ผู้จัดการ กยศ. เผยเหตุตามหนี้คืนไม่ได้ เพราะไม่รู้ข้อมูลสถานที่ทำงานปัจจุบันของผู้กู้ เล็งดันร่างกฎหมายกองทุนเพื่อการศึกษา เข้าครม. หวังให้หน่วยงาน และผู้กู้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว พร้อมยันปี 61 ส่งรายชื่อผู้กู้ค้างชำระเข้าเครดิตบูโรแน่นอน
ตามที่กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) ใช้มาตรการยึดทรัพย์ผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้ โดยกรมบังคับคดีประเดิมยึดทรัพย์ไปแล้วเกือบ 800 ราย และเตรียมดำเนินการอีกกว่า 4,000 ราย พร้อมทั้งเตรียมร่วมมือกับ หน่วยงานราชการ และสถานประกอบการต่างๆ หักเงินเดือนบุคลากรที่เป็นผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้เงินกู้ กยศ. และกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) นั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (18 ก.ย.) น.ส.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า ปัญหาใหญ่ที่ กยศ. ไม่สามารถติดตามหนี้เงินกู้ยืมจากผู้ค้างชำระคืนได้ เพราะเราไม่ทราบว่าผู้กู้ยืมที่เรียนจบแล้ว ไปทำงานที่ไหน รวมทั้งไม่ทราบที่อยู่ปัจจุบัน เพราะบางคนเปลี่ยนที่อยู่แต่ไม่มีการแจ้งกลับมายัง กยศ. ดังนั้นการแก้ไขปัญหานี้ในระยะยาวจึงได้มีการจัดทำร่าง พ.ร.บ.กองทุนเพื่อการศึกษาขึ้น โดยเนื้อหาสาระในร่างกฎหมายฉบับนี้จะมีความสำคัญมาก เพราะกำหนดให้หน่วยงานสามารถเปิดเผยข้อมูลบุคคลได้ รวมถึงผู้กู้ยืมก็ต้องเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะทำให้ กยศ.สามารถไปขอข้อมูลบุคคลกับหน่วยงานใดก็ได้ ซึ่งขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา
ผู้จัดการกยศ. กล่าวต่อไปว่า กยศ.จะหาโปรโมชั่นใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นการชำระหนี้คืนให้มากขึ้น และในปี 2561 ยังยืนยันว่าจะนำรายชื่อผู้ค้างชำระตั้งแต่ปี 2539 จนถึงปัจจุบันเข้าสู่ระบบข้อมูลเครดิตบูโรแน่นอน เพราะทุกวันนี้หลายคนยังคิดอยู่ว่าไม่จ่ายหนี้คืนก็ไม่เห็นเป็นไร ดังนั้น เราจึงต้องมีมาตรการที่เข้มข้น และเอาจริงเอาจังมากขึ้น และตั้งแต่ปีการศึกษา 2559 เป็นต้นไป หลักเกณฑ์การคัดกรองผู้กู้ยืม กยศ. ก็จะเข้มงวดมากขึ้นด้วย โดยผู้ที่จะมีสิทธิ์กู้ยืมนั้น ไม่ว่าจะเป็น ผู้กู้รายเก่า หรือรายใหม่ ต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 2.00 และทำกิจกรรมจิตอาสา ไม่น้อยกว่า 36 ชั่วโมงต่อปี อีกทั้งต้องศึกษาอยู่ในสถานศึกษาที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.)และในระดับปริญญาตรี นิสิต นักศึกษา ต้องเรียนในหลักสูตรที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) รับทราบแล้ว จึงฝากเตือนไปยังนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่จะกู้ยืมเงินในปีการศึกษา 2559 ว่า ให้ทุกคนตั้งใจเรียน เพราะหากคุณสมบัติไม่ครบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ก็จะหมดสิทธิ์กู้ยืมได้
ด้าน รศ.ดร.พินิติ รตะนานุกูล เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนมีนโยบายชัดเจนว่าบุคลากรในสังกัดสกอ. ที่กู้ยืมเงิน กยศ. จะต้องชำระหนี้คืนให้หมด เพราะ สกอ.เป็นหน่วยงานที่บริหารเงิน กยศ. ถ้าคนใน สกอ.กู้เงินกยศ. แล้วไม่ชำระหนี้คืนก็ถือว่าผิด ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบพบว่า บุคลากรที่กู้ยืมเงินทุกคนไม่มีใครค้างชำระหนี้ และมีการจ่ายเงินคืนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น สกอ.จะไม่ดำเนินการหักเงินเดือนบุคลากรในสังกัด อย่างไรก็ตามในส่วนของมหาวิทยาลัยนั้น ตนมั่นใจว่าทุกสถาบันต้องมีการกระตุ้นให้นิสิต นักศึกษา และศิษย์เก่าชำระหนี้คืนอยู่แล้ว เพราะ กยศ. กำหนดเกณฑ์ไว้ว่า ถ้ามหาวิทยาลัยใดมีสัดส่วนการไม่ชำระหนี้คืนสูง ทาง กยศ. ก็จะปล่อยเงินกู้ยืมให้มหาวิทยาลัยแห่งนั้นลดน้อยลง ก็จะส่งผลให้จำนวนผู้กู้ยืมลดน้อยลงด้วย.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 18 กันยายน 2558