Advertisement
ร้านเสริมสวย จัดเป็นร้านยอดฮิตติดอันดับที่ผู้หญิงทุกคนต้องเคยใช้บริการกันมามากบ้างน้อยบ้าง แต่คุณรู้หรือไม่ว่า มีโรคภัยรอคุณอยู่ที่ร้านไม่น้อยทีเดียว
จากผลการสำรวจความสะอาดของสถานเสริมสวยในโครงการสถานที่เสริมสวยหรือแต่งผมสะอาด ปลอดมลพิษ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี โดยสำนักอนามัยกรุงเทพ เมื่อปี 2550 พบว่า ในร้านเสริมสวยมีเชื้อราในหวี ถึง 27.34 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากยิ่งเข้าร้านเสริมสวยมาก ยิ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคติดต่อทางผิวหนังมากขึ้น นอกจากนี้ยังอาจเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจ ไวรัสตับ และโรคติดเชื้อจากเหาอีกด้วย
เจ้าวายร้ายเหล่านี้น่ากลัวเพียงใด วันนี้เรามาทำความรู้จักกันค่ะ
นานาเชื้อโรค
โรคติดต่อที่พบในร้านเสริมสวยมีได้หลายชนิด แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ เพื่อให้จำง่ายดังนี้
1.โรคเชื้อราผิวหนัง พบได้ในผ้าเช็ดผม ผ้ารองสระผม เพราะหากซักแล้วไม่ได้ผึ่งแดดให้แห้งสนิท และฆ่าเชื้อโรค เชื้อราก็จะเจริญเติบโต อีกอย่างคือ อุปกรณ์ทำเล็บ เช่น กรรไกรตัดเล็บ ตะไบเล็บ เพราะอาจติดมาจากคนที่มีเชื้อและฆ่าเชื้อโรคไม่หมด รวมทั้งพบได้บ่อยในผู้ที่ชอบทำเล็บ หรือต่อเล็บ เพราะทำให้เล็บจริงไม่ได้รับอากาศ เวลาโดนน้ำจะชื้น หากเป็นหนักเล็บจะเสียและยุ่ย
2.โรคจากเชื้อไวรัส เช่น โรคหูด เกิดจากอุปกรณ์ที่สัมผัสกับผิวหนังต่างๆ เช่น หินขัดเท้า มีดโกนสำหรับกันคิ้วหรือโกนหนวด เครา
3.โรคจากเชื้อแบคทีเรีย เกิดจากอุปกรณ์ทั่วไปในร้านเสริมสวยที่ทำความสะอาดไม่ดีพอและใช้ร่วมกัน จำพวกหวี และแปรงต่างๆ ทำให้เป็นโรครูขุมขนอักเสบ
4.โรคติดเชื้อจากปรสิต เช่น ติดเหาจากอุปกรณ์ประเภทหวี และล่าสุดคืออาจติดโลนขนตา
นอกจากโรคติดต่อทางผิวหนังแล้ว ยังมีโรคติดต่อทางเลือดอีกหลายชนิดที่พบได้ในร้านเสริมสวยซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุและการไม่เปลี่ยนใบมีด นั่นคือ ไวรัสตับอักเสบบีและซี ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคตับอักเสบและมะเร็งตับ อุปกรณ์ที่เป็นพาหะ คือ มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ และของมีคมต่างๆ ที่ใช้ในการเสริมความงาม ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีรายงานทางการแพทย์ระบุแน่ชัดว่าน้ำยาฆ่าเชื้อสามารถฆ่าเชื้อไวรัสตับอักเสบซีได้ ดังนั้นทางที่ดีจึงควรเลือกร้านที่มีการเปลี่ยนใบมีดจึงจะดีที่สุด
ส่วนเรื่องอุปกรณ์ช่วยเพิ่มความงาม ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาย้อมผม ดัดผม ทำสี สเปรย์ ล้วนแต่เป็นสารเคมีที่ก่อให้เกิดผื่นแพ้และระคายเคืองจากการสัมผัสได้ทั้งสิ้น
ว่าแต่ อาการแพ้และอาการระคายเคืองแตกต่างกันหรือไม่ มีคำตอบค่ะ
อาการแพ้ จะเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่ผิดปกติของแต่ละบุคคล แม้ผลิตภัณฑ์จะได้มาตรฐานดีแล้วหรือใช้ในปริมาณที่เหมาะสมแล้วก็ยังแพ้ ซึ่งประเภทนี้จะมีอาการทันทีหรือภายใน 2-3 วัน หลังโดนสารเคมี จะมีอาการ คัน มีผื่นแดงบริเวณที่สัมผัสสารเคมี เช่น รอบหู คอ และตา หากเป็นมากจะมีน้ำเหลืองไหลบริเวณผื่นร่วมด้วย เรียกว่า ผื่นแพ้สัมผัส
ส่วนอาการระคายเคือง เกิดจากผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นกรดด่างสูงเกินไปหรือเกิดจากการสัมผัสเป็นเวลานาน เช่น ย้อมผมเป็นเวลานานโดยผสมสารเคมีในสัดส่วนที่เข้มข้นเกินไป ก็จะเกิดผื่นระคายเคืองจากการสัมผัส หรือสารระเหยในสเปรย์จะทำให้ระคายเคืองจมูก กระตุ้นหอบหืด และเป็นอันตรายต่อเยื่อบุตา
นอกจากนี้ สารในน้ำยาล้างเล็บจะเข้าไปกดการสร้างเม็ดเลือดในไขกระดูกและเป็นอันตรายต่อไต ที่สำคัญคือ หากกำจัดขยะพวกกระป๋องสเปรย์ไม่ดีก็จะเป็นขยะอันตราย เมื่อโดนความร้อนอาจระเบิดได้
นอกจากสารเคมีจะทำให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบ น้ำเปล่าก็ทำให้มีอาการได้ เพราะเคยมีช่างเสริมสวยที่ต้องสระผมให้ลูกค้าทั้งวันมาหาด้วยอาการมือแห้ง แตก คัน และเจ็บ ซึ่งเป็นอาการของผิวหนังอักเสบเช่นกัน
ป้องกันอย่างไรให้ไกลโรค
มีคำแนะนำการป้องกันสำหรับผู้หญิงที่เข้าร้านเสริมสวย ควรสังเกตว่า ร้านมีการระบายอากาศที่ดีหรือไม่ เพื่อไม่ให้โดนละอองจากสารเคมีมากเกินไป และสังเกตความสะอาดของร้านและอุปกรณ์ที่ใช้ ที่สำคัญหากรู้สึกว่าคันหรือระคายเคืองก็ให้รีบมาพบแพทย์และหยุดใช้สารเคมีชนิดนั้น และควรจำด้วยว่าแพ้สารตัวใด ยี่ห้อใดจะได้ไม่ใช้อีกต่อไป ส่วนช่างเสริมสวย ควรจัดการระบายอากาศในร้านให้ดี เพื่อลดก๊าซและฝุ่นละอองจำนวนมากก็จะช่วยได้
ที่มา .. ผู้จัดการออนไลน์ |
วันที่ 22 พ.ค. 2552
หนาวแล้ว ออกแคมป์กันเถอะ! ⛺ เตาแก๊สปิคนิค พกพาสะดวก ออก Outdoor ได้สบายๆ รุ่น KJ-101 แถมฟรี!!กล่องเก็บเตา ในราคา ฿244https://s.shopee.co.th/7fJQKGPCjr?share_channel_code=6
Advertisement
เปิดอ่าน 7,196 ครั้ง เปิดอ่าน 7,161 ครั้ง เปิดอ่าน 7,182 ครั้ง เปิดอ่าน 7,160 ครั้ง เปิดอ่าน 7,158 ครั้ง เปิดอ่าน 7,252 ครั้ง เปิดอ่าน 7,171 ครั้ง เปิดอ่าน 7,159 ครั้ง เปิดอ่าน 7,178 ครั้ง เปิดอ่าน 7,161 ครั้ง เปิดอ่าน 7,162 ครั้ง เปิดอ่าน 7,160 ครั้ง เปิดอ่าน 7,168 ครั้ง เปิดอ่าน 7,172 ครั้ง เปิดอ่าน 7,159 ครั้ง เปิดอ่าน 7,167 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,162 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,265 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,156 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,158 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,159 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,160 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,381 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 19,975 ครั้ง |
เปิดอ่าน 22,517 ครั้ง |
เปิดอ่าน 19,673 ครั้ง |
เปิดอ่าน 22,243 ครั้ง |
เปิดอ่าน 37,942 ครั้ง |
|
|