รศ.นพ.อภิรักษ์ ช่วงสุวนิช ศัลยแพทย์ตกแต่ง
เช่น ความดันสูง เบาหวาน อัมพาต โรคหลอดเลือดแดงตีบตัน ซึ่งบาดแผลเรื้อรังก็เป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคเหล่านี้ที่พบได้บ่อย
บาดแผลเรื้อรัง คืออะไร? เรามักหมายถึงบาดแผลที่เกิดขึ้นแล้วหายช้ากว่าปกติ โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 8 อาทิตย์ ลักษณะของบาดแผลอาจจะมีได้หลายแบบ คือ
- บาดแผลเรื้อรังชนิดที่ขาดการรับรู้ความรู้สึกที่ผิวหนัง จะมีขอบแผลแข็ง ก้นแผลเป็นเนื้อแดงซีด
- บาดแผลเรื้อรังที่เกิดจากความดันในหลอดเลือดดำสูง บาดแผลกลุ่มนี้จะมีลักษณะขอบแผลไม่นูน แข็ง ก้นแผลเป็นสีแดงซีด ผิวหนังรอบแผลมีลักษณะสีดำคล้ำ
- บาดแผลเรื้อรังที่เกิดจากการขาดเลือด มักจะพบบริเวณปลายมือ เท้า ผิวหนังที่คลุมแผลจะแห้งดำ ถ้าผิวหนังนี้หลุดลอกมาจะมีลักษณะก้นแผลสีซีด ซึ่งอาจจะเป็นไขมันที่แห้งซีด
- บาดแผลเรื้อรังที่มีสาเหตุจากมะเร็ง ลักษณะบาดแผลมักมีขอบนูนขึ้นร่วมกับมีเนื้องอกเกินขอบเขต ของผิวหนังที่อยู่รอบ
- บาดแผลเรื้อรังที่เกิดจากการติดเชื้อเรื้อรังอื่นๆ เช่น วัณโรค เชื้อรา ติดเชื้อที่กระดูก การมีสิ่ง แปลกปลอมค้างอยู่
คนไหนที่มีบาดแผลเรื้อรังเป็นมานานแล้วไม่หาย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและพิจารณาหา แนวทางการรักษา แนวทางที่แพทย์จะใช้รักษาบาดแผลชนิดนี้ แบ่งเป็น 2 ทางใหญ่ๆ คือ
1. รักษาสาเหตุ คือ หาสาเหตุของการเกิด เช่น เป็นเบาหวาน ขาดเลือด หรือติดเชื้อ
2. รักษาบาดแผล คือ ลดการติดเชื้อ และสร้างภาวะที่กระตุ้นให้บาดแผลหายดี
การค้นหาสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลเรื้อรังนี้เป็นเรื่องจำเป็นครับ เพราะถ้ามุ่งแต่จะรักษาบาดแผลอย่างเดียวโดยที่ไม่ตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง ในที่สุดแล้วบาดแผลนั้นอาจจะลุกลามและทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายมากขึ้น จนถึงขั้นอาจเป็นเหตุให้สูญเสียอวัยวะบริเวณนั้นได้ก่อนเวลาอันควร
ดังนั้น ไม่ควรละเลย เพิกเฉยบาดแผลเรื้อรังที่เกิดขึ้น ไม่ว่าบริเวณใดในร่างกายเลยนะครับ
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today