ขากางเกงกับมะเร็งปากมดลูก.....
ไม่ใช่เรื่องน่าอาย...หรือน่าเกลียด หากแต่ว่าเป็นเรื่องของสุขภาพภายในที่คุณอาจจะมองข้ามและยังไม่ทันสังเกตตัวเอง เมื่อรู้ตัวก็สายเสียแล้ว นับว่าเป็นภัยใกล้ตัวของคุณผู้หญิง พึงตระหนักไว้ให้ดี......
ท่านทราบไหมว่า? ผู้หญิงไทยป่วยและเสียชีวิตด้วยมะเร็งชนิดใดมากที่สุด ?จากสถิติทางการแพทย์ระบุไว้ว่า โรคมะเร็งที่ผู้หญิงไทยเป็นมากที่สุดคือ มะเร็งปากมดลูก ในเวลา 24 ชั่วโมง ผู้หญิงไทยไปเสียชีวิตด้วยมะเร็งปากมดลูกถึง 9 คน ในแต่ละปีจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ 2.7 แสนคน ในปี 2545 มีการสำรวจ พบว่า ...มีผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ 5 แสนคนทั่วโลก สำหรับในไทยมีถึง 6,000 ราย นายแพทย์ฉันทวัฒน์ เชนะกุล เล่าไว้ในเดลินิวส์ว่า ต้นเหตุของมะเร็งปากมดลูก พบว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เกิดจากไวรัสตัวหนึ่งที่ชื่อว่า “ เอชพีวี ” (Human Papilloma Virus) นอกจากนี้ไวรัสตัวนี้ยังก่อให้เกิดโรคติดเชื้อสารพัดทั้งในคนและสัตว์ เช่น หูดตามผิวหนัง หูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ หรือแม้แต่ก้อนติ่งเนื้อในหลอดเส้นเสียง ฯลฯ “ เซลล์ปากมดลูกของผู้หญิง ” จะมีการแบ่งตัวตลอดเวลา พอไวรัสตัวนี้เข้าไปปุ๊บ ก็ไปทำให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ที่ผิดปกติขึ้น ซึ่งการแบ่งตัวของเซลล์ที่ผิดปกติจะพัฒนาไปเป็นมะเร็งได้ นายแพทย์วิสิทธิ์ สุภัครพงษ์กุล สูตินรีแพทย์ จากโรงพยาบาลราชวิถี ให้สัมภาษณ์ไว้ในกรุงเทพธุรกิจว่า เชื้อไวรัส เอชพีวีพบได้ในที่ทั่ว ๆ ไป สามารถติดต่อได้ง่าย ๆ และติดเชื้อได้ซ้ำๆ หลายๆ ครั้ง เชื้อนี้อาจ ! จะหายได้เองภายใน 3 ปี แต่ถ้าติดเชื้อแบบเรื้อรังจนอาจฝังตัวอยู่ในเซลล์ของปากมดลูก ก็จะพัฒนาไปสู่การเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ ผู้หญิงหลายคนเข้าใจว่า ... โรคมะเร็งปากมดลูกจะติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์เท่านั้น หรือบางคนก็เข้าใจว่าเกิดจากกรรมพันธุ์ หลายคนดูพ่อแม่พี่น้องตัวเองไม่มีใครเป็น จึงทำให้ผู้หญิงขาดการระมัดระวังตัว ตอนนี้จึงต้องมาทำความเข้าใจกับผู้หญิงให้ถูกต้อง ว่า ... มะเร็งปากมดลูก นอกจากการมีเพศสัมพันธ์แล้ว แม้ไม่มีการสอดใส่ เพียงแค่สัมผัสของผิวหนังที่บริเวณอวัยวะเพศ ก็สามารถติดเชื้อได้แล้ว นายแพทย์วิสิทธิ์ ได้ยกตัวอย่างเรื่องขากางเกงของผู้หญิงที่ชอบใส่ยาวๆ ลากพื้น หากเข้าห้องน้ำหรือส้วมสาธารณะขากางเกงนั้นอาจจะลากเอา เชื้อ “ เอชพีวี ”ติดมากับขากางเกงด้วย และหากเอามือไปจับต้องขากางเกง แล้วนำไปจับผ้าเช็ดตัว กางเกงชั้นใน หรือสิ่งอื่นๆ ที่ต้องไปสัมผัสกับอวัยวะเพศ ก็เสี่ยง ! ที่จะติดเชื้อเอชพีวีได้ เมื่อคุณหมอออกมาเตือนกันเช่นนี้ ผู้หญิงจึงจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวในการเข้าห้องน้ำห้องส้วมเพิ่มมากขึ้น
- เริ่มตั้งแต่สำรวจความสะอาดของส้วมก่อนว่าเป็นเช่นไร ? สะอาดไหม ? พื้นแห้งไหม
- หากส้วมไหนสกปรก เปียกชื้นก็ต้องระมัดระวังให้ดี ไม่จำเป็นก็ไม่ควรเข้า
- แต่หากสุดจะทนก่อนเข้าก็ต้องพับขากางเกงให้เรียบร้อยก่อนเข้าเพื่อป้องกันไม่ให้เปียกชื้น
- ราดน้ำให้สะอาดก่อนนั่งส้วมทุกครั้งหากเป็นโถชักโครกก็ควรจะใช้กระดาษทิชชูเช็ดฐานที่นั่งให้แห้งก่อนนั่ง
-เมื่อเสร็จกิจก่อนจะล้างอวัยวะเพศหรือก้นควรล้างมือด้วยน้ำสะอาดก่อนแล้วจึงล้างอวัยวะเพศด้วยน้ำสบู่ หากในห้องน้ำนั้นมีพร้อมแต่ถ้าไม่มีก็ควรล้างน้ำเปล่าหลายๆ ครั้งจนแน่ใจว่าสะอาด
- ใช้กระดาษซับอวัยวะให้แห้งก่อนใส่กางเกงใน
- ก่อนละจากส้วมต้องไม่ลืมราดน้าให้สะอาด ปราศจากกลิ่น สี และมูลของเราเพื่อแสดงความรับผิดชอบที่ดีต่อสังคมและเป็นการเอื้ออาทรให้คนอื่นได้ใช้ด้วย
- เปิดประตูออกจากส้วมมาแล้วก็ยังต้องไม่ลืมล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดอีกครั้ง ต้องไม่ลืมล้างลูกบิดก๊อกน้ำก่อนล้างมือทุกครั้งนะเพราะที่ตรงนั้นเต็มไปด้วยเชื้อโรค
- หลังล้างมือเสร็จควรเช็ดมือให้แห้งด้วยทิชชู หรือผ้าเช็ดหน้า ไม่ควรสัมผัสอะไรอีก แต่ถ้าต้องสัมผัสลูกบิดประตูอีกครั้งขอแนะนำว่า ใช้กระดาษทิชชูเป็นตัวช่วยในการเปิดลูกบิด มือเราจะได้ไม่ต้องกลับไปสัมผัสเชื้อโรคอีก
- อีกอย่างที่อยากจะฝากแม้ไม่ใช่ห้องน้ำสาธารณะที่บ้านเราเองก็ควรจะมีพฤติกรรมอย่างที่แนะนำมาข้างต้น โดยเฉพาะพื้นห้องน้ำห้องส้วมควรเช็ดให้แห้งอย่าให้เปียกชื้น เพราะนอกจากช่วยป้องกันโรคแล้ว ยังช่วยป้องกันอุบัติเหตุด้วย ดูแล้วเหมือนเป็นเรื่องยาก แต่หากคุณผู้หญิงทำให้เป็นนิสัย ทำสะอาดให้ดีเป็นประจำ ล้างมือทุกครั้ง ใส่ใจเพียงนิดเดียวมะเร็งร้ายก็ห่างไกลแล้วล่ะ
ขอบคุณที่มาข้อมูล