น้ำดื่มสะอาดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกสำนักงาน การลงทุนในเครื่องกรองน้ำที่มีคุณภาพจึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าในระยะยาว แต่ เครื่องกรองน้ำสำหรับออฟฟิศราคาเท่าไรและควรเลือกอย่างไร? บทความนี้จะแนะนำข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของหน่วยงาน
ประเภทของเครื่องกรองน้ำสำหรับออฟฟิศและราคาโดยประมาณ
1. เครื่องกรองน้ำแบบตั้งพื้น (Floor Standing Water Dispensers)
เครื่องกรองน้ำแบบตั้งพื้นราคา เริ่มต้นประมาณ 5,000 - 25,000 บาท ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและแบรนด์ เครื่องประเภทนี้เหมาะสำหรับออฟฟิศขนาดกลางถึงใหญ่ที่มีพนักงานจำนวนมาก ข้อดีคือมีความจุสูง สามารถให้บริการได้ทั้งน้ำเย็น น้ำร้อน และบางรุ่นมีน้ำอุณหภูมิปกติด้วย เครื่องระดับพรีเมียมอาจมีระบบกรองหลายชั้น เช่น ระบบ RO หรือ UV เพื่อการกรองที่มีประสิทธิภาพสูง
2. เครื่องกรองน้ำแบบตั้งโต๊ะ (Countertop Water Purifiers)
เครื่องกรองน้ำแบบตั้งโต๊ะราคา ประมาณ 3,000 - 15,000 บาท เหมาะสำหรับสำนักงานขนาดเล็กถึงกลาง ประหยัดพื้นที่เพราะสามารถวางบนเคาน์เตอร์หรือโต๊ะได้ แม้จะมีขนาดเล็กกว่า แต่หลายรุ่นก็มีประสิทธิภาพการกรองที่ดี มีทั้งระบบร้อน-เย็น หรือเย็นอย่างเดียว ทำให้มีตัวเลือกที่หลากหลายตามความต้องการ
3. เครื่องกรองน้ำระบบท่อ (Under-sink Water Filtration)
เครื่องกรองน้ำระบบท่อราคา เริ่มต้นที่ 2,000 - 20,000 บาท ระบบนี้ติดตั้งใต้อ่างล้างมือหรือซิงค์ ทำให้ประหยัดพื้นที่ใช้สอย เหมาะกับออฟฟิศที่มีห้องครัวหรือพื้นที่เตรียมอาหาร ข้อดีคือมีความสวยงามเพราะซ่อนระบบกรองไว้ และสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง แต่ส่วนใหญ่จะให้น้ำอุณหภูมิปกติเท่านั้น หากต้องการน้ำร้อนหรือเย็นต้องติดตั้งอุปกรณ์เสริม
4. เครื่องทำน้ำร้อน-เย็นแบบถังคว่ำ (Bottled Water Dispensers)
เครื่องทำน้ำร้อน-เย็นแบบถังคว่ำราคา ประมาณ 2,000 - 10,000 บาท เป็นทางเลือกที่มีค่าลงทุนเริ่มต้นต่ำ แต่มีค่าใช้จ่ายต่อเนื่องในการซื้อน้ำดื่มถัง เหมาะสำหรับออฟฟิศที่ไม่ต้องการติดตั้งระบบกรองน้ำถาวร หรือมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่และงบประมาณ
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกเครื่องกรองน้ำสำหรับออฟฟิศ
1. จำนวนผู้ใช้งาน
ประเมินจำนวนพนักงานในออฟฟิศเพื่อเลือกเครื่องที่มีกำลังการผลิตเหมาะสม โดยทั่วไป พนักงาน 1 คนดื่มน้ำประมาณ 2-3 ลิตรต่อวัน
2. พื้นที่ติดตั้ง
พิจารณาพื้นที่ที่จะติดตั้งเครื่อง ออฟฟิศที่มีพื้นที่จำกัดอาจเหมาะกับเครื่องแบบตั้งโต๊ะหรือระบบใต้อ่าง
3. เทคโนโลยีการกรอง
เครื่องกรองน้ำระบบ RO ราคาจะสูงกว่าระบบกรองทั่วไป แต่ให้น้ำที่สะอาดกว่า เหมาะสำหรับพื้นที่ที่คุณภาพน้ำประปาไม่ดี ส่วนระบบ UV ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ฟังก์ชันการใช้งาน
พิจารณาว่าต้องการเฉพาะน้ำเย็น หรือต้องการทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น บางรุ่นมีฟังก์ชันพิเศษ เช่น น้ำอุณหภูมิปกติ หรือน้ำโซดา
5. ค่าบำรุงรักษา
ค่าบำรุงรักษาเครื่องกรองน้ำมีราคาไส้กรองและความถี่ในการเปลี่ยนเป็นปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงถึง เครื่องบางรุ่นมีค่าบำรุงรักษาต่ำแต่ประสิทธิภาพการกรองอาจน้อยกว่า
6. แบรนด์และการรับประกัน
เลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและให้การรับประกันที่ดี เพื่อความมั่นใจในคุณภาพและบริการหลังการขาย
แนวทางการประหยัดค่าใช้จ่าย
1. พิจารณาเช่าแทนซื้อ
หลายบริษัทมีบริการให้เช่า เครื่องกรองน้ำรายเดือนราคา ประมาณ 500 - 2,000 บาท ซึ่งรวมค่าบำรุงรักษาและเปลี่ยนไส้กรอง เหมาะสำหรับธุรกิจที่ไม่ต้องการลงทุนก้อนใหญ่
2. เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระยะยาว
คำนวณต้นทุนรวมตลอดอายุการใช้งาน (TCO) โดยรวมค่าเครื่อง ค่าติดตั้ง ค่าไส้กรอง และค่าไฟฟ้า เทียบกับการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวด
การเลือก เครื่องกรองน้ำสำหรับออฟฟิศราคา ที่เหมาะสมต้องพิจารณาทั้งงบประมาณเริ่มต้น ค่าใช้จ่ายระยะยาว จำนวนผู้ใช้งาน และคุณภาพน้ำที่ต้องการ การลงทุนในระบบที่มีคุณภาพดีแม้จะมีราคาสูงกว่าในตอนแรก แต่มักจะคุ้มค่ากว่าในระยะยาว ทั้งในแง่ของสุขภาพพนักงานและประสิทธิภาพการทำงาน เพราะการมีน้ำดื่มสะอาดพร้อมให้บริการตลอดเวลาเป็นสวัสดิการพื้นฐานที่สำคัญสำหรับทุกสำนักงานในปัจจุบัน