ปัญหาต้นทุนจมไปกับสินค้าคงคลังที่ขายไม่ออก หรือที่เรียกว่า "สต๊อกจม" ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจไม่เติบโต เพราะปัญหาสต๊อกจมไม่ได้เป็นเพียงแค่สินค้าที่วางนิ่งอยู่ในคลัง แต่คือเงินทุนที่ควรจะหมุนเวียนสร้างกำไร กลับต้องหยุดชะงักและก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายแฝงมากมาย การนำ โปรแกรม ERP เข้ามาใช้ จึงไม่ใช่แค่การหาเครื่องมือมาจัดการสต๊อก แต่คือ
การวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรใหม่ทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนปัญหาสินค้าคงคลังให้กลายเป็นโอกาสในการเพิ่มกระแสเงินสดและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
สต๊อกจม (Dead Stock) คืออะไร? ทำไมถึงเป็นฝันร้ายของคนทำธุรกิจ
สต๊อกจม (Dead Stock) คือ สินค้าคงคลังที่ไม่ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวหรือการขายเป็นระยะเวลานาน โดยทั่วไปมักจะเป็นสินค้าที่ตกรุ่น เสื่อมสภาพ หมดอายุ หรือเป็นผลมาจากการคาดการณ์ความต้องการตลาดที่ผิดพลาด หลายธุรกิจอาจมองว่ามันเป็นเพียงแค่ "ของที่ยังขายไม่ได้" แต่ในความเป็นจริง สต๊อกจมคือตัวกัดกินผลกำไรและสภาพคล่องทางการเงิน
ผลกระทบของสต๊อกจม

- ต้นทุนค่าเสียโอกาส : เงินทุนที่จมอยู่กับสินค้าเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปลงทุนในสินค้าที่ขายดี ใช้ในการตลาด หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ได้ ทำให้ธุรกิจเสียโอกาสในการเติบโต
- ต้นทุนค่าจัดเก็บ : พื้นที่คลังสินค้ามีค่าใช้จ่าย ทั้งค่าเช่า ค่าประกันภัย ค่าพนักงานดูแล และค่าสาธารณูปโภค การเก็บรักษาสต๊
อกจมคือการจ่ายเงินเพื่อดูแลสิ่งที่ไม่ได้สร้างรายได้
- ต้นทุนความเสื่อม : มูลค่าของสินค้าลดลงตามกาลเวลา โดยเฉพาะสินค้าแฟชั่นและเทคโนโลยี ยิ่งเก็บไว้นาน มูลค่ายิ่งลดลงจนอาจต้องขายขาดทุนหรือทิ้งไปในที่สุด
- ต้นทุนด้านการบริหารจัดการ : เวลาและแรงงานที่ต้องใช้ในการนับสต๊อก จัดการ และวางแผนเพื่อระบายสินค้าเหล่านี้ออกไป สามารถนำไปใช้กับงานที่สร้างมูลค่าได้มากกว่า
โปรแกรม ERP คืออะไร และเข้ามาช่วยแก้ปัญหาสต๊อกจมได้อย่างไร?

โปรแกรม ERP คือซอฟต์แวร์บริหารจัดการทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กรแบบองค์รวม แนวคิดหลักของ โปรแกรม ERP ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การจัดการคลังสินค้า แต่มุ่งเน้นการรวมศูนย์ข้อมูล และเชื่อมโยงกระบวนการทำงานของทุกแผนกให้ทำงานบนฐานข้อมูลเดียวกัน ทำให้เราเห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้น
รวบรวมข้อมูลจากทุก ๆ ฝ่าย
โปรแกรม ERP มีประสิทธิภาพเหนือกว่าซอฟต์แวร์อื่น คือหลักการ "Single Source of Truth" หรือการมีแหล่งข้อมูลจริงเพียงชุดเดียวสำหรับทั้งองค์กร หมายความว่าเมื่อฝ่ายขายสร้างคำสั่งซื้อ ข้อมูลจะถูกอัปเดตไปยังฝ่ายคลังสินค้า เพื่อเตรียมจัดส่งและตัดสต๊อก พร้อมกับส่งข้อมูลต่อไปยังฝ่ายบัญชี เพื่อออกใบแจ้งหนี้โดยอัตโนมัติ ทุกฝ่ายทำงานบนข้อมูลชุดเดียวกันที่เป็นปัจจุบันที่สุด ช่วยลดความผิดพลาดจากการสื่อสารและการทำงานซ้ำซ้อนได้อย่างมหาศาล
สามารถดูข้อมูลสต๊อกสินค้าแบบเรียลไทม์
การทำงานบนฐานข้อมูลกลาง ทำให้ผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบจำนวนสินค้าคงคลังได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าสินค้านั้นจะอยู่ที่คลังใด หรือกำลังอยู่ในกระบวนการใดก็ตาม ช่วยให้ฝ่ายขายตอบคำถามลูกค้าได้อย่างมั่นใจ ฝ่ายจัดซื้อวางแผนการสั่งซื้อได้อย่างแม่นยำ และป้องกันปัญหาสินค้าขาด (Stockout) หรือสินค้าเกิน (Overstock) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสต๊อกจม อีกทั้งยังเป็นเรื่องมือที่ทำให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น
จัดการข้อมูลสินค้าคงคลังอย่างเป็นระบบ
โปรแกรม ERP ไม่ใช่แค่การบันทึกจำนวนเข้า-ออก แต่มาพร้อมเครื่องมือบริหารจัดการสต๊อกขั้นสูง เช่น การกำหนดจุดสั่งซื้อซ้ำอัตโนมัติ เพื่อให้ระบบแจ้งเตือนหรือสั่งซื้อสินค้าเติมสต๊อกเมื่อถึงระดับที่กำหนด การบริหารจัดการสินค้าตามหลัก FIFO (First-In, First-Out) เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าเก่าถูกขายออกไปก่อน ลดความเสี่ยงสินค้าหมดอายุหรือเสื่อมสภาพ ซึ่งฟังก์ชันเหล่านี้ของ โปรแกรม ERP ช่วยทำให้กระบวนการจัดการสต๊อกเป็นไปโดยอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพสูงสุด
วิเคราะห์ข้อมูลสินค้าเพื่อการวางแผนที่เฉียบคม
โปรแกรม ERP คือเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำมาสร้างรายงานและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้หลากหลายมิติ
- อัตราการหมุนเวียนของสินค้า เพื่อให้เรารู้ว่าสินค้าตัวไหนคือดาวเด่นและตัวไหนคือตัวถ่วง
- การวิเคราะห์การขายตามช่วงเวลา เพื่อคาดการณ์ความต้องการในอนาคต ได้อย่างแม่นยำ
- วางแผนสั่งซื้อและวางแผนการตลาดได้ตรงจุด
เพิ่มประสิทธิภาพและลดขั้นตอนการทำงาน
เมื่อข้อมูลเชื่อมถึงกัน กระบวนการทำงานที่เคยต้องทำด้วยมือและใช้เอกสารจำนวนมากจะถูกเปลี่ยนเป็นระบบอัตโนมัติ เช่น การออกใบสั่งซื้อ การตัดสต๊อก การบันทึกบัญชี สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยลดความผิดพลาดของมนุษย์ แต่ยังช่วยลดเวลาการทำงานของพนักงาน ทำให้พวกเขาสามารถมุ่งเน้นไปที่งานเชิงกลยุทธ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรได้มากขึ้น โปรแกรม ERP จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
เริ่มต้นจัดการสต๊อกด้วยโปรแกรม ERP ต้องพิจารณาอะไรบ้าง?
- ประเมินความต้องการของธุรกิจ วิเคราะห์ปัญหาและเป้าหมายขององค์กรเพื่อเลือกระบบให้เหมาะสม
- เลือกผู้ให้บริการ ที่มีความเชี่ยวชาญและบริการหลังการขายที่น่าเชื่อถือ
- เตรียมความพร้อมของทีมงาน สื่อสารและฝึกอบรมพนักงานให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและใช้งานระบบใหม่
ซึ่ง Dynamics Motion เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและวางระบบ ERP แบบครบวงจร เราทำงานร่วมกับธุรกิจเพื่อวิเคราะห์ความต้องการและสร้างโซลูชัน ERP ที่เหมาะสมที่สุด ช่วยให้สามารถรวบรวมข้อมูลสำคัญได้อย่างเป็นระบบและนำไปต่อยอดการจัดการสินค้าคงคลัง ที่พร้อมสร้างการเติบโตได้อย่างมืออาชีพ
สรุป
การจัดการสต๊อกที่มีประสิทธิภาพเป็นมากกว่าการนับจำนวนสินค้าให้ถูกต้อง แต่ปัจจัยสำคัญของการบริหารกระแสเงินสดและสร้างความมั่นคงให้ธุรกิจ การปล่อยให้ปัญหาสต๊อกจมกัดกินเงินทุน คือการปิดกั้นโอกาสในการเติบโต การลงทุนในโปรแกรม ERP จึงไม่ใช่ค่าใช้จ่าย แต่คือการลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อวางรากฐานข้อมูลที่แข็งแกร่ง ช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดอยู่เสมอ เพื่อนำพาธุรกิจก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน