ข้องใจผลสอบวินัย 2 ข้าราชการ สอศ.กรณีจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวะไม่คืบ หลังกรรมการสอบสวนวินัยสรุปผลว่า ผิดวินัยรายแรง ส่งถึง“ชัยพฤกษ์”ร่วม 2 เดือนแล้ว
ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้สรุปสำนวนกรณีโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา ภายใต้โครงการแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 : ไทยเข้มแข็ง 2555 หรือ เอสพี 2 ของ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)ในวงเงินงบประมาณกว่า 5,300 ล้านบาท โดยกล่าวหานายเจี่ยง วงศ์สวัสดิ์สุริยะ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) และ นายบำรุง อร่ามเรือง อดีต ผอ.วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้ว ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ทำให้ สอศ.ได้รับความเสียหาย และ ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัย ข้าราชการทั้ง 2 ราย โดยมี นายประชาคม จันทรชิต ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรม สอศ. เป็นประธาน นั้น
วันนี้ (24ก.ย.)นายประชาคม เปิดเผยว่า คณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ได้สรุปสำนวนและเสนอความเห็นไปยังเลขาธิการ กอศ.ไปตั้งแต่เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไปอยู่ที่การพิจารณาของ เลขาธิการ กอศ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ได้สรุปชี้ฐานความผิด นายเจี่ยงและนายบำรุง ว่า ผิดวินัยร้ายแรง โดยเสนอให้ดร.ชัยพฤกษ์ ฐานะผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุแต่งตั้งบุคคลทั้ง 2 ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม จนขณะนี้เวลาได้ล่วงเลยมากว่า 2 เดือนแล้ว แต่ ดร.ชัยพฤกษ์ก็ยังไม่มีการพิจารณา และส่งเรื่องให้ คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน(อ.ก.พ.) สอศ.ทำหน้าที่ อ.ก.พ.กระทรวงพิจารณาเลย จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการยื้อหรือประวิงเวลาเพื่อให้นายเจี่ยงเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ก่อนก็ได้
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย ได้ระบุโทษข้าราชการที่กระทำผิดวินัยร้ายแรงให้ลงโทษปลดออกหรือไล่ออกตามความร้ายแรงแห่งกรณี แต่หากมีเหตุอันควรลดหย่อนก็สามารถนำมาประกอบการพิจารณาลดโทษได้ แต่ห้ามมิให้ลดโทษต่ำกว่าปลดออก “
ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 24 กันยายน 2558