เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "ตกขาว" ตกขาวคืออะไร?...
ตกขาวหมายถึง สิ่งที่ถูกขับออกมาจากช่องคลอด และสิ่งนั้นไม่ใช่เลือด ดังนั้น ตกขาวจึงมีสีอะไรก็ได้แต่ส่วนใหญ่จะสีขาว ตกขาวนี่เองที่เป็นอาการที่ผู้ป่วยมาหาหมอถึงหนึ่งในสามของผู้ป่วย ที่มาตรวจภายใน
ตกขาวเป็นคำเรียกที่รู้จักกันทั่วไป แต่บางคนก็เรียก ระดูขาว (ไม่ใช่ฤดูขาวระครับ) หนังสือบางเล่มก็เรียก มุตกิต ก็มี ตกขาวไม่ใช่โรคแต่เป็นอาการ ซึ่งอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คัน มีกลิ่น หรือเจ็บปวด
ชนิดของตกขาว
ตกขาวกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน เป็นผู้หญิงก็ต้องมีตกขาว การมีตกขาวไม่ได้หมายถึง การเป็นโรคหรือเป็นมะเร็ง หรือผิดปกติ นั่นก็หมายถึงว่า การมีตกขาวอาจเป็นปกติ หรือไม่ปกติก็ได้
ตกขาวปกติ
เป็นตกขาวที่พบได้ในภาวะปกติ ตกขาวแบบนี้มีสีขาว คล้ายแป้งเปียก มีปริมาณไม่มาก ไม่คัน กลิ่นออกเปรี้ยวเล็กน้อย ไม่เหม็น อย่างไรก็ตามในบางช่วงอาจมีปริมาณมากขึ้นเล็กน้อย เช่น ช่วงก่อนมีรอบเดือน หลังมีรอบเดือน ช่วงไข่ตก หรือในภาวะตั้งครรภ์
ในตกขาวมีสารอะไรบ้าง
อย่างที่บอกตกขาวหมายถึง สารที่ถูกขับออกจากช่องคลอด ซึ่งมีทั้งสิ่งที่ถูกขับออกจากต่อมต่างๆ ในระบบสืบพันธ์ ซึ่งได้แก่
1. น้ำที่หลั่งจากต่อมใต้ผิวหนัง บริเวณช่องคลอด จากต่อมสกีน (Skene's gland) ต่อมบาร์โธลิน เพื่อหล่อลื่นปากช่องคลอด
2. เซลล์เยื่อบุผนังช่องคลอดที่หลุดลอกออกมา
3. มูกจากต่อมที่ปากมดลูก
4. โปรตีน, เกลือแร่ ที่มาจากผนังช่องคลอด เยื่อบุโพรงมดลูก และหลอดมดลูก
5. กรดแลคติคซึ่งแบคทีเรียในช่องคลอดสร้างจากกลัยโคเจน ของเยื่อบุผนังช่องคลอด
ตกขาวที่ไม่ปกติ
ก็คือ ตกขาวที่ตรงข้ามกับตกขาวปกติ กล่าวคือ มีปริมาณมาก บางครั้งไหลโจ๊กยังกะมีรอบเดือนยังไงยังงั้น มีกลิ่นเหม็น ลักษณะอาจเป็นหนอง มูกปนหนอง ปนเลือด มีฟอง และมักมีอาการอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น คัน แสบ ออกร้อนที่บริเวณปากช่องคลอด หรือมีปวดท้องน้อยร่วมด้วยก็ได้
ต้นเหตุที่ทำให้ตกขาวผิดปกติ ที่พบบ่อย 3 อันดับแรกคือ
- จากเชื้อแบคทีเรีย (bacterial vaginosis) พบได้ร้อยละ 30-35
- จากเชื้อรา, ยีสต์ (vulvovaginal candidiasis) พบได้ร้อยละ 20-25
- จากเชื้อพยาธิ trichomoniasis พบได้ร้อยละ 10
ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยที่พบเชื้อสองชนิดหรือมากว่าสองชนิด อยู่ร้อยละ 15-20 เรียกว่า ได้หนึ่งแถมหนึ่งว่างั้นเถอะ
เชื้อ 3 ตัวนี้พบร้อยละ 90 ของผู้ป่วยตกขาวผิดปกติ
สาเหตุของการตกขาวผิดปกติ แบ่งตามตำแหน่งที่เกิดคือ
1. ช่องคลอดอักเสบ ที่พบบ่อยคือ - แบคทีเรีย (bacterial vaginosis)
- เชื้อพยาธิ (trichomonas)
- เชื้อรา (candida)
- เชื้อไวรัส เช่น โรคเริม
- เชื้อแบคทีเรียอื่นๆ
2. ปากมดลูกอักเสบ - การติดเชื้อหนองใน
- การติดเชื้อคลามิเดีย
- การติดเชื้อเริม
3.ปากมดลูกมีแผล, เป็นเนื้องอก
4.สิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด เช่น เศษกระดาษทิชชู, สำสี, ผ้าก็อซ, เมล็ดผลไม้, ถุงยางอนามัย เป็นต้น
5.เนื้องอกและมะเร็งมดลูก, ปากมดลูก ซึ่งตกขาวจะมีกลิ่นเหม็นมาก
6.สตรีวัยหมดระดู ขาดฮอร์โมน ก็ทำให้เกิดช่องคลอดแห้งอักเสบ มีตกขาวได้
ความสัมพันธ์ระหว่าง "วัย" กับ "ตกขาว"
วัยเด็ก มักเกิดจากความสกปรก สุขอนามัยไม่ดี ทำความสะอาดไม่เป็น หรืออาจมีสิ่งแปลกปลอม ที่เด็ก ยัดเข้าไป เช่น ยางลบ เม็ดผลไม้ กระดาษทิชชู
วัยเจริญพันธุ์ มักเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
วัยหมดระดู เกิดจากการขาดฮอร์โมน
...เรื่องเล่ามาขำขำ...อาหลิงชาวเขามีอาการตกขาวมากเลยตัดสินใจไปหาหมอ..
อาหลิง: คุงหมอคะดิฉันตกเขา(พูดไทยไม่ชัด)
หมอ: เอ๊าไปทำอีท่าไหนล่ะถึงได้ตกเขา เจ็บตรงไหนบ้างล่ะ
อาหลิง: ก็ตกเขาอ่ะมังคัง มังมีกลิ่นน่าเกลียดอ่ะ
ผู้ช่วยหมอ: คุณหมอคะดูท่าจะตกขาวนะคะ ไม่ใช่ตกลงมาจากภูเขา เพราะเขาบอกว่ามีกลิ่นด้วยน่ะ
หมอ: ......เหรอ?...อึมม....ม......หุหุ...มึนตึ๊บ!!
ขอบคุณที่มาข้อมูล