Advertisement
❝ จากการสอบถามพ่อค้าที่ขายของแก้บนต่างๆ เล่าว่า ?ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นนักศึกษาจะมาซื้อช้างและพวงมาลัยเป็นส่วนมาก ของ 2 สิ่งนี้จะขายดีที่สุด ลองลงมาก็จะเป็นวัวกับนางรำ ยิ่งช่วงเทศกาลสอบจะขายดีมาก ❞
ถ้าพูดถึงการบนบานศาลกล่าว กับคนไทยแล้วดูจะเป็นของคู่กัน เพราะหลายคนเชื่อว่าการได้บนได้ขอสิ่งที่เรามุ่งหวังไว้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทำให้คลายความกังวลใจไปได้บ้าง เรียกได้ว่าเป็นที่พึ่งทางใจอีกทางหนึ่งของเราๆ อย่างที่เคยเห็นกัน ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปดังๆ ศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ต่างๆ หรือแม้แต่ต้นไม้ใหญ่ๆ รวมถึงสัตว์ที่มีลักษณะประหลาดๆ พี่ไทยเราก็แห่กันไป ไหว้ไปบูชา ดอกไม้ธูปเทียนเต็มไปหมด บางคนถึงกับลงมือขูดจนเห็นเลขโน้นเลขนี้ก็มี
ค่านิยมเหล่านี้ถูกปลูกฝัง ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ แม้กระทั่งนักศึกษาที่เรียกได้ว่าปัญญาชนก็ไม่วาย การบนบาลศาลกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสถาบันเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจยามถึงเทศกาลสอบ
ถ้าเอ่ยถึงมหาวิทยาลัยรามคำแหงคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักมหาวิทยาลัยเปิดแห่งนี้ ที่รวมรวบบรรดานักศึกษาทุกภาค ทุกศาสนาไว้อย่างครบถ้วน และสิ่งที่จะขาดไปเสียได้เมื่อเอ่ยถึงมหาวิทยาลัยนี้ ก็คือ อนุสรณ์พ่อขุนรามคำแหง ที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่านักศึกษาให้ความเคารพและนับถือกันมาก
เราจะเห็นได้ว่า ใครที่ผ่านไปผ่านมาแถวๆ นั้น ไม่ว่าจะเดิน หรือวางผ่านบริเวณ อนุสรณ์พ่อขุนรามคำแหง ทุกคนต้องหยุดยกมือไหว้เพื่อเป็นเคารพสะการะท่านกันทุกคน เพราะเชื่อกันว่า ท่านเปรียบเสมือนพ่อคนหนึ่ง ที่คอยปกปักษ์รักษาดูแลลูกๆ ทุกคนที่เรียนที่นี่ เหล่านักศึกษาที่เรียนที่นี่จึงเรียกตัวเองว่า “ลูกพ่อขุน”
จากความเชื่อดังกล่าว ที่ว่าพ่อขุนรามคำแหงคอยดูแล คอยช่วยเหลือลูกๆ ทุกคน จึงทำให้ที่บริเวณฐานของอนุสรณ์ของท่านจึงเต็มไปด้วยเครื่องไหว้สักการะเต็มไปหมด ไม่ว่าเป็นดอกไม้ รูปปั้นตุ๊กตา ช้าง ม้า ต่างๆ ที่บ่งบอกได้ว่าลูกๆ ที่นี่ได้รับความช่วยเหลือจากท่านจริงๆ
นักศึกษาที่นี่ส่วนใหญ่จะมาบนขอในเรื่องเรียน ให้สอบผ่านในวิชาต่างๆ ให้ได้เกรด G ( ซึ่งที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงจะมีแค่ 3 เกรด คือ G เท่ากับ A / P เท่ากับ D / F เท่ากับ F ) บางคนก็เชื่อว่า ถ้าอยากสอบผ่านวิชาไหนก็ให้ดูที่รหัสตัวท้ายของวิชา ถ้าลงด้วยเลขอะไร ก็ให้วิ่งรอบเท่านั้น แล้วจะสอบผ่าน เช่น วิชาภาษาอังกฤษ รหัส EN 101 เราก็ไปวิ่งจำนวน 101 รอบ เป็นต้น ซึ่งนักศึกษาที่นี่หลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ขออะไรแล้วก็จะได้สมหวังทุกคน”
ผมนั่งสังเกตการณ์อยู่สักครู่ ก็เห็นนักศึกษาชายคนหนึ่ง เดินเข้ามาที่นี่พร้อมกับชุดไก่ เคเอฟซีหนึ่งชุดใหญ่ จากนั้นนักศึกษาคนนั้นก็นำไก่เคเอฟซี ที่เตรียมมาไปวางไว้ตรงที่สำหรับวางของสักการะพ่อขุนฯ แล้วเขาจุดธูปเทียน พนมมือไหว้พ่อขุนพร้อมกับดอกดาวเรืองที่เตรียมไว้ จากนั้นเขาออกไปวิ่งรอบพ่อขุน ผมนั่งนับได้ 10 รอบ พอดิบพอดี ด้วยความสงสัยการกระทำของเขาเหลือเกิน ไอ้แค่เอาดอกไม้ธูปเทียนมาไหว้ แถมวิ่งรอบๆ พ่อขุน ผมก็พอจะได้ยินมาบ้าง แต่ไอ้ไก่เคเอฟซี เนี่ยสิ ยังไงผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
ผมสังเกตเห็นว่า เขาพอที่จะหายเหนื่อยจากการวิ่งแล้ว ผมจึงไม่รีรอเขาไปถาม เพื่อให้คลายความข้องใจ เขาเล่าว่า “ผมมาบนพ่อขุนฯ ทุกเทอม เทอมที่แล้วผมขอ G ไป 5 ตัวผมก็ได้ เทอมนี้ผมขอท่านไป 5 ตัว แล้วได้มาตั้ง 7 ตัว ซึ่งผมก็ดีใจมาก”
นักศึกษาหนุ่มเล่าต่อว่า “ที่ผมนำ ไก่เคเอฟซี มาบนไม่ใช่ว่าท่านจะชอบหรอกนะครับ เอาความสะดวกของเรา พอดีตอนนั้นผมอยากกินเคเอฟซี ก็เลยมาบนท่านด้วยไก่เคเอฟซี ก็เท่านั้นเอง”
ผมเลยถามถึงของบนครั้งก่อนที่ได้ G ถึง 5 ตัว “เทอมที่แล้วผมบนไก่.....ซึ่งผมก็อยากกินอีกนั่นแหล่ะ แล้วก็จะมีดอกดาวเรืองก็แล้วแต่จะกี่พวงก็ได้ ส่วนการวิ่งก็แล้วแต่เราอีกนั่นแหล่ะว่าจะวิ่งกี่รอบ”
ผมถามต่อถึงความเชื่อส่วนตัวของเขา “ส่วนตัวผมค่อนข้างเชื่อ ว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ ใครที่มาขออะไรท่านส่วนมากจะสมหวังทั้งนั้นแหล่ะ แต่ผมก็ไม่ประมาทนะ ถึงผมจะบนท่านแล้วก็ต้องอ่านหนังสือด้วย ไม่ใช่หวังพึ่งท่านอย่างเดียว ผมว่าท่านก็คงไม่อยากช่วยคนที่ไม่พยายามหรอก”
หลังจากคลายความสงสัยเรื่องไก่เคเอฟซีไปแล้ว ผมก็เหลือบไปเห็นเด็กน้อยวัย 10 ขวบ กำลังวิ่งรอบพ่อขุนฯ อีกคน ผมจึงเข้าไปสอบถามผู้ปกครองของเด็กหญิงคนนั้นได้ความว่า น้องเขาไปแข่งยูโด แล้วชนะได้เหรียญทองมา จึงมาแก้บนท่าน เพราะก่อนหน้าที่จะแข่งน้องเข้ามาไหว้ขอให้พ่อขุนฯ ช่วย ถ้าน้องเขาชนะเขาจะมาวิ่ง 10 รอบ พอผลการแข่งขันออกมาน้องเขาได้เหรียญทองทั้ง 4 ประเภทที่ลงแข่งขัน หลังจากนั้นน้องเขาก็กลับมาไหว้และนำพวงมาลัยมาถวายพร้อมกับวิ่ง 10 รอบตามที่ได้บอกกล่าวไว้
จากการสอบถามพ่อค้าที่ขายของแก้บนต่างๆ เล่าว่า “ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นนักศึกษาจะมาซื้อช้างและพวงมาลัยเป็นส่วนมาก ของ 2 สิ่งนี้จะขายดีที่สุด ลองลงมาก็จะเป็นวัวกับนางรำ ยิ่งช่วงเทศกาลสอบจะขายดีมาก ส่วนผู้ปกครองหรือคนข้างนอกก็จะมีมาซื้อกัน แต่เป็นส่วนน้อย ของที่ไว้แก้บนแต่ละอย่างก็ไม่ได้มีความหมายอะไร เพียงแค่ใครอยากบนด้วยอะไร ก็ตามความสะดวก ไม่มีข้อกำหนดอะไร ว่าขอเรื่องนั้นต้องบนของอย่างนี้”
จะเห็นได้ว่าความศักดิ์สิทธิ์ของ อนุสรณ์พ่อขุนรามคำแหง นั้นเป็นเลื่องลือกันไม่เฉพาะแค่นักศึกษาเท่านั้น ยังมีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่แวะเวียนกันมาขอความช่วยเหลือจากท่านไม่ขาดสาย ยิ่งในช่วงตอนเย็นของทุกวัน ถ้าเราได้มีโอกาสเข้ามาในมหาวิทยาลัยรามคำแหง เราก็จะได้เห็นผู้คนมากมายมาวิ่งกันที่รอบอนุสรณ์พ่อขุนฯ ถ้าเราไม่รู้ประวัติก็คงคิดว่าเขาเหล่านั้นมาวิ่งออกกำลังกายกัน แต่ถ้าเป็นเด็กรามคำแหงก็จะรู้ทันทีว่าเขาเหล่านั้นมาวิ่งแก้บนกันทั้งนั้นแหล่ะ
ถึงคุณจะไม่ได้เรียนในมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถ้าว่างก็สามารถเข้ามาได้ เพราะที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยเปิด... เปิดรับทุกคนอยู่แล้ว แต่อย่าลืมนะครับว่าการบนบานศาลกล่าว ก็ยังเป็นแค่ความเชื่อ ถ้าตัวเราไม่รู้จักพยายามเสียก่อน ต่อให้ใครศักดิ์สิทธิ์แค่ไหนก็ช่วยไม่ได้...ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จไม่ไปเกินเอื้อมแน่นอนครับ...
วันที่ 9 พ.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,156 ครั้ง เปิดอ่าน 7,150 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,151 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง เปิดอ่าน 7,148 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,146 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 17,400 ครั้ง |
เปิดอ่าน 26,970 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,455 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,804 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,437 ครั้ง |
|
|