“พิษณุ” เผยสกสค.ส่งหนังสือถึงธนาคารออมสิน ขอให้ยกเลิกเอ็มโอยูและยุติการหักเงินของกองทุนสนับสนุนพิเศษฯ เผยปัจจุบันครูมีหนี้ค้างชำระเกิน 3 งวดกว่า 8หมื่นราย
ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ซึ่งมี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน ให้ยกเลิกบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยู สัญญาและหนังสือยินยอมที่เลขาธิการสกสค. ชุดก่อนได้ลงนามไว้ทั้งหมด พร้อมทั้งให้ ยุติการหักเงินสนับสนุนพิเศษจากโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. และคืนเงินสนับสนุนที่ได้หักไปแล้วแก่ สำนักงาน สกสค. ตามหนังสือที่เคยมีการแจ้งไปก่อนหน้านี้ นั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เรื่องการหักเงิน จากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ แจ้งให้ธนาคารออมสิน รับทราบมติที่ประชุมคณะกรรมการ สกสค. ให้ยกเลิกเอ็มโอยู สัญญาและหนังสือยินยอมที่เลขาธิการสกสค. ชุดก่อนได้ลงนามไว้ทั้งหมด พร้อมทั้งให้ ยุติการหักเงินสนับสนุนพิเศษจากโครงการสวัสดิการเงินกู้ช.พ.ค. และคืนเงินสนับสนุนที่ได้หักไปแล้วแก่ สำนักงานสกสค. ตามหนังสือที่เคยมีการแจ้งไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ หากธนาคารออมสินยังไม่ยุติการหักเงินดังกล่าว ตนจะต้องนำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการสกสค. เพื่อขอส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด พิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นระหว่างหน่วยงานของรัฐกับหน่วยงานของรัฐ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาได้มีการหารือกับทางธนาคารออมสินและทางธนาคารออมสิน ยืนยันว่าจะยังหักเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนฯ พิเศษต่อไป โดยอ้างว่า ทำตามเอ็มโอยูเดิม ซึ่งไม่เป็นไปตามมติ ที่ได้ตกลงกันในการประชุมร่วมเมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่มี รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน ที่ให้ยกเลิกเอ็มโอยูเดิม และยกร่างเอ็มโอยูฉบับใหม่ขึ้น และโดยหลักการแล้ว หากมีการประชุมร่วมกัน แต่ละหน่วยงานต้องทำบันทึกข้อตกลงต่อท้ายไว้เป็นหลักฐาน เพื่อยืนยันความเปลี่ยนแปลง ตรงนี้ตนเองก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมธนาคารออมสินจึงไม่ดำเนินการ
“นับตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน สกสค.ได้รับเงินสนับสนุนจากธนาคารออมสิน เข้ากองทุนเงินสนับสนุนฯ รวม 12 ปี มีผู้กู้ที่ค้างชำระ 3 งวดขึ้นไป จำนวน 84,127 ราย เป็นเงินรวมประมาณ 19,365 ล้านบาท ทางธนาคาร ได้หักเงินจากบัญชี เงินสนับสนุนหนี้ค้างชำระของผู้กู้ช.พ.ค.และช.พ.ส. ที่ค้างชำระ 3 งวด นับถึงเดือนเมษายน 2560 ไปแล้วประมาณ 10,468ล้านบาท ยังคงเหลือเงินสนับสนุนที่ได้รับมา 8,897 ล้านบาท และจนถึงขณะนี้ ธนาคารออมสิน ก็ยังคงหักเงิน จากบัญชีเงินสนับสนุนอยู่ เป็นเงินประมาณ เดือนละ 200 กว่าล้านบาท ทางสกสค.ยืนยันว่า จะต้องนำเงินดังกล่าวกลับคืนมา และขอทำความเข้าใจกับเพื่อนครูว่า เงินจากกองทุนเงินสนับสนุนฯ ไม่ใช่เงินช.พ.ค. และช.พ.ส. ที่หักจากครูที่กู้ แต่เป็นเงินที่ได้ตามข้อตกลงที่สำนักงานสกสค.ทำไว้กับธนาคารออมสิน เพื่อพัฒนากิจการสกสค. และมีวัตถุประสงค์เพื่อนนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตครู”ดร.พิษณุ กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 21 มิถุนายน 2560