บทความโดย : ชาลี
-
เสียงเพลงชาติดังกึกก้องไปทั่วโรงเรียนแห่งหนึ่ง เด็กน้อยร้องเพลงชาติด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม คุณครูร้องเพลงชาติไปพร้อมกับเด็ก ที่นี่ให้ความสำคัญกับเยาวชนและการศึกษาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะถือว่าการจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีไ้ด้ การจะเป็นผู้นำประเทศที่มีคุณธรรมได้ ต้องเริ่มจากการเป็นเด็กดีมาก่อน
-
การศึกษาที่เพียบพร้อมจะช่วยสร้างชาติให้สงบร่มเย็น โรงเรียนใช้หลักสูตรตามที่คณะครู ผู้ปกครอง และนักเรียนทั้งประเทศร่วมกันนำเสนอ โดยส่งผ่านความเห็นไปยังผู้แทนของแต่ละจังหวัดถึงรัฐบาล และให้บรรจุ“หลักสูตรบูรณาการประชาธิไตยผดุงคุณธรรม”ในทุกสถาบันการศึกษา ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมหาวิทยาลัย
-
-
หลักสูตรนี้ ได้นำหลักศีลธรรม หน้าที่พลเมือง มารวมไว้กับกฎหมาย ซึ่งนำมาจากรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่ประชาชนทั้งชาติร่วมกัน นำเสนอ แสดงความคิดเห็น แล้วกลั่นกรองให้เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากความรักความสามัคคี รัฐธรรมนูญจึงเป็นรัฐธรรมนูญที่ผ่านความเห็นจากทุกคนในชาติ
-
“หลักสูตรบูรณาการประชาธิไตยผดุงคุณธรรม”จึงเป็นการนำรัฐธรรมนูญบรรจุลงในบทเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมหาวิทยาลัย โดยนำมาสอนในระดับเล็ก ชั้นปีละ หนึ่งมาตราบ้าง สองมาตรบ้าง ตามพัฒนาการของเด็ก แล้วค่อยๆ ลงลึกให้นักเรียนเข้าใจมากขึ้นในระดับที่โตขึ้น
-
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ มีการปรับปรุงหรือแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ ก็ให้ความรู้เพิ่มเติม วิธีสอน ทำเหมือนการเริ่มสอนให้เรียนรู้หนังสือตั้งแต่ กอ ไก่ ถึง ฮ นกฮูก พอจำได้ก็หัดเขียนหัดอ่าน พออ่านออกเขียนได้ก็หัดแต่งประโยค เรียงความ ย่อความ สรุป วิเคราะห์ แล้วเอามาบูรณาการกับวิชาอื่น ๆ สุดท้ายนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
-
ในหลักสูตรได้มีการนำข้อกฎหมายไปฝึกให้เด็กๆ แต่งเป็นเรียงความ ทำเป็นละครเวทีในโรงเรียน สร้างเหตุการณ์สมมุติ นำศีลธรรมมาบูรณาการกับกฎหมาย และสิทธิเสรีภาพของพลเมือง เช่น ถ้ามีคนยักยอกเงินของโรงเรียนไป ผิดกฎหมายข้อไหน มาตราอะไร มีโทษสถานใด ผิดศีลธรรมข้อไหน โดยสิทธิเสรีภาพของพลเมือง สมควรทำหรือไม่ ละเมิดใครหรือไม่ ....ให้เด็ก ๆ คิดวิเคราะห์ร่วมกัน
-
มีการนำเสรีภาพและประชาธิปไตยไปใช้ในโรงเรียนโดยเปิดกว้างให้นักเรียนรู้จักแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี มีความคิดเห็นขัดแย้งกับครูผู้สอนอย่างมีเหตุผล ครูไม่แสดงตัวว่าคือผู้รู้หรือเก่งกว่าใคร ครูให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ ถ้านักเรียนคนไหนออกนอกลู่นอกทาง นักเรียนด้วยกันจะเห็นและทำหน้าที่เป็นตำรวจโรงเรียน
-
เด็กๆ ที่นี่มีเสรี จึงไม่มีใครออกมาเดินประท้วงเหมือนที่อื่น ครูฟังเด็ก เด็กฟังครู ผู้ปกครองฟังครู ครูฟังผู้ปกครอง ต่างฟังซึ่งกันและกัน พร้อมร่วมกันคิดแก้ไขปัญหา พัฒนาโรงเรียนและชุมชนของตัว
-
เสรีภาพของเด็กๆ ที่ได้รับ ไม่ใช่การตามใจจนไม่ลืมหูลืมตา หากมีการเฝ้าสังเกตุ และอบรมสั่งสอนอย่างแยบยล โดยครูเป็นผู้ปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรมอันดีเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กเห็น ไม่ปากว่าตาขยิบ ไม่ทำตัวแบบมือถือสากปากถือศีล
-
การสอนวิชาประชาธิปไตยก็ใช้หลักปฏิบัติเช่นเดียวกับเสรีภาพอย่างแยกจากกันไม่ออก ตั้งแต่การให้เด็กแสดงความคิดเห็นในการสอนของครู หรือสามารถแสดงความคิดเห็นในเนื้อหาที่เรียนกับครูได้เต็มที่ สงสัยก็ถาม กล้าพูดกล้าถาม และระดมสมองกันแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนอยู่เสมอ โดยไม่ละเลยเรื่องของมารยาท ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ระหว่างเพื่อนร่วมชั้น ความควรไม่ควร การเคารพนบนอบ มีสัมมาคาราวะ มีความอ่อนน้อมถ่อมตน
-
เด็กจึงกล้าแต่ไม่กร้าว อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ ครูมีความอ่อนน้อมถ่อมตนไม่ยึดมั่นในอัตตาไม่ยึดติดว่า "กูแน่" ครูของที่นี่จึงมีเมตตาสูง ไม่คิดรังแกเด็กด้วยการข่มขู่กดคะแนน
-
การเลือกหัวหน้าชั้นเรียน ใช้วิธีการผลัดเปลี่ยนกันขึ้นทำหน้าที่ตามระยะเวลาที่เด็กๆตกลงกันโดยไม่มีการผูกขาดอยู่ที่คนใดคนหนึ่ง มีการตรวจสอบหน้าที่โดยนักเรียนด้วยกันเอง นี่คือการสอนโดยวิธีปฏิบัติให้นักเรียนได้รู้ว่าประชาธิปไตยไม่ได้หมดไปแค่การใช้สิทธิเลือกตั้งลงคะแนน แต่ยังมีการทำหน้าที่ตามสิทธิและหน้าที่ตลอดชีวิต
--
การสั่งสมความรู้ความเข้าใจให้เยาวชนได้รู้จักสิทธิ-หน้าที่ ที่มีต่อตัวเองและส่วนรวม การเลือกตั้ง เป็นการเรียนรู้ที่จะใช้สิทธิและหน้าที่ของตัวเองประการหนึ่งของประชาธิปไตย เป็นการใช้สิทธิในการมอบหมายให้ผู้แทนของกลุ่มไปทำหน้าที่แทนเรา เป็นการส่งมอบหน้าที่มิใช่ส่งมอบอำนาจให้ใครยึดครอง
-
เมื่อเรามีผู้แทนไปทำหน้าที่แทนเรา หากผู้แทนทำไม่ดี เราสามารถตรวจสอบ พูดคุยกัน และแนะนำกันได้ ผู้แทนก็ฟัง ต่างคนต่างถ้อยทีกัน โดยไม่คิดว่ากูแน่อยู่คนเดียว
-
เมื่อถึงวาระลงคะแนน ทุกคนก็กระตือรือร้นที่จะไปเลือกเพื่อให้ห้องเรียนของเขา มีความสงบร่มเย็น ไม่มีการบังคับ ไม่มีการแจกเงิน ไม่มีการใช้สิ่งของมาแลกเพื่อให้ใครไปเลือกตัว เพราะศีลธรรมที่เรียนมาตั้งแต่อนุบาล มันอัดแน่นอยู่ในตัวของเด็กๆ ทุกคน จนฝังเป็นจิตสำนึกของพวกเขา
-
หลักสูตรบูรณาการนี้ จึงเหมือนการหยดน้ำทีละหยดอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนกว่าจะเต็มแก้วเอง เด็กๆ เมื่อเติบโตขึ้น ไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไร จะเป็นหมอ เป็นครู เป็นพ่อค้า เป็นนักข่าว เป็นนักการเมือง หรืออาชีพอื่นๆ เชื่อว่าพวกเขาเหล่านี้จะเป็นผู้ที่อยู่ในสัมมาชีพ มีคุณธรรมติดตามตัว ด้วยซึมซับแล้วว่า....."ประชาธิปไตยไม่ใช่เพียงการเลือกตั้ง เสรีภาพไม่ใช่การตามใจ กฎหมายไม่ได้มีไว้สำหรับให้ทำผิด และคุณธรรมมีไว้เพื่อให้มีจิตสำนึกในความดีงาม"
-
จากปี พ.ศ.๒๕๔๙ จนถึงวันนี้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ให้ความรู้ในวิถีทางประชาธิปไตยแบบไทย พร้อมทั้งเปิดโปงข้อมูลการเมืองน้ำเน่าที่ทำให้ประเทศชาติร้อนลุกเป็นไฟ ประชาชนต่างต้องการความสงบร่มเย็น เรากำลังเดินทางสู่ดินแดนประชาธิปไตยอันผลิบาน ....เรากำลังต่อสู้กับฝ่ายอธรรมโดยผู้มีอำนาจที่มีจิตใจใฝ่ชั่ว ภาระหน้าที่ใหญ่หลวงตกอยู่ที่กองทัพประชาชนที่กำลังร่วมกันชำระล้างความเลวร้ายของแผ่นดินด้วยหัวใจรักชาติ พร้อมสมองและสองมือเปล่าเป็นอาวุธ
-
ไม่มีใครรู้ว่ากว่าจะไปถึงประชาธิปไตย จะเจอกับอะไรอีก แต่เราก็พร้อมใจกันที่จะก้าวเดินต่อไปด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นและศรัทธา
-
ขออำนาจแห่งคุณความดีทั้งหลายทั้งปวงช่วยปกปักรักษาให้ธรรมปกคลุมแผ่นดินไทยในเร็ววัน ขอให้ประชาธิปไตยที่เรากำลังร่วมกันสร้าง ได้ผลิบานทั้งแผ่นดิน .....
--
ประชาธิปไตยมิใช่เพียงการเลือกตั้ง
-
ประชาธิปไตยไม่ใช่การรับจ้างประท้วง
-
ประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องไกลตัว
-
และประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องยาก
-
เมื่อใดที่พวกเขารู้เท่าทันและเข้าใจประชาธิปไตย
-
ด้วยหัวใจ ด้วยจิตสำนึกแห่งคุณธรรม
-
การหลอกปล้นชาติด้วยแผนประชาธิปไตยใต้ปีกทุนนิยม
-
การถูกยึดครองแผ่นดิน..ด้วยประชาธิปไตยในรั้วเผด็จการ
-
จะหมดไปจากแผ่นดินของพวกเขา
-
-
ใ น สั ก วั น
-
--------------------------------------
--
"ชาลี"เขียน
*หมายเหตุ*
ความคิดต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดไว้ในบทความนี้ ผู้เขียนรู้ดีว่าเป็นเรื่องยาก
หรือบางทีอาจเป็นไปไม่ได้เลย แต่นี่คือเมืองในฝันที่ผู้เขียนฝันถึง และอยากเห็น
อ ย่ า ง น้ อ ย เมืองแบบนี้ก็มีให้ผู้เขียนได้เคยเข้าไปสัมผัสมาแล้ว
ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในประเทศไทยที่ผู้เขียนเคยไปเป็นครูสอนมาถึง ๕ ปี