็ดคุมกำเนิด
แบบธรรมดา จากการศึกษาเชิงสถิติ พบว่า ยาคุมฉุกเฉิน มีการทำงานหลายอย่างพร้อมๆ กัน เช่นขัดขวางการตกไข่, ทำให้การตกไข่ช้าลงกว่าเดิม ขัดขวางการปฏิสนธิโดยสร้างเมือกขึ้นในท่อนำไข่ทำให้อสุจิและไข่เคลื่อนที่เข้าหากันลำบากขึ้น ขัดขวางการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว เป็นต้น กลไกการทำงานหลายทางนี้ทำให้ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพ ในการป้องกันการตั้งครรภ์ ค่อนข้างสูง ถ้าใช้เฉพาะ
กรณีฉุกเฉินจริงๆ เท่านั้น
ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์
การกินยาคุมฉุกเฉินจะต้องกินหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้มีป้องกันการตั้งครรภ์นั่นคือ
เพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้วิธีคุมกำเนิดใดๆ เลย หรือใช้แล้วแต่ไม่ได้ผลหรือไม่แน่ใจ รวมทั้งในกรณี ที่ถูกบังคับหรือล่อลวงให้มีเพศสัมพันธ์ หรือกรณีที่ถูกข่มขืน หากกินยาอย่างถูกต้อง คือ กินยาครั้งแรกภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันและอีก 12 ชั่วโมงถัดมา ก็กินครั้งที่สอง
ยานี้มีประสิทธิภาพใน การลดโอกาสตั้งครรภ์ได้ 75 เปอร์เซ็นต์
องค์การอนามัยโลกได้ทำการศึกษาและพบว่า ยาคุมฉุกเฉินแบบที่มี ฮอร์โมนโปรเจสติน
ชนิดเดียวหรือที่เรียกว่ายาคุมฉุกเฉินฮอร์โมนเดี่ยวนั้นมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์มากกว่ายาคุมฉุกเฉินฮอร์โมนผสมโดยการสามารถลดโอกาสการตั้งครรภ์ลงได้85% และยังก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียนน้อยกว่าด้วย
ยาคุมฉุกเฉิน ปลอดภัยหรือเป็นอันตราย?
สถาบันสูตินารีแพทย์ประเทศสหรัฐอเมริกา (American Callege of Obstetrics
andGynecology-ACOG) ได้ทำการศึกษาวิจัยผลกระทบข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น จากการใช้ยาคุมฉุกเฉินพบว่าการใช้ยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกวิธี และใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉินจริงๆ นั้นไม่ก่อให้เกิดผลกระทบข้างเคียงใดๆที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก (World Health Organization)
ยังได้บรรจุยาคุมฉุกเฉินไว้ใยบัญชียาในปี พ.ศ.2539 ด้วย
สำหรับผู้ที่มีประวัติเป็นโรคลมชัก, โรคหัวใจ, โลหิตแข็งตัว หรือโรคที่เกี่ยวเนื่องกับ
เส้นเลือดหัวใจ อาจจะต้องปรึกษาแพทย์เสียก่อน หรืออาจจะใช้ยาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนเดี่ยว
ซึ่งปลอดภัยกว่าชนิดฮอร์โมนผสมอย่างไรก็ตาม ประมาณ 20 ปีที่การผลิตยานี้ขึ้นมาใช้ ยังไม่พบว่า
มีรายงานการเสียชีวิตหรืออาการแทรกซ้อนร้ายแรงที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
การกินยาคุมฉุกเฉินสามารถทำให้เกิดการแท้งได้หรือไม่ ?
ในทางการแพทย์ถือว่าการตั้งครรภ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อไข่ที่ได้รับการผสม มีการฝังตัวที่
มดลูกอย่างสมบูรณ์แล้วซึ่งกระบวนการฝังตัวนี้จะเริ่มต้นหลังจากเกิดการผสมระหว่างไข่กับอสุจิแล้วประมาณ 5 วัน และจะใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์จึงจะฝังตัวเสร็จสมบูรณ์ ตัวยา ในยาคุมฉุกเฉิน
จะไร้ประสิทธิภาพไปในทันทีที่กระบวนการฝังตัวเกิดขึ้น
ดังนั้น จึงไม่สามารถทำให้เกิดการแท้งได้อย่างเด็ดขาด
ถ้ากินยาคุมฉุกเฉินแล้วแต่ยังตั้งครรภ์เด็กในครรภ์จะพิการหรือไม่ ?
ดังนั้น การกินยาคุมฉุกเฉินในกรณีฉุกเฉินจริงๆ (ซึ่งไม่น่าจะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ
ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งๆ ) ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ทารกมีความพิการแต่กำเนิด ไม่ว่าจะเป็นในกรณี ที่ผู้หญิงกินยาโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่ หรือกินยานี้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์แต่ไม่ได้ผลก็ตาม เพราะ
มีการศึกษาพบว่า การกินยาคุมในขณะที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อความพิการของทารกที่จะคลอดออกมา
ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์อยู่เป็นประจำการกินยาคุมแบบธรรมดา
จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีกว่ายาคุมฉุกเฉิน
|
ถุงยางอนามัยกับยาคุมฉุกเฉิน อย่างไหนดีกว่ากัน?
ถุงยางเป็นทางเลือกที่ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์และการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ไปพร้อมๆ กัน ในขณะที่ยาคุมฉุกเฉินเพียงแค่ช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์ เฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
ไม่สามารถป้องกันการติดโรคได้ ถ้าคุณรู้ล่วงหน้าว่าจะมีเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัยย่อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแน่นอนยาคุมฉุกเฉินเป็นเพียงทางออกสำรอง เป็นเพียงทางเลือกสุดท้าย ของการป้องกันการตั้งครรภ์เท่านั้น ยิ่งคุณมีเพศสัมพันธ์ประจำ การใช้ถุงยางจะป้องกันการตั้งครรภ์ ได้ดีกว่า การกินยาคุมฉุกเฉิน แถมยังช่วยป้องกันโรคเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้อีกด้วย
วิธีคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินสามารถลดจำนวนการทำแท้งได้จริงหรือ ?
วิธีคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินจะลดจำนวนการตั้งครรภ์ที่ไม่