ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ดนตรี.... ดี...ต่อพัฒนาการลูกรัก...!!


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 6,433 ครั้ง
ดนตรี.... ดี...ต่อพัฒนาการลูกรัก...!!

Advertisement

คุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังคิดอยากให้ลูกเรียนดนตรีอยู่รึเปล่าคะ ถ้าใช่ก็เชิญทางนี้ แต่ถ้าไม่ใช่ ก็อย่าเพิ่งมองข้ามเรื่องนี้ไป เพราะเมื่อคุณอ่านจบคุณอาจจะเปลี่ยนใจ !!

ได้มีโอกาสแวะเวียนเข้าไปที่เว็บไซต์ของรักลูกค่ะ ไปสะดุดเอากับคำถามของคุณแม่ท่านหนึ่งที่โพสต์ไว้ว่า “อยากให้ลูกเรียนดนตรี ควรเริ่มเรียนตอนไหนดีคะ ?” ตรงใจพอดีเลยค่ะ เพราะกำลังจะนำข้อมูลเกี่ยวกับดนตรีในเด็กวัยอนุบาลมาฝากกันอยู่แล้ว ก็ถือโอกาสหาคำตอบมาให้ด้วยเลย ให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังสนใจอยากหากิจกรรมเสริมให้ลูกค่ะ

ดนตรี ดี กับพัฒนาการ
ดนตรีเป็นกิจกรรมที่พ่อแม่ยุคใหม่ให้ความสนใจอย่างมาก บางคนอยากให้ลูกเป็นนักดนตรี อยากให้ลูกชอบดนตรี หรือให้เล่นดนตรีเพื่อเป็นกิจกรรมเสริมที่ช่วยให้ผ่อนคลายก็ว่ากันไปค่ะ แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตามดนตรีมีประโยชน์ในตัวเองอยู่แล้ว ไม่ว่าลูกจะร้อง เล่น เต้นระบำ ก็เป็นผลดีกับพัฒนาการของเจ้าตัวน้อยทั้งนั้น

จินตนาการกว้างไกล
เด็กที่ได้สัมผัสดนตรีจะเป็นคนที่ละเอียดอ่อน อ่อนโยน มีจินตนาการกว้างไกล เพราะเสียงดนตรีช่วยให้เกิดจินตนาการได้โดยไม่จำกัด ยิ่งเป็นดนตรีบรรเลงด้วยแล้ว จะช่วยให้เกิดจินตนาการได้ดีกว่าดนตรีที่มีคำร้องค่ะ อีกอย่างหนึ่งดนตรีมีผลต่อการพัฒนาอารมณ์ของเด็กด้วยนะคะ เด็กที่เล่นดนตรีจะใจเย็น ดนตรีจะช่วยให้เขามีสมาธิ มีความอดทน และช่วยฝึกความจำไปด้วยในตัว

คิดเก่งแบบมิติสัมพันธ์
การคิดเชิงมิติสัมพันธ์เป็นยังไงน่ะเหรอ ก็คือการมองเห็นภาพความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจนด้วยความคิด ความรู้สึกหรือใจของเรา แล้วก็ถ่ายทอดออกมาให้คนอื่นได้รู้เป็นภาพ เป็นแผนผัง หรือเป็นคำอธิบาย พูดง่ายๆ ก็คือการคิดเป็นภาพแทนตัวอักษรน่ะค่ะ เวลาเล่นหมากรุกเราต้องคิดวางแผนในใจว่าเราจะเอาชนะเกมนี้ได้อย่างไร ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์ที่ดีจะทำให้เราเห็นภาพเกมการเดินหมากรุกในใจได้แจ่มแจ๋ว แล้วเมื่อเรานำแผนนั้นมาเล่นจริงๆ ก็ชนะจริงๆ ซะด้วย นั่นล่ะค่ะความสามารถด้านมิติสัมพันธ์ หรือการที่เราขับรถแล้วไม่หลงทาง แล้วยังจำได้ว่าถ้าเข้าซอยนั้นจะลัดออกซอยนี้ทะลุไปเส้นนั้นเส้นนี้ได้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความสามารถของมิติสัมพันธ์เช่นกันค่ะ

ได้ยินชัดแจ๋ว
ดนตรีจะช่วยเรื่องการได้ยิน เพราะเวลาที่เด็กได้ยินเสียงดนตรีซึ่งมีลักษณะเสียงสูงๆ ต่ำๆ ก็จะรับความถี่ของคลื่นเสียงที่แตกต่างกันไปด้วย สมองซึ่งรับรู้เกี่ยวกับการได้ยินจึงถูกพัฒนาตามการฟังดนตรี เป็นการเตรียมการได้ยินในเด็กค่ะ และพ่อแม่คือบุคคลที่จะทำให้วงจรการพัฒนานี้สมบูรณ์ขึ้นได้ โดยให้ลูกได้ฟังเสียงแต่ต้องเป็นเสียงที่มีคุณภาพหน่อยนะคะ ยิ่งเด็กวัย 3-6 ขวบ เริ่มที่จะพูดได้เป็นประโยคแล้วด้วย ถ้าศักยภาพการได้ยินและฟังสูง เขาก็จะเก็บคำศัพท์จากเสียงที่จะเปล่งออกมา ทำให้เด็กได้เลียนเสียงพูดและพัฒนาการด้านการพูดจะดีขึ้นด้วย

เรียนดนตรี...เมื่อไหร่ดีล่ะ
ใครที่ชักจะเริ่มสนใจให้ลูกเรียนดนตรีก็สามารถให้ลูกเริ่มเล่นดนตรีได้เมื่ออายุ 3 ขวบขึ้นไปนะคะ แต่ขั้นแรกคุณต้องคอยสังเกตก่อนว่าลูกชอบเล่นดนตรีแบบไหน แต่ถ้ายังไม่ชัดว่าตัวน้อยของเราชอบอะไรแน่ ก็ลองเริ่มจากเครื่องดนตรีที่เป็นประเภทเครื่องเคาะ เพราะง่ายและไม่ซับซ้อน แต่จะให้ดีควรให้ลูกได้เลือกด้วยตัวเองดีกว่า และต้องไม่ลืมถามความสมัครใจด้วยนะคะว่า เขาอยากจะเรียนดนตรีหรือเปล่า ไม่ใช่เขาไม่อยากเรียน แต่คุณแม่อยากให้เรียนก็จับเขาไปเรียน แบบนี้ขอบอกเลยว่าอะไรที่ทำแล้วไม่มีความสุข ลูกเราเขาทำได้ไม่นานหรอกค่ะ

และเมื่อลูกยินยอมพร้อมใจจะเรียนแล้วสิ่งที่สำคัญก็คือ เวลาที่เรียนไปแล้วต้องไม่ให้ลูกเกิดความเบื่อหน่าย ต้องให้เขารู้สึกรัก โดยเบื้องต้นคุณพ่อคุณแม่จะสอนเองที่บ้านก็ได้ หรือว่าถ้าไม่มั่นใจก็ส่งลูกเข้าโรงเรียนก็ได้ค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องให้ลูกเกิดความรู้สึกสนุก มีความสุขกับการเรียนรู้เรื่องนี้ ถ้าเด็กเกิดความซาบซึ้งใจ ประทับใจแล้วก็จะเดินต่อไปได้ดีเองล่ะค่ะ

ฟัง ร้อง เต้น ก็ช่วยพัฒนา
แต่ถ้าคุณดูๆ แล้ว ยังงั้ย...ยังไงเจ้าตัวเล็กของเราก็ยังไม่พร้อมจะเล่นดนตรี เราก็มีทางเลือกอย่างอื่นเกี่ยวกับดนตรีที่สามารถช่วยพัฒนาลูกของเราได้เช่นกัน เพราะจริงๆ แล้วทักษะดนตรีมีด้วยกัน 6 อย่างแน่ะค่ะ คือ ฟัง ร้อง เคลื่อนไหวประกอบจังหวะ เล่นดนตรี การอ่านโน้ต การสื่อสารโน้ต และการเรียบเรียงเสียงประสาน ซึ่งทั้ง 6 อย่าง ก็เป็นทักษะที่ซับซ้อนและต้องการความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

การฟัง การร้อง การเต้น อย่างใดอย่างหนึ่งก็สามารถพัฒนาลูกเราได้แล้วค่ะ แต่ว่าการได้เล่นดนตรีจะมีข้อดีเพิ่มขึ้น เพราะเวลาคนเล่นดนตรีจะเกิดการทำงานของสมองหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นความจำ การอ่าน การมองเห็นตัวโน้ต การเคลื่อนไหว และถ้าจะเล่นดนตรีได้ดีขึ้นไปอีกก็ต้องมีเรื่องของอารมณ์ การจินตนาการไปตามเพลง ซึ่งส่วนนี้จะช่วยในเรื่องการฝึกวิธีคิดได้อีกด้วย

เลือกโรงเรียนดนตรีอย่างไรดี
หลายคนอาจมีคำถามค่ะว่า “แล้วจะเลือกโรงเรียนสอนดนตรีอย่างไรดี” มีคำแนะนำให้ค่ะว่า ถ้าจะเลือกที่สอนดนตรีให้ลูก อย่าพิจารณาที่โรงเรียน แต่ให้เลือกที่ครูผู้สอน โดยครูต้องเข้าใจเด็ก รู้จิตวิทยาสำหรับเด็ก สิ่งที่เขาสอนต้องพูดถึงการทำให้ดนตรีเข้าไปอยู่ในตัวเด็ก แต่ไม่เน้นเรื่องของการฝึกเด็กให้เป็นนักดนตรีที่เก่ง ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะวิธีการฝึกฝนนักดนตรี กับการที่ใช้ดนตรีพัฒนาเด็กจะแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นลองพิจารณาดูที่ครูผู้สอนว่ามีมุมมองยังไง คิดอย่างไรเกี่ยวกับการสอนดนตรีให้เด็ก ถ้าเขามองว่าเด็กทุกคนต้องเก่งโดยไม่คำนึงถึงสภาพของเด็ก ก็คงไม่เหมาะสำหรับการสอนเด็กที่ยังเล็กค่ะ เพราะหลายแห่งแทนที่เด็กจะพัฒนาตัวเองได้จากการที่เรียนดนตรี เด็กกลับเครียด ไม่ซาบซึ้งกับดนตรีเลย เพราะว่าครูตั้งใจมากเกินไป

ส่วนเด็กๆ ที่ไปเริ่มเล่นดนตรีหลัง 6 ขวบไปแล้ว ช่วงวัยนี้ก็สามารถค่ะ แต่ต้องออกแรงมากหน่อย เพราะวัย 3-6 ปี สมองกำลังเปิดรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้มาก ถ้าเริ่มฝึกฝนในช่วงนี้เลยทักษะดนตรีก็จะไปได้ไกลกว่า แต่ถ้ามาเรียนรู้ทีหลังเขาคงต้องฝึกหนักขึ้น เพื่อให้เขาสามารถบรรลุจุดสูงสุดได้ เพราะศักยภาพของสมองในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะลดลง

มีหลายบ้านทีเดียวค่ะที่เด็กๆ มีโอกาสได้เริ่มเรียนดนตรีก็โตแล้ว เพราะครอบครัวไม่สามารถส่งเสริมได้ในช่วงเล็กๆ แต่อย่างน้อยที่สุดการเปิดเพลง การร้องเพลง การเคลื่อนไหวตามจังหวะ ก็ช่วยในการพัฒนาได้ หรืออยางน้อยให้เขามีเสียงดนตรีในใจ วงจรพวกนี้ก็จะสามารถต่อยอดไปได้เองค่ะ

อย่าคาดหวังกับลูกมากเกินไป
เมื่อลูกไปเรียนดนตรีได้สักระยะ พ่อแม่หลายคนชอบตั้งความหวังกับลูกค่ะ เห็นเด็กๆ คนอื่นไปได้ไกล ก็เกิดการเปรียบเทียบ ฝากไว้ตรงนี้เลยนะคะว่า เด็กทุกคนไม่ใช่ว่าจะสัมผัสดนตรี หรือมีความชอบความสามารถด้านดนตรีได้เหมือนกันหมด ฉะนั้นอย่ามุ่งหวังให้ลูกเก่งหรือเป็นนักดนตรีอย่างเดียว ให้คิดว่าการเรียนดนตรีในเด็กมีจุดสำคัญที่สุดคือช่วยเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ให้เด็ก เพื่อให้สมองได้รับการพัฒนา แล้วค่อยมาดูว่าลูกเราชอบหรือไม่ชอบไปได้ดีแค่ไหน ถ้าเห็นแววค่อยส่งเสริมต่อ แต่ถ้าไม่เห็นแววก็ขอแค่ลูกชอบดนตรี ได้สัมผัสกับดนตรีบ้าง มีโอกาสฝึกฝนทักษะทางดนตรีต่างๆ บ้าง ไม่ว่าจะเป็นร้อง ฟัง เล่น หรือการเคลื่อนไหวประกอบจังหวะก็มีประโยชน์มหาศาลแล้วค่ะ การคาดหวังมากๆ จะทำให้ลูกเครียดมากกว่า และก็อาจจะเกลียดดนตรีไปเลยก็ได้ค่ะ

คิดเหมือนกันไหมคะว่า กิจกรรมเรียนดนตรีก็น่าสนใจและมีประโยชน์อยู่ไม่น้อยเลยใช่ไหม รู้แบบนี้แล้วจะช้าอยู่ไย เปิดโลกดนตรีให้กับลูกกัน.เถอะจ้า

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 1712 วันที่ 10 พ.ค. 2552


ดนตรี.... ดี...ต่อพัฒนาการลูกรัก...!!ดนตรี....ดี...ต่อพัฒนาการลูกรัก...!!

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

เด็กน้อย

เด็กน้อย


เปิดอ่าน 6,413 ครั้ง
ลองคิดใหม่ ทำใหม่

ลองคิดใหม่ ทำใหม่


เปิดอ่าน 6,404 ครั้ง
ผิวหน้าสวย....ด้วยใบเตย

ผิวหน้าสวย....ด้วยใบเตย


เปิดอ่าน 6,410 ครั้ง
โปรดระวังไวรัสร้าย

โปรดระวังไวรัสร้าย


เปิดอ่าน 6,403 ครั้ง
ข้อคิดดีๆ สั้นๆ เตือนใจ

ข้อคิดดีๆ สั้นๆ เตือนใจ


เปิดอ่าน 6,424 ครั้ง
นิทานภาษาไทย

นิทานภาษาไทย


เปิดอ่าน 6,742 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

อะไร??มันก็ต้องซ่อมได้ !!

อะไร??มันก็ต้องซ่อมได้ !!

เปิดอ่าน 6,416 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ทักษะชีวิตกับการเรียนเก่ง(2)
ทักษะชีวิตกับการเรียนเก่ง(2)
เปิดอ่าน 6,410 ☕ คลิกอ่านเลย

ผู้หญิง....เมื่ออยากแต่งงาน ก็หาว่าจับผู้ชายแต่พอไม่แต่ง ก็หาว่า ? ฝืนธรรมชาติ ?
ผู้หญิง....เมื่ออยากแต่งงาน ก็หาว่าจับผู้ชายแต่พอไม่แต่ง ก็หาว่า ? ฝืนธรรมชาติ ?
เปิดอ่าน 6,398 ☕ คลิกอ่านเลย

เสียว...ว้อย!!!
เสียว...ว้อย!!!
เปิดอ่าน 6,456 ☕ คลิกอ่านเลย

เท้า...มหาภัย
เท้า...มหาภัย
เปิดอ่าน 6,409 ☕ คลิกอ่านเลย

:: ถึงนักการเมืองทุกคนWere they all dead?"
:: ถึงนักการเมืองทุกคนWere they all dead?"
เปิดอ่าน 6,403 ☕ คลิกอ่านเลย

วิธีตัดสายโทรศัพท์.....ผู้ชายน่าเบื่อ
วิธีตัดสายโทรศัพท์.....ผู้ชายน่าเบื่อ
เปิดอ่าน 6,417 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

12 เคล็ดง่าย เพื่อหน้าใส ไร้ริ้วรอย
12 เคล็ดง่าย เพื่อหน้าใส ไร้ริ้วรอย
เปิดอ่าน 11,604 ครั้ง

คืนนี้ชมจันทร์เต็มดวงขนาดใหญ่ และสว่างที่สุดในรอบปี
คืนนี้ชมจันทร์เต็มดวงขนาดใหญ่ และสว่างที่สุดในรอบปี
เปิดอ่าน 13,287 ครั้ง

การเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยโครงงาน
การเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยโครงงาน
เปิดอ่าน 23,423 ครั้ง

ประโยชน์ของการเลี้ยงสัตว์
ประโยชน์ของการเลี้ยงสัตว์
เปิดอ่าน 25,496 ครั้ง

รู้ไหม? ทำไมดาวอังคารไม่มีชั้นบรรยากาศ
รู้ไหม? ทำไมดาวอังคารไม่มีชั้นบรรยากาศ
เปิดอ่าน 24,537 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ