เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ครั้งที่ 6/2568 โดยได้นำข้อสั่งการของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แจ้งต่อที่ประชุมเพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว โดยมี นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. พร้อมด้วยผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ.4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า วันนี้มีการหารือประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ ได้แก่ การใช้ระบบการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (TEACHER ROTATION SYSTEM : TRS) ซึ่งพัฒนาโดยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)เพื่ออำนวยความสะดวกให้ครูสามารถขอย้ายผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งจากการเปิดระบบถึงวันที่ 31 มกราคม 2568 มีครูในสังกัด สพฐ.ยื่นความจำนงทั้งสิ้น 33,982 คน เพิ่มขึ้น 4,705 คน จากปี 2567 ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของครูได้มาก และหากคิดเป็นงบประมาณสามารถประหยัดได้ถึง 32 ล้านบาท ทั้งนี้ ตามข้อสั่งการของรมว.ศึกษาธิการ ต้องดำเนินการย้ายครูให้แล้วเสร็จก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1/2568 เพื่อให้มีครูเข้าไปประจำการที่โรงเรียนทันก่อนเปิดเทอม
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อไปว่า เรื่องต่อมาคือเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญที่ได้มีการติดตามทุกสัปดาห์ จากข้อมูลล่าสุด วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 มีครูสมัครเข้ามาในระบบแก้หนี้ครู จำนวน 7,762 คน ได้รับการแก้ไขสำเร็จแล้ว 1,589 คน คิดเป็นร้อยละ 20.47 รวมมูลหนี้ที่แก้ไขสำเร็จ 4,767 ล้านบาท และยังคงเหลือที่ต้องแก้ไขอีก 6,354 คน โดยสพฐ.จะติดตามและแก้ไขปัญหาให้สำเร็จเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการอบรมให้ความรู้ทางด้านการเงินแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา และประชาชนทั่วไปที่สนใจ ในหลักสูตร Money Coach ผ่านระบบออนไลน์ มีผู้เข้าอบรมจำนวน 109,601 คน ผ่านการอบรม 80,299 คน คิดเป็นร้อยละ 73.26 โดยคนที่ผ่านการอบรมจะไปขยายผลให้ความรู้กับเพื่อนๆ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องให้มีความรู้เรื่องการเงิน สามารถวางแผนการใช้จ่ายของตนเองได้ และไม่สร้างภาระหนี้ในอนาคตด้วย
“นอกจากนี้ ได้มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ปีงบประมาณ 2568 โดยมีการเบิกจ่ายแล้ว 3,137 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54.16 และคงเหลือ 2,655 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 45.84 โดยให้ทุกโรงเรียนและเขตพื้นที่ ดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้ ส่วนจำนวนเงินที่กันไว้จากปี 2567 ก็ให้เร่งรัด ดำเนินการเบิกจ่ายโดยเร็ว เพื่อรักษาวินัยทางการเงินการคลัง และเรื่องสุดท้าย วันนี้มีภาคเอกชนได้มอบคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลน ได้แก่ มูลนิธิ ไซมิส สิ่งสรรเสริญ ร่วมกับ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) บริจาคคอมพิวเตอร์มือสองสภาพดี จำนวน 36 ชุด เพื่อนำไปมอบให้กับโรงเรียนในสังกัด สพฐ. ที่ขาดแคลนเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 3 โรงเรียน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือในอนาคต เพื่อพัฒนาและขยายโอกาสแห่งการเรียนรู้ให้กับเยาวชนไทย โอกาสนี้ สพฐ. ขอเชิญชวนภาคเอกชนและภาคประชาสังคม มาร่วมเป็นภาคีเครือข่าย (Partnership) กับโรงเรียนของเรา เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพโรงเรียนทั่วประเทศต่อไป” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก FOCUSNEWS วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568