Advertisement
|
|
นิรุตติ์ ศิริจรรยา
นิรุตติ์ เข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการชักชวนของเทิ่ง สติเฟื่อง สู่วงการแสดงละครทีวี โดยละครเรื่องแรก คือ แสงสูรย์ รับบทพระรอง โดยมีภิญโญ ทองเจือ เป็นพระเอก คู่กับ อภันตรี ประยุทธเสนี อดีตนางสาวไทย ออกฉายทางทีวีช่อง 7 ขาว – ดำ เริ่มรับบทพระเอกละครเรื่องแรกคือ แค่ขอบฟ้า ของศรีไทยการละคร แสดงคู่กับผาณิต กันตามระ เรื่องนี้ออกอากาศทางช่อง 3 ผลงานเรื่องต่อมาก็คือ กุลปราโมทย์ ออกอากาศทางช่อง 7 สี เรื่อง เพลงชีวิต แสดงคู่กับชัชฎาภรณ์ รักษนาเวศ เรื่อง ทองประกายแสด แสดงคู่กับรัชนี จันทรังษี และผลงานละครที่สร้างชื่อเสียงและเป็นที่ติดตราตรึงใจมากที่สุด คือ บทของจะเด็ด จากเรื่อง ผู้ชนะสิบทิศ ทางช่อง 4 บางขุนพรหม จากนั้นได้มีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกคือ ดาร์บี้ นับแต่นั้นนิรุตติ์ก็มีผลงานการแสดงออกมาอย่างต่อเนื่อง ผลงานภาพยนตร์ส่วนใหญ่มักจะเป็นบทพระรอง อย่างเรื่อง ผยอง, เสาร์ห้า, คู่กรรม, ผู้กองยอดรัก และยอดรักผู้กอง, น้ำผึ้งขม, ขุนแผน ฯลฯ
ทางด้านชีวิตส่วนตัวเคยครองคู่อยู่กับ โขมพัฒน์ อรรถยา ก่อนเลิกรากัน และต่อมาได้สมรสกับ อรวรรณ ศิริจรรยา อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กระทั่งภรรยาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2540 จึงเดินทางไปอยู่ที่ซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา นาน 5 ปีก่อนจะกลับสู่ประเทศไทยและกลับมาแสดงทีวีอีกครั้งด้วยละครเรื่องแรก สุภาพบุรุษ..ลูกผู้ชาย จากการชักชวนของ ศรัณยู-หัทยา วงษ์กระจ่าง และภาพยนตร์คือ ทวิภพ ส่วนงานละครและภาพยนตร์มีตามมาอีกหลายเรื่อง มหาอุตม์, โอปปาติก, ซุ้มมือปืน, ทับตะวัน, สี่แผ่นดิน, ตามรอยพ่อ, สุดรัก สุดดวงใจ เป็นต้น
|
|
ทูน หิรัญทรัพย์
เริ่มเข้าสู่วงการเมื่อ พ.ศ. 2523 หลังจากกลับมาจากต่างประเทศใหม่ๆ แสดงภาพยนตร์เรื่องแรก ในบทสมทบจากเรื่อง อารมณ์ และเรื่องที่สอง แก้ว ของเปี๊ยก โปสเตอร์ รับบทชายตาบอด คู่กับลินดา ค้าธัญเจริญ โดยชื่อในการแสดง เปี๊ยก โปสเตอร์ เป็นผู้ตั้งให้ ทูนเริ่มมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่องที่สาม แก้วตาพี่ เล่นเป็นชายตาบอดเช่นเดียวกับเรื่อง แก้ว คู่กับ เนาวรัตน์ ยุกตะนันทน์ และมีผลงานมากขึ้น มีผลงานแสดงคู่กับจารุณี สุขสวัสดิ์ เป็นจำนวนมาก จนนับเป็นดาราคู่ขวัญ ในปี พ.ศ. 2527 ทูนมีผลงานร้องเพลงเป็นครั้งแรก อัลบั้ม "ผู้ชายเฉิ่มเฉิ่ม" กับค่ายโรต้า อำนวยการผลิตโดย เรวัต พุทธินันทน์, ปรัชญ์ สุวรรณศร และนิติพงษ์ ห่อนาค และมีอัลบั้มที่สอง ปี พ.ศ. 2535 "ทูน 100%" กับค่าย เอส.พี.ศุภมิตร
ปัจจุบัน ทูน หิรัญทรัพย์ รับงานแสดงน้อยลง หันมาเป็นผู้ผลิตรายการเด็กป้อนสถานีโทรทัศน์ ก่อตั้งบริษัทผลิตงานบันเทิง และฝึกสอนการแสดง ชื่อ สถาบันศิลปะภาพยนตร์และบันเทิง (Film and Broadcasting Institute ชื่อย่อ FBI) และทำงานด้านสังคมร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ และรณรงค์การปลูกป่า ผลงานแสดงเรื่องล่าสุด คือเรื่อง พันธุ์ร็อกหน้าย่น (2546) และ คำพิพากษาของมหาสมุทร (2549) กำกับโดยเป็นเอก รัตนเรือง
|
|
เกรียงไกร อุณหนันท์
เข้าสู่วงการประมาณกลางปี 2524 โดย รุจน์ รณภพ นำมาเล่นบทคุณชายพจน์ ในหนังเรื่อง"ปริศนา" คู่นางเอกอันดับ 1 จารุณี สุขสวัสดิ์ หนังออกฉายต้นปี 2525 ทำเงินมากมายเหมือนกับผลงานหลายเรื่องหลังที่ผ่านมาของรุจน์ที่ผูกขาดนางเอกกับจารุณีมาตั้งแต่เรื่อง บ้านทรายทอง ปี 2522 เกรียงไกร กลายเป็นดาราคู่ขวัญกลายๆอีกคู่ของจารุณี นอกจาก สรพงษ์-ทูน แล้ว(ช่วงปี 25-27) แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหนังในค่ายไฟว์สตาร์ โด่งดังคู่กันตลอด 2 - 3 ปี พอปี 2528 เกรียงไกรเริ่มอิ่มตัวในสังกัด เพราะค่ายไฟว์สตาร์ มีดาวรุ่งมาแรงอย่าง อำพล ลำพูน มาแทน ซึ่งกำลังท็อปฮิตทั้งหนังทั้งเพลง(วงไมโคร) ไฟว์สตาร์เขาจะมีพระเอกประจำค่ายไม่ต้องง้อคิวพระเอกใหญ่ๆคิวทอง เริ่มตั้งแต่ จตุพล มาเกรียงไกร มาอำพล มาสันติสุข,ชัยรัตน์ จิตธรรม ฯลฯ เกรียงไกร เริ่มรับบทรองในหนังเรื่อง"เมียแต่ง" โดยบทพระเอกไปอยู่กับแซม ยุรนันท์ พระเอกดาวรุ่งพุ่งแรงอีกคน(มีเกือบสิบคน) นางเอกคือ จินตหรา ปี 2529 -2530 เป็นต้นไป
เกรียงไกร ก็ตกลงมาเป็นพระรอง,ตัวรอง,ตัวร้าย เล่นหนังบู๊น้อยมาก เท่าที่นึกออกปี 2526 เรื่อง"กตัญญูประกาศิต"(เรื่องนี้เนื้อเรื่องจริงๆ พระเอกคือ ฉัตรชัย โจวเหวินฟะ เป็นตัวประกบ ส่วนเกรียงไกร เป็นตัวรอง) ปี 2530 เล่นหนังบู๊เรื่อง "พยัคฆ์สวาท 60 " สรพงษ์-นาถยา เป็นพระเอก-นางเอก เกรียงไกร เป็นผู้ร้าย
|
|
ไพโรจน์ สังวริบุตร
เข้าวงการครั้งแรกโดยการเล่นหนังทีวี เมื่อตอนยังหนุ่มอายุได้ 20 เรื่อง “ โกมินทร์ กุมาร ” โดยเล่นเป็นยอดตัวเอกของเรื่องคือเป็น โกมินทร์ กุมาร ตอนโตซะด้วย แต่ผลงานที่สร้างชื่อเสียง ซึ่งนับว่าเป็นผลงานที่สองในวงการบันเทิง จนรู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง ต้องยกให้กับภาพยนตร์เรื่อง “ วัยอลวน ” เมื่อวัย 21 ปี งานนี้เรียกว่าชื่อของ “ เอ๋ ไพโรจน์ ” ในบท “ ตั้ม ” ก็ตกเป็นขวัญใจสาวๆไปแบบเต็มๆ
หลังจากนั้นก็มีผลงานโชว์ความหล่อ เท่ห์ และความสามารถด้านการแสดงตามออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ภาพยนตร์เรื่อง คู่รัก , หงส์ทอง , สุภาพบุรุษทรนง ,ช่างร้ายเหลือ ฯลฯ
ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างภาพยนตร์ของตัวเองออกมา ประ- มาณ 11-12 เรื่องด้วยกัน ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด(กับงานวงการบันเทิง) คือ คนละวัยอลวน เล่นคู่กับ นิออน อิศรา
|
|
สันติสุข พรหมศิริ
เข้าสู่วงการบันเทิงได้ด้วยการเป็นประธานชมรมการแสดงขณะเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้มีโอกาสแสดงภาพยนตร์และละครเวทีอยู่ 3 - 4 เรื่อง จนได้รับรางวัลตุ๊กตาเงินดาราดาวรุ่งยอดเยี่ยม แต่ไม่ประสบความสำเร็จในด้านชื่อเสียงเท่าไหร่นัก จนกระทั่งได้มาแสดงภาพยนตร์เรื่อง " บุญชูผู้น่ารัก " ในปี พ.ศ. 2531 คู่กับจินตหรา สุขพัฒน์ ภายใต้การกำกับของบัณฑิต ฤทธิ์ถกล ด้วยบทของ บุญชู เด็กหนุ่มใสซื่อจากสุพรรณบุรีที่เข้ากรุง ฯ มาเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ก็ทำให้สันติสุขได้แจ้งเกิดในวงการบันเทิงทันที โดยเป็นดาราคู่ขวัญกับจินตรา สุขพัฒน์ ซึ่งต่อมาทั้งคู่ได้ร่วมแสดงกันอีกหลายต่อหลายเรื่องทั้งภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ และกล่าวกันว่า สันติสุข เป็นดาราคู่บารมีของผู้กำกับบัณฑิต ฤทธิ์ถกล และจากความสำเร็จของบุญชู ผู้น่ารัก ทำให้มีภาคต่อของภาพยนตร์ชุดนี้ต่อมาอีก 5 ภาค โดยในภาคสุดท้ายใช้ชื่อว่า บุญชูรักเธอเสมอ ในปี พ.ศ. 2538
แต่ผลงานทางด้านละครโทรทัศน์ กล่าวกันว่า ไม่ประสบความสำเร็จเท่าภาพยนตร์ จนกระทั่งได้มารับบท จะเด็ด ในเรื่อง " ผู้ชนะสิบทิศ " ทางช่อง 3 ในปี พ.ศ. 2532 จากนั้นในปี พ.ศ. 2538 สันติสุขได้พลิกบทบาทมารับบทร้ายเป็นครั้งแรกจากละครเรื่อง " เลือดเข้าตา " ทางช่อง 5 ด้วยการรับบท สารวัตรก้อนเส้า ประกบคู่กับจักรกฤษณ์ อำมะรัตน์
|
|
ฉัตรชัย เปล่งพานิช
ฉัตรชัย เข้าสู่วงการบันเทิงครั้งแรก จากการชักชวนของเพิ่มพล เชยอรุณ โดยแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง " ระย้า " ในปี พ.ศ. 2524 และก็มีผลงานออกมาเรื่อย ๆ แต่ละครที่ส่งให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักโดยทั่ว คือ " ตี๋ใหญ่ " ในปี พ.ศ. 2528 ผลงานละครที่เด่น ๆ เช่น " สารวัตรเถื่อน ", " แต่ปางก่อน ", " ปริศนา " ในปี พ.ศ. 2530 " สี่แผ่นดิน " ในปี พ.ศ. 2534 เป็นต้น ดาราคู่ขวัญในการแสดงละครคือ จินตหรา สุขพัฒน์
|
|
ลิขิต เอกมงคล
เข้าวงการแสดงโดยเป็นหนุ่มแพรว ประจำปี 2527 เริ่มอาชีพจากการเป็นนายแบบ จากนั้นคิด สุวรรณศร ชักชวนมาเล่นภาพยนตร์เรื่องแรกคือ "ปล.ผมรักคุณ" คู่ อรพรรณ พานทอง เมื่อปลายปี 2526 หลังจากนั้นก็ได้เล่นหนังมาเรื่อยๆ ในเครือสหมงคลฟิล์ม เช่น เพลิงพิศวาส,ฉันผู้ชาย(นะยะ)ฯ ต่อมาก็เริ่มซาลง รับบทรองหลายเรื่องเช่น สะใภ้(พระรอง),ฟ้าสีทอง(ผู้ร้าย)
ช่วงที่พอมีเวลาว่างบ้างก็หันไปเล่นการเมือง เป็น สจ.อ่างทอง พอปี 2529-30 หันไปเล่นละครเรื่องแรกคือ"จำเลยรัก" คู่กับสาวิตรี สามิภักดิ์ เป็นละครที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ปลายปี 2530 ได้รับตุ๊กตาทองดารานำชายจากเรื่อง"ครั้งเดียวก็เกินพอ" จึงหันกลับมาเล่นละครและหนัง ผลงานละครอย่างเช่น ร้ายก็รัก(คู่พิม มาช่า),เชลยศักดิ์(พบจินตหราครั้งแรกและครั้งเดียว) ส่วนใหญ่เป็นละครของช่อง 7 ไปเล่นให้ช่องอื่น ก็มีเรื่อง ท่าฉลอม ของวิทยา สุขดำรงค์(ช่อง 11) และยังมีอีกหลายเรื่องเช่น นางทาส,สารวัตรใหญ่(กันตนา) ทางด้านผลงานภาพยนตร์เช่น ช่างมันฉันไม่แคร์,ฉันรักผัวเขา,อุบัติโหด,หัวใจห้องที่ 5,แม่เบี้ย
นอกจากนี้ได้รับตุ๊กตาทองดารานำชายเป็นตัวที่ 2 จากเรื่อง "ขยี้" ปลายปี พ.ศ. 2534 โดยรับร่วมกับสามารถ พยัคฆ์อรุณ เป็นครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ที่ดารานำชายมี 2 คนและจากเรื่องเดียวกันและหนังเรื่องนี้ก็ยังไม่เคยเข้าฉายในโรง ในช่วงที่ภาพยนตร์ไทยเริ่มซบเซา จึงหันมาเล่นหนังบู๊ภูธรเกรดบี ต่อมาบทบาททางการการแสดงก็ยุติลงไปเนื่องจากมีปัญหาเรื่องตา และประกาศออกมาว่าจะไม่ออกรายการทีวีไหน ละครล่าสุดเมื่อหลายปีก่อน ก็เห็นมีเรื่อง กิ่งไผ่,เพชรตัดเพชร,ชาติมังกร,ขุมทรัพย์แม่น้ำแคว,นางฟ้าอีดิน เพลิงอารมณ์ มายาเพชฌฆาต แม่นาคคืนชีพ แม่เบี้ย
|
|
อำพล ลำพูน
อำพล ลำพูนเข้าวงการโดยเป็นนักแสดงในสังกัดของ ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น โดยการชักชวนของผู้กำกับชื่อดัง เปี๊ยก โปสเตอร์ ภาพยนตร์เรื่อง วัยระเริง เมื่อปี พ.ศ. 2527 คู่กับวรรษมน วัฒวโรดม ต่อมาในปีเดียวกันอำพล ลำพูน ก็ได้รับบทน้ำพุ ในภาพยนตร์เรื่อง น้ำพุ คู่กับนางเอกคนเดิม และได้แสดงร่วมกับเรวัต พุทธินันทน์และภัทราวดี มีชูธน กำกับโดย ยุทธนา มุกดาสนิทและภาพยนตร์เรื่องนี้อำพลได้รางวัลตุ๊กตาทอง สาขาดารานำชายยอดเยี่ยม และรางวัลสุพรรณหงส์จากการประกวด ภาพยนตร์เอเชีย-แปซิฟิคจาก ภาพยนตร์เรื่องน้ำพุ ในปี 2527
ภาพยนตร์เรื่องที่สาม ข้างหลังภาพ จากบทประพันธ์ของศรีบูรพา กำกับโดยเปี๊ยก โปสเตอร์ นางเอก คือ นาถตยา แดงบุหงา นอกจากนี้อำพล ลำพูนยังแสดงภาพยนตร์เรื่อง ต้องปล้น , พันธุ์หมาบ้า , ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม , คู่ชื่นวัยหวาน , สองพี่น้อง , หัวใจเดียวกัน , แรงเงา , ไฟริษยา , ดีแตก , รู้แล้วหน่าว่ารัก ฯลฯ โดยส่วนใหญ่จะเล่นคู่กับพระเอกรุ่นเดียวกัน คือ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง นอกจากนี้ยังเล่นกับจินตหรา สุขพัฒน์หลายเรื่องด้วย
|
ขอขอบคุณข้อมูลhttp://www.mono2u.com/review/content/dara/
|
บิลลี่ โอแกน
บิลลี่ โอแกน เข้าสู่วงการบันเทิงโดยใช้ชื่อในการแสดงว่า “จิตต์ จิตนุกูล” เริ่มต้นจากการเป็นนายแบบ ถ่ายโฆษณา และตัวประกอบในภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องในปี พ.ศ. 2528 บิลลี่ได้รับบทนำในภาพยนตร์ของค่าย ไท เอนเตอร์เทนเมนต์ เรื่อง “ซึมน้อยหน่อย...กะล่อนมากหน่อย” ในปี พ.ศ. 2529 และเรื่อง “ปลื้ม” ในปี พ.ศ. 2530 คู่กับ เพ็ญพิสุทธิ์ คงสมุทร ทั้ง 2 เรื่องประสบความสำเร็จอย่างสูง หลังจากนั้น บิลลี่ก็มีงานภาพยนตร์ออกมาต่อเนื่อง บิลลี่เข้าร่วมงานกับ แกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ในฐานะพิธีกรรายการ และออกผลงานเพลงแรก“บิลลี่ บิลลี่” ในแนวป๊อป ในปี พ.ศ. 2530 และชุดที่ 2 “บิลลี่เข้ม” ในแนวร็อก ในปีต่อมา บิลลี่ได้มีผลงานอัลบั้มออกมาแล้วจนถึงปัจจุบัน 10 อัลบั้ม
|
วันที่ 12 พ.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,176 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,197 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,267 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,135 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,135 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,146 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 205,260 ครั้ง |
เปิดอ่าน 35,638 ครั้ง |
เปิดอ่าน 20,946 ครั้ง |
เปิดอ่าน 8,835 ครั้ง |
เปิดอ่าน 24,544 ครั้ง |
|
|