เรื่อง : ประณม ถาวรเวช สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ จอห์น โรเบิร์ต พาวเวอร์ส
บุคลิกภาพก็เหมือนกับทุกๆ เรื่อง ที่ปล่อยไว้นานๆ ก็สนิมจับ บางทีก็ต้องอัพเกรดกันบ้าง
ถามว่าทำไมต้องมีการอัพเกรดด้วย ก็เพราะว่าเรื่องของบุคลิกภาพนั้น เป็นเรื่องของการควบคุมและกำหนดการแสดงออกหรือพฤติกรรมบางอย่างของตัวเราเอง ให้แสดงออกอย่างเหมาะสมและสวยงาม
แต่บ่อยครั้งที่คนเราตามใจตัวเอง ชอบทำอะไรที่ง่ายๆ สบายๆ จนอาจเผลอไผลมิได้ดูแลตนเองให้ดูดี มีเสน่ห์ และน่ารักดั่งที่เคยเป็นมา
หรือบางคนรักความก้าวหน้า อยากเรียนรู้ อยากปรับปรุงตนเองให้ดูดียิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ดิฉันต้องชักชวนท่านผู้อ่านมารู้จักวิธี "อัพเกรด"
กรุณาดำเนินตามดังต่อไปนี้
1. จัดระเบียบตัวเอง
บางทีความเหนื่อยล้าในชีวิตเกิดขึ้นก็เพราะเราทำชีวิตของตัวเองให้ยุ่งเหยิงไปหมด วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะหลุดจากความเหนื่อยล้า ก็คือหันกลับมาจัดระเบียบชีวิตตัวเอง เรื่องแรกที่ต้องจัดการก็คือ การบริหารเวลา บริหารความสุข และบริหารสัมพันธภาพ
บริหารเวลาได้ดีจะช่วยให้มีเวลาพักผ่อน สงบ ผ่อนคลาย และคิดอะไรใหม่ๆ ได้อีกมาก นั่นจะทำให้คุณดูสดชื่นอยู่ตลอดเวลา ตื่นตัว รอบรู้ สติปัญญาฉับไว มีความโดดเด่นยิ่งกว่าใครๆ และที่สำคัญ อะไรที่เป็นความรับผิดชอบหรือรับปากไว้ ไม่เคยผิดคำพูดหรือดูพร่องความรับผิดชอบเลยสักครั้ง
บริหารความสุขเป็นก็จะไม่เครียด ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่อ่อนเพลีย อย่าลืมว่าความสุขอยู่ที่ใจของเราเอง หากรู้จักที่จะพึงพอใจ ผ่อนคลายกายใจ มองโลกในแง่ดี มีความยืดหยุ่น มีการเรียนรู้ ความสุขก็จะอยู่กับตัวเองได้ง่าย ได้มาก และตลอดเวลา
บริหารสัมพันธภาพได้ดี ก็จะมีข้อได้เปรียบคนอื่นๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเอาความได้เปรียบนี้ไปเอาเปรียบคนอื่นเขา คนที่มีเพื่อนฝูงมาก รู้จักคนเยอะ หรือเข้ากับคนได้ง่าย นี่แหละค่ะที่เราเรียกว่าสุดยอดนักบริหารสัมพันธภาพ
2. เติมความเชื่อมั่นในตนเอง
ชีวิตรอบตัวอาจมีการแข่งขันสูง มีตัวเปรียบเทียบเยอะ และคลื่นลูกใหม่ๆ ก็ทยอยซัดเข้ามา แต่อย่าลืมว่า ขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด สิ่งที่ต้องดำรงไว้ก็คือความเชื่อมั่นในตนเอง เพราะสิ่งนี้จะเป็นกุญแจไขให้พ้นไปจากห้องขังแห่งปัญหา ความกลัว ความกังวล และความทุกข์ได้
ก่อนจะมั่นใจในตัวเอง ต้องแน่ใจว่าตัวเองมีคุณสมบัติ เช่น มีความรู้ที่รอบและลึก ซึ่งความรู้นี้นับวันมันมีแต่จะเพิ่มขึ้น อย่ายึดติดอยู่กับความรู้เก่าๆ ต้องหาความรู้ใหม่ๆ เสริมให้ตัวเอง ดังนั้น จงหาเวลาไปอบรม เรียนต่อ เรียนเสริม อ่านหนังสือ หรือเดินทางทัศนศึกษาเสียบ้าง เพื่อขยายความรู้และความสนใจใหม่ๆ เพิ่มเติมให้กับตัวเอง
นอกจากนี้ รูปร่างที่ดี ประสบการณ์ที่มาก มิตรไมตรีที่ไม่มีจำกัด ก็จะทำให้คุณดูโดดเด่น เป็นที่ดึงดูดใจ น่าคบค้าสมาคมได้ คนที่ได้รับการยอมรับว่ามีความโดดเด่น เป็นที่สนใจ และมีคนต้องการคบหาด้วย ล้วนได้รับความมั่นใจเพิ่มเติมจากปฏิกิริยาภายนอกเหล่านี้ได้ทั้งสิ้น
3. มีอารมณ์ขัน
ยิ้มๆ กับชีวิตบ้างสิคะ
คงเคยได้ยินกันนะคะ ว่า "โลกมีไว้เหยียบ ไม่ได้มีไว้แบก" หลายคนเป็นนักแบกโลก ก็เลยช่างวิตก เครียด สติแตก หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลา โดยหารู้ไม่ว่าบุคลิกภาพกำลังย่ำแย่ หนักกว่าคนก็คือ ปล่อยเนื้อปล่อยตัวเพราะมัวแต่คร่ำเคร่งกับความคิด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ตาดำคล้ำ เหม่อลอย เลื่อนลอย หรือไม่ก็อ้วนเผละ จงกลับมามีอารมณ์ขันกับชีวิต กับผู้คน และกับตนเอง
อารมณ์ขันเหมือนวิตามินบำรุงใจ มันจะนำความสดชื่น สดใส และผ่อนคลายมาให้ ทำให้เป็นคนที่มีชีวิตชีวา ร่าเริง น่าคบ ภายนอกจะเป็นคนกระฉับกระเฉง กระตือรือร้น ไม่เกี่ยงงอน ไม่คร่ำเคร่ง
พออารมณ์ไม่เครียด สมองไม่คร่ำเคร่ง ความฉลาดปราดเปรื่องก็จะตามมา โดยเฉพาะไหวพริบในการจัดการกับปัญหา คุณจะกลายเป็นที่พึ่งของคนอื่นได้ เป็นตัวแทนขององค์กรที่องค์กรภูมิใจ เป็นเพื่อนที่น่าอยู่ใกล้ เป็นสมาชิกในครอบครัวที่เป็นยาบำรุงอารมณ์ของครอบครัว
พึงระลึกไว้ว่า คนมีอารมณ์ขันไม่ใช่คนตลกโปกฮา แต่เป็นคนยิ้มง่าย อารมณ์ดี เห็นใจคนอื่น เปิดกว้าง พร้อมรับฟังคนอื่น และเห็นปัญหาได้หลายมุม เขาจึงไม่ยึดติด ไม่เคร่งเครียด เพราะรู้จักปัญหาและเห็นทางในการแก้ไขปัญหาด้วย จึงแทบไม่มีเรื่องใดที่เป็นปัญหาของเขาเลย เขายิ้มได้กับทุกคน หัวเราะให้กับทุกเรื่อง และทุกวันเขาเหยียบโลกเล่นอย่างอารมณ์ดี
4. สนุกกับการเรียนรู้พฤติกรรมของมนุษย์
พูดง่ายๆ ว่า ควรรู้จักและเข้าใจชีวิต ที่จริงชีวิตก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย แต่คนมักสร้างเงื่อนไขมากมายให้เกิดขึ้นด้วยตัวเอง และเกิดขึ้นในหมู่ของกันและกัน
หากเป็นชาวพุทธ ก็โปรดทราบว่า ชีวิตตั้งอยู่บนหลักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือ มีเกิด มีเสื่อม และมีทรุด จนสุดท้ายก็สิ้นสลายไป ทั้งตัวชีวิตเอง ลาภ ยศ สรรเสริญ สังขาร การงาน ฯลฯ
เมื่อชีวิตมันเคลื่อนของมันไปอย่างนี้ การมองเห็นก็ต้องเห็นตามการเคลื่อนนี้ ยอมรับ เข้าใจ และไม่ตีโพยตีพายต่อการเปลี่ยนแปลงที่มีเหตุปัจจัยให้เกิด หากไม่อยากให้เกิดก็ต้องป้องกันเหตุแห่งความเสื่อม เหตุแห่งความทุกข์ และเหตุแห่งความเปลี่ยนแปลงให้ดีๆ
คนก็เช่นเดียวกัน เขาเติบโตมาจากเบ้าหลอมที่ต่างกัน แต่ถึงกระนั้นทุกคนก็แหวกว่ายอยู่ในกระแสชีวิต ที่ต่างก็มีความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง กิเลสและตัณหาขับเคลื่อนอยู่เหมือนๆ กัน บางคนน่ารัก บางคนไม่น่ารัก บางคนน่าสงสาร บางคนไม่น่าคบ ฯลฯ สารพัดจะมี แต่เขาเป็นอย่างนี้เพราะเหตุใด เราควรให้อภัยและยอมรับเขาด้วยท่าทีอย่างไร ควรปะทะ หลีกเลี่ยง ช่วยเหลือ หรือตีตัวออกห่างอย่างไร ล้วนเป็นทักษะชีวิตที่ต้องอาศัยความเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์เป็นรากฐานทั้งสิ้น รวมไปถึงความเข้าใจในพฤติกรรมของตัวเองด้วย
5. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
สุขภาพเป็นต้นทุนของทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งบุคลิกภาพด้วย
สุขภาพดี บุคลิกภาพก็ดี อารมณ์ก็ดี อนาคตก็ดี
สุขภาพมีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ ลึกไปกว่านั้นก็เป็นสุขภาวะของจิตหรือวิญญาณ ที่รู้จักอิ่ม เต็ม สงบ สะอาด และสว่าง
สุขภาพกายเป็นสิ่งแรกที่ต้องดูแล เพราะร่างกายของคนเรานั้น เสื่อมง่าย ป่วยง่าย เปลี่ยนแปลงง่าย และเกิดโรคง่าย ต้องรู้จักกินอาหารให้ดี ให้ครบ และให้เหมาะสม ออกกำลังกายให้เป็นกิจวัตรและด้วยความสุข ความพึงพอใจ ไม่เครียด ไม่กังวล สบายๆ กับชีวิต หมั่นฟังธรรม ทำกุศล และช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อซักหัวใจให้สะอาด อิ่มเอมอยู่เสมอ
ที่สำคัญ ควรมีหนังสือสุขภาพประจำบ้านเอาไว้คอยติดตามข่าวสารด้านสุขภาพใหม่ๆ จะช่วยให้เรามีความรู้ความเข้าใจ รู้วิธีป้องกันโรค รู้วิธีดูแลตัวเอง รู้จักเลือกรับประทานอาหาร ทำให้รู้จักเตรียมตัว เตรียมการ ในการดูแลตัวเองไปจนถึงวันข้างหน้าอยู่เสมอ
อาจไม่ยาก แต่ยุ่งหน่อย
แต่อย่าท้อถอยเพราะคิดว่า "ทำไมมันยุ่งยากจัง" นะคะ เพราะผลที่จะได้รับกลับนั้น...คุ้มแสนคุ้ม!!
ที่มา http://www.posttoday.com/
เรื่องที่เกี่ยวข้อง :
|
ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
