ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ฝากนักเรียนด้วย...เทคนิคอ่านหนังสือเรียนให้สนุก...


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 6,431 ครั้ง
ฝากนักเรียนด้วย...เทคนิคอ่านหนังสือเรียนให้สนุก...

Advertisement

เทคนิคอ่านหนังสือเรียนให้สนุก

                อ่านหนังสือ แค่ได้ยินคำๆนี้ คำพูด/ตัวอักษรไม่กี่คำไม่กี่ตัวเสมือนคำต้องสาปอันน่าสะพรึง ที่ทำให้ใครต่อใครโหยหวนด้วยความขยาดมาก็มาก (เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นล่ะ)  แน่นอน หลายคนคงเถียงทันทีว่าใช่ที่ไหน หนังสือพวกการ์ตูนหรือนิยาย และกลุ่มที่จัดอยู่ในหมวดพวกประเทืองอารมณ์ความบันเทิงของเรานั้น มีออกเกลื่อนไป เรื่องอะไรจะไปหาความสยองใส่ตัว

 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์อย่างหนึ่งก็ว่าได้ที่ไม่ค่อยจะชอบทำ/ คิด หรือริเริ่มที่จะทำอะไรให้ตัวเองต้องอยู่หรือแค่จะเข้าใกล้สภาวะความรู้สึกทุกข์นักหรอก แต่ในเมื่อหากถึงเวลาที่เราต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างเลี่ยงไม่ได้ จะด้วยความเต็มใจหรือไม่ก็ตาม เช่น การอ่านหนังสือสอบ, การอ่านหนังสือวิชาการเพราะสงสัยใคร่รู้สิ่งที่อยู่นอกตำราเรียน แต่เราอยากหามาอ่านของเราเอง ฯลฯ แม้หนังสือจำพวกหลังมันอาจจะก่อความรู้สึกของเราที่ค่อนไปทางแง่ลบมากกว่าหนังสือประเภทแรกที่เอ่ยมาก็ตาม

                  แต่ดิฉันคิดว่า หากสามารถมีวิธีรับมือกับมันได้ดี บางทีการอ่านหนังสือที่ส่วนตัวของแต่ละคนคิดว่าหนังสือเล่มนี้มันช่างน่าเบื่อ ยาก อ่านไม่เคยจะเข้าใจ มันอาจจะกลายมาเป็นหนังสือที่อ่านสนุก รู้เรื่อง ให้ความเพลิดเพลินเหมือนกับที่เราอ่านหนังสืออ่านเล่นนิยาย/การ์ตูน ฯลฯ เลยก็ได้นะ ซึ่งวิธีแก้ปัญหาที่ว่า เป็นวิธีที่เราได้อ่านได้ฟังมาจากผู้รู้ท่านอื่นๆแล้วลองดัดแปลง เลือกตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อยที่คิดว่าเราทำแล้วมันเหมาะกับตัวเราในที่สุด

คำเตือน::

คำแนะนำเหล่านี้ไม่ได้บังคับว่าต้องทำกันนะ แค่แนะนำเทคนิคที่ดิฉันใช้อยู่ให้เพื่อนๆฟัง

กัน ซึ่งใครที่คิดว่าดีแล้วอยากลองเอาไปทำดูบ้างก็ยินดีค่ะ  ไม่หวงลิขสิทธิ์(เพราะไม่มีลิขสิทธิ์ให้จด 555+)

ปัจจัยที่(อาจ)ช่วยให้เราอ่านหนังสือที่ไม่ชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลักๆมีดังนี้ 

(1.)  อุปกรณ์ออกศึก!

                  >> คงไม่มีนักรบคนไหนหรอกนะ ที่เก่งกล้ามาแต่ชาติปางก่อนริจะสู้ศึกมือเปล่า ขนาดนักรบยังต้องพึ่งอุปกรณ์คู่กาย ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกเราๆนัก ที่จะเตรียมตัวอ่านหนังสือ มันก็ต้องหาอาวุธที่ว่ามาลับฟันกับเขาบ้าง    

พวกดินสอ ปากกา ยางลบ liquid ปากกาเน้นข้อความ อะไรก็แล้วแต่สารพัดสารเพที่ท่านจะสรรหามาใช้ตามความพอใจของแต่ละคนก็หามาซะ  (แต่อยากให้เลือกซื้อตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงนะคะ ใช้เท่าที่จำเป็นและมีประโยชน์อย่างคุ้มค่า ไม่ใช่ซื้อมาก็วางไว้บูชาซะอย่างนั้น เสียดายเงินบุพการีค่ะ ) โดยเฉพาะพวกปากกาสีๆทั้งหลาย ถ้าใช้ได้หลายสีจะยิ่งดีมาก เพราะจากข้อมูลหลายๆแห่ง บอกว่าการใช้สีหลายๆสี มีส่วนช่วยในการท่องจำได้ดีด้วยล่ะ 

                      อันนี้เป็นอาวุธของดิฉันเองค่ะ(3 กล่องดินสอ)  ซื้อมาเกือบจะทุกสีแล้วมั้ง

ปล. หากอยากเปลี่ยนอะไรใหม่ๆให้มันดูสดชื่น กระตุ้นให้อยากจับ อยากขีดอยากเขียนมากยิ่งขึ้น การเลือกซื้อกล่องดินสอน่ารักๆ ก็มีส่วนช่วยไม่มากก็น้อยเลยนะค่ะ อย่างของเราเอง กล่องทรงกระบอกที่เป็นลายขนม ซื้อขนมมาเพื่อต้องการเอากล่องไปทำเป็นที่ใส่ดินสอเท่านั้น นอกจากจะราคาของกล่องขนมไม่แพงมากแล้ว ยังอิ่มท้อง เป็นอาหารตา(ยามพักสายตาจากการอ่านหนังสือ)ได้ด้วย อิอิ  

(2.) ทำเล จุดยุทธศาสตร์!

                    หาอาวุธพร้อมแล้วต่อมาก็ต้องรู้จักเลือกสนามฝึกซ้อมให้ดีด้วย เพื่อประสิทธิภาพในการลับฝีมือ(สมอง)  เราเห็นหลายครั้งเลยนะค่ะ ประเภทชอบนั่งอ่านหนังสือในห้าง ร้านอาหาร หรืออาจเป็นนอกอาคารที่ดูเหมือนจะสงบ แต่สภาพแวดล้อมจุดที่ท่านตั้งใจนั่งเพื่อสร้างสมาธินั้นกลับมีเสียงดัง ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ก็อาจทำให้เราไม่มีสมาธิได้นะค่ะ   พนันได้เลยว่ากว่าจะตั้งใจ ทำสมาธิให้ไม่หลุดหรือฟุ้งซ่านได้ก็นานแล้ว ดีหน่อยก็หากตั้งจิตให้มั่นง่าย แต่ก็ยังมีเสียงแตรรถ? เพื่อนๆในกลุ่มที่กำลังเล่นกีฬากันอยู่? สายตาเราจ้องไปที่ตัวอักษรจริง แต่หูทั้งสองคงจะผึ่งหึ่งๆบินไปเพ่งสมาธิเรื่องเมาท์แตกของใครต่อใครไม่มากก็น้อยแล้วล่ะ จริงไหมค่ะ

                     เพราะงั้น ตัดใจซะ! ตั้งมั่นว่าวันนี้ต้องอ่านหนังสือให้ได้ ลด ละ เลิก (สิ่งยั่วๆกิเลสตัณหาอันเป็นภัยต่อการเสริมสร้างความรู้ทั้งหลาย)ให้หมด ให้ดีเลยคือ หาสถานที่เงียบๆเช่น ห้องสมุด จะในโรงเรียนหรือนอกก็ได้, หรือถ้าดันอยู่นอกบ้าน ก็พยายามหาจุดที่มันจะกวนเราได้น้อยที่สุดแล้วกัน  ให้ดีสุดๆไปเลยก็อ่านมันที่บ้านเนี่ยแหล่ะ สบายจะตาย มีข้าว(ขาว เหลือง แดง)ให้กินครบ 3 มื้อ+ขนมนมเนย  ทำเลก็ถิ่นเราเองทั้งนั้น ห้องน้ำพร้อม อากาศเป็นใจพร้อม มีอะไรจะน่าสุขีกว่านี้ไม่มีแน่นอน

                   ดิฉันชอบทำเล โต๊ะหนังสือที่บ้านมากที่สุดค่ะ รองลงมาก็หอสมุดในรพ. หรือห้องที่หอพัก จะหมกตัวอยู่ไม่ใกล้ไกลแถวนี้เท่าไหร่ค่ะ

ปล. ระวัง! ทำเลเยี่ยมพร้อมมากเกินไประวังล่ะ ยิ่งท้องตึงๆหนังตาเริ่มจะหย่อนตามแรงโน้มถ่วงโลก แถมอากาศก็เย็นสบาย ไม่พอ ยังอยู่ใกล้เตียงนอนอีก ผลคือ นอกจากจะได้ไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ก่อนเวลาอันควรแล้ว ยังอาจเสริมสร้างชั้นไขมันในร่างกายเราให้อบอุ่นมากขึ้นก็ได้นะ โอะๆๆ

(3.) ยุทธวิธีแผนการรบ!

                   หรือก็คือ วิธีการอ่านหนังสือของแต่ละคนนั่นเอง

                   จริงๆไม่อยากแนะนำอะไรมาก เพราะล้านคนก็ล้านความคิด ล้านการกระทำ ขึ้นกับว่าใครชอบหรือถนัดแบบไหน ซึ่งหัวข้อนี้ เราไม่ขอออกความเห็นอะไรมาก แต่จะบอกเล่าวิธีที่เราทำอยู่ตอนนี้แทนนะ หากเพื่อนๆท่านไหนมีวิธีที่แตกต่างจากนี้ อยากนำเสนอให้เพื่อนๆท่านอื่นลองใช้กันบ้าง ก็โพสต์กันได้เลยนะฮะ ไม่ต้องอาย ช่วยๆกันเรียนนะ

ระบบการเรียนระดับอุดมศึกษาอาจจะต่างกับระดับมัธยมลงมานะคะ คือนอกจากมีอาจารย์สอนบรรยายให้บ้างในบางครั้ง นอกนั้นคือเป็นการเรียนแบบ Child Center อย่างแท้จริงเลย นิสิตต้องปรับตัวในการฝึกขวนขวายหาความรู้เอาเอง จะให้อาจารย์มานั่งป้อนความรู้เป็นอาหารสมองเหมือนแม่นกป้อนไส้เดือนใส่ปากลูกกะเจี๊ยบคงเป็นไปมิได้ (แต่อาจารย์บางท่านก็มีสไตล์การสอนแบบป้อนเด็ก ก็ถือว่าโชคดีไปนะคะ ขึ้นอยู่กับตัวอาจารย์และสถาบันด้วยค่ะ โหดๆหน่อยก็ตัวใครตัวมัน ไม่สอนเลยก็มี ฯลฯ

อย่างของเรา เวลาเรียนไม่มีหนังสือให้(หาซื้อเอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็น Text  ยัดใส่กระเป๋าก็ไม่เข้า แบกมาเข้าเรียนก็ไม่ไหว  หลังเดาะพอดีวุ้ย) เอกสารก็ไม่มีแจก ก็ต้องหาสมุดโน้ตไปจดกันเองตามยถากรรม  เพราะจะให้เข้าไปนั่งฟังเฉยๆ บอกได้แค่ว่าเสียดายเวลาและโอกาสมาก เพราะอะไร?

1.)   ความรู้ที่อาจารย์ป้อนมาให้นั้นมีเยอะมาก  การที่หัวสมองน้อยๆของเด็กตาดำๆอย่างเราจะยัดใส่หน่วยความจำได้หมดอย่างมีประสิทธิภาพนั้นคงเป็นไปไม่ได้แน่ๆ  เว้นแต่จะเป็นพวกจีเนียส/ไบรท์/พวกเทพๆ หรือจะเรียกปีศาจ นั่นก็อีกเรื่อง เรามีเพื่อนหลายคนที่เป็นคนจำพวกนี้อยู่ วันๆเรียนอย่างน้อย 2-3 ชม. นิ้วไม่กระดิกจดอะไรเลย ฟังอย่างเดียว (แถมมีงีบอีกตะหาก) แต่หมดคาบเรียน ถามไรไป(แม่ง)ตอบได้หมด อ๊าก! ปีศาจเกินไปแล้ว><

2.) เพราะอย่างที่รู้กันว่าอาจารย์ไม่ค่อยจะมีเวลาว่างมาสอนเรามากเท่าตอนเด็กม.ปลาย ฉะนั้นเรียนกับอาจารย์ได้ก็ตั้งใจเรียนให้ได้มากที่สุดก็ดีที่สุดแล้ว เพราะหลายครั้งที่อาจารย์แกพ่นออกมา นั่นแหล่ะ Point ข้อสอบทั้งนั้น  หากเราตั้งใจเรียนเป็นเด็กดีมาตลอด เวลาสอบก็ชิวๆขำๆแล้วล่ะ (แต่ระวังไว้หน่อยละกัน เพราะฟังอาจารย์พ่นๆมาเยอะ บางทีไม่ใช่ point ไม่พอ มันจะแปรสภาพเป็น POISONs เนี่ยสิ นรกแตกเลย 555+)  

 ออกทะเลไปเยอะกลับมาเข้าเรื่องต่อ   อย่างรูปสมุดจดของเราอันนั้น สังเกตใช่ไหมว่ามันมีแหว่งๆโผล่ๆเหมือนฟันหลอชะมัด เพราะจดไม่ทันไม่ใช่ไรหรอก วิธีแก้คือ หลังเลิกเรียนวันนั้น ก็กลับมานั่งทบทวนสิ่งที่อาจารย์สอน/พ่นpointๆ ว่ามีอะไรบ้าง จากไหนก็นี่เลย

แหล่งคลังข้อมูลของเราที่ไว้ใช้ค้นคว้ายามยาก เพียงเราก็มานั่งอ่านเรื่องเดียวกับที่อาจารย์สอนแล้วก็จัดการสรุปใจความสำคัญ หรือแล้วแต่ใครจะถนัดยังไงนะ จัดการคัดลอกมาโปะฟันหลอของเราซะ แค่นี้ก็เรียบร้อย

ข้อมูลแน่นขึ้นเยอะเลย มีสีสันสวยงามอีกตะหาก หรือบางทีถ้าข้อมูลไม่พอก็จัดการหา post-it มาแปะเพิ่มก็ไม่ว่ากัน อย่างทางหน้าขวา post-it มันใส่ไม่พอ ก็หาA4 มาเย็บ Mc ติดกับหน้ากระดาษซะก็เป็นอันเสร็จ จบแล้วฮ่ะ

หลังจากเหนื่อยศึกกันมาเพียงพอแล้วก็ต้องรู้จักพักผ่อนให้พอเพียงและรักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ สำหรับเรา วิธีผ่อนคลายที่ดีที่สุดก็นี่เลยค่ะ  โฮะๆๆๆ

ขอบคุณที่มาข้อมูล

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 1712 วันที่ 20 พ.ค. 2552


ฝากนักเรียนด้วย...เทคนิคอ่านหนังสือเรียนให้สนุก...

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ดูแลความงามขณะหลับ...

ดูแลความงามขณะหลับ...


เปิดอ่าน 6,437 ครั้ง
ฝึกประสบการณ์ฯ

ฝึกประสบการณ์ฯ


เปิดอ่าน 6,437 ครั้ง
13 คือเลขอาถรรพ์

13 คือเลขอาถรรพ์


เปิดอ่าน 6,440 ครั้ง
คุรุ....

คุรุ....


เปิดอ่าน 6,439 ครั้ง
เผยเคล็ดลับ.....คนอายุยืน

เผยเคล็ดลับ.....คนอายุยืน


เปิดอ่าน 6,438 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

กิจกรรม

กิจกรรม

เปิดอ่าน 6,448 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
9 คาถา..อย่าสติแตก..!!
9 คาถา..อย่าสติแตก..!!
เปิดอ่าน 6,440 ☕ คลิกอ่านเลย

คลิปขับเสภาถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ....โดยครูแจ้ง คล้ายสีทอง
คลิปขับเสภาถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ....โดยครูแจ้ง คล้ายสีทอง
เปิดอ่าน 6,511 ☕ คลิกอ่านเลย

...ความรู้ทั่วไป..ลดอันตรายต่อชีวิต..
...ความรู้ทั่วไป..ลดอันตรายต่อชีวิต..
เปิดอ่าน 6,435 ☕ คลิกอ่านเลย

เผยแพร่ผลงานวิชาการ
เผยแพร่ผลงานวิชาการ
เปิดอ่าน 6,430 ☕ คลิกอ่านเลย

มิจฉาชีพแบบใหม่ ......ช๊อปปิ้งแล้วอย่าทิ้งใบเสร็จไว้ในถุง
มิจฉาชีพแบบใหม่ ......ช๊อปปิ้งแล้วอย่าทิ้งใบเสร็จไว้ในถุง
เปิดอ่าน 6,453 ☕ คลิกอ่านเลย

 "รถที่เร็วที่สุดในโลก" ครับ
"รถที่เร็วที่สุดในโลก" ครับ
เปิดอ่าน 6,440 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

หมอเตือนเชื้อปนเปื้อน"ข้าวมันไก่"ถึงตาย ระบุ ทั้งเนื้อไก่และเลือดไก่บูดเน่าได้ง่าย
หมอเตือนเชื้อปนเปื้อน"ข้าวมันไก่"ถึงตาย ระบุ ทั้งเนื้อไก่และเลือดไก่บูดเน่าได้ง่าย
เปิดอ่าน 14,224 ครั้ง

เรื่องของกราฟ
เรื่องของกราฟ
เปิดอ่าน 19,556 ครั้ง

กล้วยตอนเช้า คุณประโยชน์เต็มเปี่ยม
กล้วยตอนเช้า คุณประโยชน์เต็มเปี่ยม
เปิดอ่าน 29,172 ครั้ง

HRD & E-Learning
HRD & E-Learning
เปิดอ่าน 17,645 ครั้ง

สูตรดีท็อกซ์ทำเองได้! ง่าย ๆ แค่ 7 วัน
สูตรดีท็อกซ์ทำเองได้! ง่าย ๆ แค่ 7 วัน
เปิดอ่าน 15,454 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ