ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

สำรวจความพร้อมก่อนลูกเปิดเทอม...>>>>>


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,139 ครั้ง
Advertisement

สำรวจความพร้อมก่อนลูกเปิดเทอม...>>>>>

Advertisement

สำรวจความพร้อมก่อนลูกเปิดเทอม
 

สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกอยู่ในช่วงวัยเรียน และต้องขึ้นชั้นถัดไป ก็ไม่น่าหนักใจนัก เพราะปัญหาเรื่องการเตรียมความพร้อมก็จะเป็นเรื่องร่างกาย ต้องสำรวจดูว่าเครื่องแบบนักเรียน และอุปกรณ์การเรียน ต่างๆ ครบถ้วนแล้วหรือยัง รวมถึงสำรวจตรวจสอบด้วยว่าสิ่งของบางอย่างยังใช้ได้อยู่ไหม บางอย่างอาจต้องซื้อเพิ่มเติม เพราะอย่าลืมว่าลูกของเราเติบโตขึ้นทุกวัน


ถ้ามีลูกสองคนอยู่ในวัยเดียวกัน เพศเดียวกันก็เบาตัวหน่อย ใช้วิธี “เก่าของพี่ ใหม่ของน้อง” เหมือนดิฉันก็ได้ เพียงแต่มีข้อแม้ในการอธิบายให้ลูกเข้าใจด้วยละกัน เพราะเจ้าลูกคนที่สองก็ต้องเกิดคำถามและโวยวายเป็นธรรมดาว่าทำไมพี่ได้ของใหม่ แต่น้องต้องรับของพี่อีกแล้ว


เป็นเรื่องของคนเป็นพ่อแม่ต้องอธิบายให้ลูกฟังด้วยว่า เป็นวิธีการช่วยกันประหยัดได้ด้วย กรณีของดิฉันก็ได้รับมรดกตกทอดมาจากพี่เหมือนกัน ก็อาจบอกลูกได้ว่า “แม่ก็ใช้ของพี่เหมือนกัน ก็ไม่เห็นเป็นไร ดีซะอีก เป็นการบอกให้รู้ว่าตอนนี้เราโตเท่าพี่แล้วนะ” พร้อมทั้งอธิบายด้วยว่าเป็นการช่วยกันประหยัดอีกต่างหาก แทนที่จะต้องไปซื้อชุดนักเรียนชุดใหม่ทั้งหมด ก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่ถ้าไม่ต้องซื้อ ก็จะมีเงินเหลือสำหรับครอบครัวสำหรับเรื่องอื่นที่จำเป็นได้ด้วย แต่ในที่นี้มีข้อแม้ว่าชุดนักเรียนมือสองของพี่ก็ต้องดูดีอยู่บ้าง ไม่ใช่ซอมซ่อ หรือขาดวิ่น หรือถ้าจะซื้อเพิ่มหนึ่งชุดให้มีเก่าบ้างใหม่บ้าง ก็ยังพอไหว


เชื่อเถอะค่ะ ถ้าเด็กที่เติบโตขึ้นมาด้วยความใกล้ชิดกัน พ่อแม่มอบความรักความอบอุ่นให้ลูกๆ เท่าเทียมกันอย่างต่อเนื่อง ได้รับการอธิบายจากพ่อแม่ เด็กก็ยินดีสวมใส่เสื้อของพี่ ออกจะภาคภูมิใจด้วยซ้ำว่าเขาได้เดินตามรอยพี่ หรือโตเท่าพี่แล้วนะ


ส่วนคนที่มีลูกคนละวัย หรือคนละเพศก็เหนื่อยหน่อยล่ะค่ะ แต่ก็มีข้อคิดมาฝากว่า ขอให้ซื้อของมีคุณภาพดีกว่า แม้ราคาจะสูงหน่อย แต่อย่าลืมว่าลูกเราใส่ชุดนักเรียนสัปดาห์ละ 5 วัน และอยู่ในวัยซุกซน เพราะฉะนั้นเรื่องความทนทานเป็นสิ่งจำเป็นค่ะ เพราะถ้าเน้นของราคาถูกอย่างเดียว แล้วใส่ได้ไม่นานต้องเปลี่ยนอีกแล้ว โดยเฉพาะถุงเท้า รองเท้า อาจจะเสียใจในภายหลังก็ได้


สำหรับกรณีที่พ่อแม่มีลูกคนแรก และถึงเวลาที่ลูกต้องไปโรงเรียนครั้งแรก ซึ่งปีนี้ดิฉันมีเพื่อนหลายคนเลยทีเดียวที่กำลังประสบปัญหานี้ เพราะถึงเวลาที่ลูกต้องไปโรงเรียนครั้งแรก โดยเฉพาะบรรดาวัยเนอสเซอรี่ และวัยอนุบาลที่คนเป็นพ่อแม่หนักหนาสาหัสกว่าคนเป็นลูกซะอีก ฉะนั้น นอกจากเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกาย ก็ต้องเตรียมพร้อมทางด้านจิตใจ ซึ่งมีความสำคัญเป็นยิ่งนัก


ครั้งแรกของการไปเนอสเซอร์รี่หรือชั้นอนุบาล


การไปโรงเรียนวันแรกสำหรับเด็กเล็ก ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต เพราะเจ้าหนูน้อยต้องห่างจากพ่อแม่เป็นครั้งแรก ทั้งต้องไปพบกับสถานที่ใหม่ เพื่อนใหม่ คุณครูคนใหม่ ซึ่งเป็นผู้คนที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แถมเพื่อนในวัยเดียวกันที่ต้องมาโรงเรียนด้วยกันต่างก็ร้องไห้กันหมด แน่นอนว่าลูกของเราก็ต้องหวั่นวิตกเป็นธรรมดา


ดิฉันยังจำวันแรกของการไปโรงเรียนของลูกคนโตครั้งแรกได้อย่างแม่นยำ ว่าร้องไห้มากมายขนาดไหน คนเป็นแม่ก็หายใจไม่ทั่วท้องขนาดไหน สัปดาห์แรกเต็มไปด้วยน้ำตาเต็มห้องเรียน ยังนึกแอบชื่นชมคนเป็นคุณครูที่สอนเด็กอนุบาลเลยว่าเก่งจริงๆ สามารถรับมือกับเด็ก 20-30 คนได้เป็นอย่างดี


เหตุการณ์ผ่านไปได้ด้วยดี ก็ต้องเริ่มจากความไว้วางใจในโรงเรียน เพราะถ้าเราเลือกโรงเรียนให้ลูกไม่ว่าจะที่ไหน เท่ากับเราได้ตัดสินใจฝากลูกของเราไว้ในสถานศึกษาแห่งนั้นแล้ว ก็ต้องไว้วางใจ และเชื่อมั่น โดยไม่ไปแอบด้อมๆ มองๆ ชะเง้อดูลูก เพราะจะทำให้เด็กปรับตัวได้ยากกว่าเด็กคนอื่นที่พ่อแม่ไม่มีปฏิบัติการแอบดู รวมถึงกรณีที่ต้องรักษาเวลาในการไปรับลูกให้ตรงเวลาเป็นประจำ จะช่วยให้การปรับตัวของเขาเป็นไปได้ดีขึ้น


ที่สำคัญอย่าลืมเตรียมตัวล่วงหน้าในการพูดคุยกับลูก อย่าคิดว่าลูกไม่เข้าใจเพราะยังเด็ก ให้หมั่นพูดเรื่อยๆ และพาไปดูสถานที่จริง ให้เขาหรือเธอตัวน้อยได้คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนั้นด้วย พร้อมทั้งเล่าเรื่องการไปโรงเรียนของพี่ข้างบ้าน หรือญาติพี่น้องที่มีลูกอยู่วัยใกล้เคียงกันว่า ทุกคนต้องไปโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องไปโรงเรียน ถ้าจะให้ดีก็มีนิทานเกี่ยวกับการไปโรงเรียนมาเล่าให้เขาฟังตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะทำให้เขาปรับตัวได้ง่ายขึ้น


ส่วนเรื่องร้องไห้ก็ทำใจเถอะค่ะ ว่าต่อให้เตรียมตัวมาดีอย่างไรลูกของเราก็ร้องไห้อย่างแน่นอน เพียงแต่ถ้าเตรียมตัวดี ลูกของเราก็จะปรับตัวได้ดีกว่าเด็กที่ไม่ได้รับการเตรียมความพร้อมมาก่อนหน้านี้


อ้อ....แล้วไม่ต้องประหลาดใจนะคะถ้าจะพบเห็นพฤติกรรมประหลาดๆ ที่เกิดจากความเครียดของลูก เช่น ร้องไห้ไม่หยุด ปวดท้องโดยไม่มีสาเหตุ หรืออาเจียนทุกเช้า เป็นอาการเครียดของเจ้าตัวเล็กในช่วงต้นๆ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ใจแข็ง และช่วยกันปรับสภาพโดยพูดคุยกับคุณครูว่าลูกเป็นอย่างไรบ้าง และพยายามช่วยเหลือลูก ก็สามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี


เพียงแต่คำว่า “ช่วยเหลือ” ไม่ได้หมายความว่าตามใจ เพราะเมื่อลูกแสดงพฤติกรรมบางอย่างออกมา แล้วคุณพ่อคุณแม่ให้หยุดโรงเรียนเมื่อไรล่ะก็ พฤติกรรมนั้นๆ จะแสดงอาการทุกครั้งเมื่อต้องไปโรงเรียน ฉะนั้นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเด็กอาจมีพฤติกรรมบางอย่างเพื่อไม่ต้องไปโรงเรียน ในช่วงแรกคนเป็นพ่อแม่ต้องสังเกตให้ได้ว่าอาการที่ว่า เป็นเพราะอาการเครียดและต่อรองไม่อยากไปโรงเรียนหรือเปล่า


ถ้าใช่...ต้องใจแข็ง และค่อยๆ ปรับตัวด้วยการพูดคุยดีๆ อย่าใช้วิธีดุหรือต่อว่า เพราะจะยิ่งทำให้การไปโรงเรียนเป็นเรื่องฝันร้ายเข้าไปอีก


ที่สำคัญการตามใจ และใจอ่อน เป็นอุปสรรคสำคัญอย่างมากต่อการฝึกฝนให้เจ้าตัวเล็กช่วยเหลือตัวเอง ในเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น มีปัญหาเรื่องการกิน การฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา และความสามารถในปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่น เมื่อพ่อแม่ใจอ่อนหรือตัดความรำคาญ โดยหารู้ไม่ว่าการตามใจ ปล่อยให้ลูกสบายมากเกินไปในช่วงวัยที่กำลังเรียนรู้ อาจทำให้ลูกลำบากในภายหลัง เพราะลูกจะไม่รู้จักปรับตัว ไม่เคยต้องทำอะไร จึงไม่ยอมโต และช่วยเหลือตัวเองไม่ ได้


ดังนั้น พ่อแม่จึงควรเตรียมความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองเบื้องต้นของลูกด้วย ฝึกให้รู้จักการรอคอย การอดทน ไม่ยอมตามใจลูกเมื่อทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับวัย และฝึกฝนเขาอย่างสม่ำเสมอ เชื่อว่าเด็กทุกคนย่อมมีความสามารถในการเรียนรู้และปรับตัวได้


ครั้งแรกของการไปโรงเรียนของชั้นประถม


สถานการณ์ในวันเปิดเทอมของวัยนี้ ไม่รุนแรงเท่ากับเด็กเล็ก เพราะวัยประถมคุ้นเคยกับการไปโรงเรียนแล้ว ลูกรู้ว่าที่โรงเรียนมีคุณครู มีเพื่อนๆ ถ้าเป็นโรงเรียนเดิม ลูกก็จะคิดถึงเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน บางคนก็อยากไปโรงเรียน


แต่ถ้าเป็นโรงเรียนแห่งใหม่ ก็ต้องพูดคุยและสร้างความมั่นใจกับลูกว่าลูกจะต้องเจออะไรบ้าง ไม่ต้องวิตกกังวล โดยอาจจะชื่นชมลูกว่า “แม่รู้ว่าหนูเก่งแล้ว สามารถปรับตัวได้อย่างแน่นอน ไม่ต้องเป็นกังวลนะจ๊ะ” และถ้าลูกแสดงอาการกังวล ก็อย่าดุหรือต่อว่าว่าลูกโตแล้วทำไมต้องกลัวหรือกังวลด้วย เขาหรือเธอตัวน้อยก็จะยิ่งกังวลเข้าไปอีก ซ้ำยังกังวลกลัวพ่อแม่เข้าไปอีก ฉะนั้น ต้องพูดด้วยท่าทีที่ให้กำลังใจไม่ใช่ดุดัน


ช่วงเปลี่ยนผ่านจากวัยอนุบาลสู่วัยประถมเป้ฯช่วงที่มีความสำคัญยิ่งนัก เพราะเป็นช่วงที่ลูกของเราถูกมองว่าเป็นพี่ซะแล้ว ทั้งที่ตัวเองก็ยังรู้สึกว่ายังเป็นน้องอยู่ตลอดเวลา ทำให้ต้องมีการปรับสภาพจิตใจพอสมควร


ในขณะที่ ความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย นอกจากเครื่องแบบใหม่ที่ต้องเปลี่ยนแล้ว การนอนกลางวันก็ไม่มีเหมือนวัยอนุบาลอีกด้วย ช่วงแรกเด็กอาจจะมีอาการหาวนอนบ้าง เป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องตระเตรียมเรื่องนี้ก่อนเปิดเทอม พูดคุยกับลูกและค่อยๆ ปรับพฤติกรรมการนอนของลูกใหม่ ไม่ต้องนอนกลางวัน แต่เพิ่มช่วงกลางคืนให้เหมาะสม


อ้อ...แล้วอย่าลืมปรับเวลานอนก่อนเปิดเทอมด้วยละกัน หลังจากปิดเทอมมานาน ลูกอาจจะนอนดึก ใกล้เปิดเทอมแล้วเริ่มปรับเปลี่ยนเวลาให้เข้าที่เข้าทาง จะได้ไม่มีปัญหาในวันเปิดเทอมนะคะ

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 1712 วันที่ 12 พ.ค. 2552


สำรวจความพร้อมก่อนลูกเปิดเทอม...>>>>> สำรวจความพร้อมก่อนลูกเปิดเทอม...>>>>>

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ภาพสะท้อน....ของตัวเรา

ภาพสะท้อน....ของตัวเรา


เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง
งาน...ศิลปะบนก้อนหิน

งาน...ศิลปะบนก้อนหิน


เปิดอ่าน 7,149 ครั้ง
แตงโมบำรุงผิวหน้า

แตงโมบำรุงผิวหน้า


เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง
20 คำโกหกของผู้หญิง [ขำๆ]

20 คำโกหกของผู้หญิง [ขำๆ]


เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง
100 เคล็ดลับการค้า พารวย

100 เคล็ดลับการค้า พารวย


เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง
ฮว่านง๊อกแคปซูล

ฮว่านง๊อกแคปซูล


เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง
เยาวชน กับ สุรา

เยาวชน กับ สุรา


เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง
แผนพัฒนาตนเอง

แผนพัฒนาตนเอง


เปิดอ่าน 7,166 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

"วิถีชีวิต"จาก-->>ภาพวาดสีน้ำมัน

"วิถีชีวิต"จาก-->>ภาพวาดสีน้ำมัน

เปิดอ่าน 7,144 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
เผยสาเหตุ..ทำไม??...คู่รักจึงกลายเป็นคู่ร้าง....มากที่สุด...
เผยสาเหตุ..ทำไม??...คู่รักจึงกลายเป็นคู่ร้าง....มากที่สุด...
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย

7 อาหารต้องห้าม...เมื่อท้องว่าง
7 อาหารต้องห้าม...เมื่อท้องว่าง
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย

กินข้าวอยู่ทุกวัน...ความสำคัญเป็นอย่างไร???
กินข้าวอยู่ทุกวัน...ความสำคัญเป็นอย่างไร???
เปิดอ่าน 7,147 ☕ คลิกอ่านเลย

 คำอวยพร  กลอน   คำคม    วันคริสต์มาส
คำอวยพร กลอน คำคม วันคริสต์มาส
เปิดอ่าน 7,254 ☕ คลิกอ่านเลย

สายธารธรรม
สายธารธรรม
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย

"กาสรกสิวิทย์" โรงเรียนฝึกควาย
"กาสรกสิวิทย์" โรงเรียนฝึกควาย
เปิดอ่าน 7,151 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

10 วิธีรักษาเงินสด
10 วิธีรักษาเงินสด
เปิดอ่าน 10,311 ครั้ง

บูชาแล้วรวย
บูชาแล้วรวย
เปิดอ่าน 14,527 ครั้ง

ประโยชน์ของ "ตะไคร้หอม"
ประโยชน์ของ "ตะไคร้หอม"
เปิดอ่าน 16,100 ครั้ง

ประชาธิปไตย คืออะไร
ประชาธิปไตย คืออะไร
เปิดอ่าน 85,268 ครั้ง

H1N1...ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
H1N1...ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
เปิดอ่าน 9,731 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ