ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

เรื่องควรรู้เกี่ยวกับประกันสังคม..


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,138 ครั้ง
Advertisement

เรื่องควรรู้เกี่ยวกับประกันสังคม..

Advertisement

>>ประกันสังคม

คู่มือประกันสังคม
สิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคม  7  กรณี
1. กรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตรายที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน
2.กรณีคลอดบุตร
3.กรณีทุพพลภาพ
4.กรณีตาย
5.กรณีสงเคราะห์บุตร
6.กรณีชราภาพ
7.กรณีว่างงาน
สิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย

คู่มือประกันสังคม
สิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคม 7 กรณี
 
 
 

1. กรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตรายที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน

2. กรณีสงเคราะห์บุตร

3. กรณีทุพพลภาพ

4. กรณีตาย

5. กรณีสงเคราะห์บุตร

6. กรณีชราภาพ

7. กรณีว่างงาน

สิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทนกรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตรายทุพพลภาพตาย เนื่องจากการทำงาน
 
คำแนะนำสำหรับผู้ประกันตนกรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตรายที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน
กรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตรายที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน
- ได้รับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลที่ท่านเลือกตามบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาลโดยไม่เสีย ค่าใช้จ่าย
-ได้รับเงินทดแทนกรณีขาดรายได้ในระหว่างที่หยุดพักรักษาตัวตามคำสั่งแพทย์จำนวนครึ่งหนึ่งของค่าจ้างตามจำนวนวันที่หยุดจริงไม่เกินครั้งละ 90 วัน และไม่เกิน 180 วันในหนึ่งปี หากเจ็บป่วยเรื้อรัง จะได้รับเงินทดแทนไม่เกิน 365 วัน
กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือเกิดอุบัติเหตุและไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯได้ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องรักษาพยาบาลโดยเร่งด่วน มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
***ท่านสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด***
โดยผู้ประกันตนหรือญาติหรือผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องรีบแจ้งให้โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ทราบโดยด่วนเพื่อจะได้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลต่อไป
      สำหรับค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นก่อนการแจ้งให้โรงพยาบาลตามบัตร รับรองสิทธิฯทราบ สำนักงานประกันสังคมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง) ดังนี้
กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน ใช้สิทธิได้ปีละไม่เกิน 2 ครั้ง
ผู้ป่วยนอก
- ค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 300 บาท/ครั้ง
- ค่าตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือด การตรวจหาเชื้อโรค จ่ายเพิ่มค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 200 บาท/ครั้ง
- ค่าหัตถการจากการแพทย์ เช่น การเย็บแผล การทำแผลจ่ายเพิ่มจากค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 200 บาท/ครั้ง
ผู้ป่วยใน
- ค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 1,500 บาท
- ค่าห้อง ค่าอาหารไม่เกินวันละ 700 บาท
- ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มกรณีที่ต้องรักษาในห้อง ICU ไม่เกินวันละ 2,000 บาท
- กรณีผ่าตัดใหญ่ไม่เกิน 2 ชั่วโมง จ่ายตามจำนวนจ่ายจริงไม่เกิน 8,000 บาท ถ้าเกิน 2 ชั่วโมง จ่ายตามจำนวนจ่ายจริงไม่เกิน 14,000 บาท ต่อการเจ็บป่วยแต่ละครั้ง
- ค่า X-RAY ระบบ CT SCAN หรือ MRI ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดจ่ายตามจำนวนจริง ไม่เกิน 4,000 บาท ต่อการเจ็บป่วยแต่ละครั้ง
กรณีอุบัติเหตุ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
- เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐ สำนักงานประกันสังคมจ่ายให้เท่าที่จ่ายจริง ยกเว้นค่าห้อง ค่าอาหาร ไม่เกินวันละ 700 บาท
- เข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชน สำนักงานประกันสังคมจ่ายตามหลักเกณฑ์เดียวกับการเจ็บป่วยกรณีฉุกเฉิน
หลักเกณฑ์ที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน
- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส.2 - 01)
- ใบเสร็จรับเงิน
- ใบรับรองแพทย์
บัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล
คือ บัตรที่สำนักงานประกันสังคม ออกให้แก่ผู้ประกันตน เพื่อเป็นหลักฐานในการรักษาตัว ณ โรงพยาบาลที่ท่านเลือก โดยท่านจะได้รับบัตรเมื่อจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมครบ 3 เดือน บัตรนี้สามารถแจ้งเปลี่ยนสถานพยาบาลทุกสิ้นปี หรือในกรณีที่ท่านย้ายที่ทำงาน
โรคและบริการที่ไม่สามารถใช้สิทธิจากกองทุนประกันสังคมได้
- โรคจิต ยกเว้นกรณีเฉียบพลันซึ่งต้องรักษาในทันที และระยะการรักษาไม่เกิน 15 วัน
- โรคหรือประสบอันตรายอันเนื่องมาจาก การใช้สารเสพติดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด
- โรคเดียวกันที่ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาตัวในโรงพยาบาลประเภทคนไข้ในเกิน 180 วันในหนึ่งปี
- การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ยกเว้น
      (ก) กรณีไตวายเฉียบพลันที่มีระยะเวลาการรักษาไม่เกิน 60 วัน ให้มีสิทธิได้รับบริการทางการแพทย์
      (ข) กรณีเจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ให้มีสิทธิได้รับบริการทางการแพทย์โดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขและอัตรากำหนดในประกาศสำนักงานประกันสังคม
- การกระทำใดๆ เพื่อรักษาความสวยงามโดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
- การรักษาที่ยังอยู่ระหว่างการค้นคว้าทดลอง
- การรักษาภาวะมีบุตรยาก
- การตรวจเนื้อเยื่อเพื่อการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ ยกเว้น การปลูกถ่ายไขกระดูก
- การตรวจใดๆ ที่เกินความจำเป็นในการรักษาโรคนั้น
- การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ ยกเว้นการปลูกถ่ายไขกระดูกตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
- การเปลี่ยนเพศ
- การผสมเทียม
- การบริการระหว่างรักษาตัวแบบพักฟื้น
- ทันตกรรม ยกเว้น ถอนฟัน อุดฟัน และขูดหินปูน
- แว่นตา
การรักษาพยาบาลในกรณีอื่นๆ
ค่าบริการทางการแพทย์กรณีทันตกรรม
      ผู้ประกันตนมีสิทธิเบิกค่าบริการทางแพทย์ กรณีทันตกรรมเฉพาะกรณีถอนฟัน อุดฟัน และขูดหินปูนได้ครั้งละไม่เกิน 200 บาท ปีละไม่เกิน 400 บาท
หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีทันตกรรม
- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีทันตกรรม (สปส.2-16) พร้อมใบรับรองแพทย์
- ใบเสร็จรับเงิน
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประเภทออมทรัพย์หน้าแรก ซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชี (กรณีขอรับเงินทางธนาคาร)
ค่าบริการทางการแพทย์กรณีฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
ผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่มีสิทธิได้รับบริการทางการแพทย์ โดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมตามหลักเกณฑ์เงื่อนไข และอัตราการบริการทางการแพทย์ โดยสำนักงานประกันสังคมจ่ายค่าบริการทางการแพทย์โดยการฟอกเลือดด้วยเครื่งไตเทียมให้แก่สถานพยาลในความตกลงและให้บริการฟอกเลือดแก่ผู้ประกันตนในอัตราไม่เกิน 1,500 บาท ต่อครั้ง และไม่เกิน 3,000 บาทต่อสัปดาห์
หลักฐานในการยื่นคำขอรับการฟอกเลือด
- แบบคำขอรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (สปส.2 -18)
- สำเนาเวชระเบียนในส่วนที่เกี่ยวข้อง
- ผลการตรวจไตตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขฯ แนบท้ายประกาศสำนักงานประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราสำหรับประโยชน์ทดทแนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน (ฉบับที่ 8)
- สำเนาบัตรประชาชน
ขั้นตอนการรับประโยชน์ทดแทน
- ผู้ประกันตนต้องการกรอกแบบ สปส.2 -18 พร้อมลงลายมือชื่อและนำมายื่นที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/ จังหวัดทั่วประเทศ หรือยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนทางไปรษณีย์หรือขอรับประโยชน์ทดแทนทางโทรศัพท์
- เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานเสนอคณะกรรมาการแพทย์
- สำนักงานประกันสังคมมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณา
ค่าบริการทางการแพทย์ กรณีปลูกถ่ายไขกระดูก
      สำนักงานประกันสังคมจะจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้แก่สถานพยาบาลใน ความตกลงที่ให้ผู้ประกันตนจนสิ้นสุดการรักษาในวงเงิน 750,000 บาท
ขั้นตอนการขอรับประโยชน์ทดแทน
- ผู้ประกันตนจะต้องเข้าโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯก่อนหากแพทย์ลงความเห็นว่าต้องรักษาด้วยวิธีปลูก ถ่ายไขกระดูก ผู้ประกันตน ต้องยื่นเรื่องให้สำนักงานประกันสังคม เพื่อให้คณะกรรมการการแพทย์วินิจฉัยถึง ความเหมาะสมอีกครั้ง ทั้งนี้ในการพิจารณาจะคำนึงถึงเหตุผลความจำเป็น และสภาพทั่วไปของผู้
      ประกันตนโดยสำนักงานฯ จะส่งตัวผู้ประกันตนไปรักษายังโรงพยาบาล ที่อยู่ในความตกลงซึ่งมีอยู่ 4 แห่ง คือ ร.พ.ศิริราช,จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,รามาธิบดี และพระมงกุฎเกล้า
ในกรณีที่ท่านเกิดปัญหาในการเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาล ตามบัตรรับรองสิทธิฯ โทรแจ้งสำนักงานประกันสังคมทุกแห่ง หรือโทรสายด่วน 1506
คำเตือน: โปรดพกพาบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาลติดตัวไว้ตลอดเวลา
คำแนะนำสำหรับผู้ประกันตนกรณีคลอดบุตร
หลักเกณฑ์ที่ท่านได้รับสิทธิ
ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 เดือน ก่อนวันคลอดบุตร
สิทธิที่ท่านได้รับ
ผู้ประกันตนหญิง
- เงินค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย 6,000 บาท /ครั้ง
- เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นระยะเวลา 90 วัน
ผู้ประกันตนชาย
      เงินค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย 6,000 บาท/ครั้ง สำหรับภรรยาที่ จดทะเบียนสมรสทางกฎหมายหรืหญิงที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยา แต่มิได้จดทะเบียน
หมายเหตุ: ถ้าสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ ให้ใช้สิทธิในการเบิกค่าคลอดบุตรไม่เกิน 4 ครั้ง โดยบุตรที่นำมาใช้สิทธิเบิกค่าคลอดบุตรแล้วไม่สามารถนำมาขอรับค่าคลอดบุตรได้อีก
ผู้ประกันตนจะไปรับบริการทางการแพทย์ที่ไหน
      การรับบริการทางการแพทย์กรณีคลอดบุตร สำนักงานประกันสังคม ไม่ได้กำหนดสถานพยาบาลผู้ประกันตนสามารถเลือกใช้สถานพยาบาลสำหรับการคลอดบุตรได้เองตามความสะดวก
หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน
- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส. 2-01)
- สำเนาสูติบัตรของบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรแฝดด้วย
- สำเนาทะเบียนสมรส (กรณีภรรยาของผู้ประกันตนคลอดบุตร)หากไม่มีทะเบียนสมรส ให้แนบหนังสือรับรอง ของผู้ประกันตนกรณีไม่มีทะเบียนสมรส
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยาหรือธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประเภทออมทรัพย์ หน้าแรกซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชี
 
คำแนะนำสำหรับผู้ประกันตนกรณีทุพพลภาพ
หลักเกณฑ์ที่ทำให้ท่านได้รับสิทธิ
      ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน ก่อนวันที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดให้เป็นผู้ทุพพลภาพ
สิทธิที่ท่านได้รับ
ค่ารักษาพยาบาล
      จ่ายเท่าที่จ่ายจริงไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท
จ่ายเท่าที่จ่ายจริงไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท
      ได้รับอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างตลอดชีวิต
ค่าอวัยวะเทียม / อุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค
       ผู้ทุพพลภาพมีสิทธิได้รับค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ฯ ตามประกาศของสำนักงานประกันสังคม เรื่อง ประเภทและอัตราค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบำบัด รักษาโรคกรณีทุพพลภาพ
ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพ
       ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกาย จิตใจและอาชีพเท่าที่จ่ายจริง ตามความจำเป็นไม่เกิน 40,000 บาทต่อราย ทั้งนี้ให้จ่ายตามประกาศสำนักงานประกันสังคม เรื่อง กำหนด หลักเกณฑ์อัตราค่าฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ทุพพลภาพ
ค่าทำศพ
       กรณีผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพถึงแก่ความตาย ผู้จัดการ ศพมีสิทธิได้รับค่าทำศพ 30,000 บาท
เงินสงเคราะห์บุตร
       กรณีผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพถึงแก่ความตาย ผู้มีสิทธิ ได้รับเงินสงเคราะห์ดังนี้
- ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 10 ปี ก่อนเป็นผู้ทุพพลภาพ ให้ได้ รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้างเฉลี่ยหนึ่งเดือนครึ่ง
- ผู้ประกันตนจ่ายเงินตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปก่อนเป็นผู้ทุพพลภาพให้ได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าเฉลี่ย 5 เดือน
หมายเหตุ: เงินค่าทำศพและเงินสงเคราะห์จะมีสิทธิเฉพาะผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2538 เป็นต้นมา
หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน
- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส.2-01)/DD>
- ใบเสร็จรับเงิน (กรณีขอรับเงินทดแทนการขาดรายได้และกรณีขอรับค่าอวัยวะเทียม/อุปกรณ์ฯ ให้แพทย์ระบุประเภทอวัยวะเทียม//อุปกรณ์ฯ ให้แพทย์ระบุประเภทอวัยวะเทียม/อุปกรณ์ฯที่ใช้)
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยาหรือธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประเภทออมทรัพย์ หน้าแรกซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชี (กรณีขอรับเงินผ่านธนาคาร)
 
คำแนะนำสำหรับผู้ประกันตนกรณีตาย
หลักเกณฑ์ที่ทำให้ท่านได้รับสิทธิ
       ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 เดือน ก่อนวันถึงแก่ความตาย
สิทธิที่ท่านจะได้รับ
1. ผู้จัดการศพมีสิทธิได้รับค่าทำศพ 30,000 บาท
2. ผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินสงเคราะห์กรณีตายดังนี้
- ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปแต่ไม่ถึง 10 ปีให้ได้รับเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปแต่ไม่ถึง 10 ปี ให้ได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้างโดยเฉลี่ย 1 เดือนครึ่ง
- ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปให้ได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้างโดยเฉลี่ย 5 เดือนี้
ใครคือผู้จัดการศพ
- บุคคลซึ่งผู้ประกันตนทำหนังสือให้เป็นผู้จัดการงานศพและได้เป็นผู้จัดการศพผู้ประกันตน
- คู่สมรส บิดา มารดา หรือบุตรของผู้ประกันตนที่มีหลักฐานแสดงว่าเป็นผู้จัดการศพผู้ประกันตน
- บุคคลอื่นที่มีหลักฐานแสดงว่าเป็นผู้จัดการศพผู้ประกันตน
ผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์กรณีที่ผู้ประกันตนถึงแก่ความตาย ได้แก่
- บุคคลซึ่งผู้ประกันตนทำหนังสือระบุให้เป็นผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์ หากผู้ประกันตนมิได้มีหนังสือระบุไว้ ผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์ คือ
      1. สามี หรือภริยา ที่จดทะเบียนแก่ผู้ประกันตน
      2. บิดา มารดา
      3. บุตร ชอบด้วยกฎหมายผู้ประกันตน
หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน
กรณีขอรับค่าทำศพ
- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส.2-01)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้จัดการศพ
- หลักฐานจากฌาปณสถานหรือมัสยิดที่แสดงว่าเป็นผู้จัดการศพ
- สำเนาใบมรณบัตร
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยาหรือธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประเภทออมทรัพย์ หน้าแรกซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้จัดการศพกรณีขอรับเงินผ่านธนาคาร
กรณีขอรับเงินสงเคราะห์บุตร
- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส. 2-01)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์บุตร
- สำเนาทะเบียนสมรสของผู้ประกันตนและบิดา มารดา
- สำเนาสูติบัตรของบุตรหรือทะเบียนบ้านของบุตรกรณีไม่มีสูติบัตร
- หนังสือรับรองของนายจ้าง
- กรณีขอรับเงินผ่านธนาคาร ให้แนบสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยาหรือธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประเภทออมทรัพย์หน้าแรกซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้มีสิทธิ
 
คำแนะนำสำหรับผู้ประกันตนกรณี สงเคราะห์บุตร
หลักเกณฑ์ที่ทำให้ท่านได้รับสิทธิ
      ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน
สิทธิที่ท่านได้รับ
      เงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 200 บาทต่อบุตรหนึ่งคน
เงื่อนไขบุตรจะได้รับเงินสงเคราะห์
- เงินสงเคราะห์บุตรสำหรับบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์ คราวละไม่เกิน 2 คน (บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวไม่รวมถึงบุตรบุญธรรมหรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น)
หลักเกณฑ์การใช้สิทธิขอรับประโยชน์ทดแทน
1. ในกรณีที่บิดาและมารดาเป็นผู้ประกันตน
      - ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดทแนเพียงฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง
      - เมื่อมีการจดทะเบียนหย่าหรือแยกกันอยู่ลแะบุตรอยู่ในความอุปการะของ ผู้ประกันตนฝ่ายใด ให้ผู้ประกันตนฝ่าย นั้นมีสิทธิได้รับประโยชนทดแทน
2. ผู้ประกันตนมีสิทธิขอรับประโยชน์ทดแทนสำหรับบุตรคราวละไม่เกิน 2 คน โดยนับเรียงลำดับ การเกิดก่อนหลัง
3. ให้ผู้ประกันตน/ผู้มีสิทธิ แสดงหลักฐานการมีชีวิตอยู่ของบุตร ณ สำนักงานประกันสังคมที่ท่านได้ยื่นคำขอ รับประโยชน์ทดแทนไว้ปีละ 1 ครั้ง ระหว่างวันที่ 1-31 ตุลาคมของทุกปี
หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน
- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส. 2-01)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรส
- สำเนาทะเบียนสมรสหรือทะเบียนหย่าของผู้ประกันตน(กรณีจดทะเบียนหย่า)
- สำเนาสูติบัตร
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้มีสิทธิ
 
คำแนะนำสำหรับผู้ประกันตนกรณีชราภาพ
หลักเกณฑ์ที่ทำให้ท่านได้รับสิทธิ
กรณีเงินบำนาญชราภาพ
- ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือนไม่ว่าระยะเวลา 180 เดือน จะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม และ
- ต้องมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และ
- ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
สิทธิที่ท่านได้รับ
เงินบำนาญชราภาพ
- กรณีจ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือนให้ได้รับเงินบำนาญชราภาพในอัตราร้อยละ 15 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
- จ่ายเงินสมทบเกินกว่า 180 เดือน ให้ปรับเพิ่มอัตราเงินบำนาญชราภาพ ตามข้อ 1 จากอัตราร้อยละ 15 เพิ่มขึ้น อีกร้อยละ 1ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบครบ 12 เดือน
เงินบำเหน็จชราภาพ
1. กรณีจ่ายเงินสมทบต่ำกว่า 12 เดือน ให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตน จ่ายสมทบเข้ากองทุน
2. กรณีจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป ให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบที่ผู้ผู้ประกันตน และนายจ้างจ่ายสมทบเข้ากองทุนพร้อมผลประโยชน์?ตอบแทนตามที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด
3. กรณีผู้รับเงินบำนาญชราภาพหรือถึงแก่ความตายภายใน 60 เดือน นับแต่เดือนที่มีสิทธิได้รับเงินบำนาญ ชราภาพให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพจำนวน 10 เท่า ของเงินบำนาญชราภาพรายเดือนที่ได้รับคราวสุดท้ายก่อน ถึงแก่ความตาย
หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน
- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส. 2-01)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ประกันตน
กรณีผู้ประกันตนถึงแก่ความตาย
- สำเนามรณบัตรของผู้ประกันตน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของทายาทผู้มีสิทธิ
- สำเนาทะเบียนสมรสของผู้ประกันตนและของบิดา มารดา
- สำเนาสูติบัตรของบุตรหรือสำเนาทะเบียนบ้านของบุตรกรณีไม่มีสูติบัตร
- สำเนาทะเบียนบ้านของทายาทผู้มีสิทธิ
- กรณีขอรับเงินผ่านธนาคาร ให้แนบสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยาหรือธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประเภทออมทรัพย์หน้าแรกซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ได้รับประโยชน์ทดทแนด้วย
หมายเหตุ: เงินบำนาญชราภาพ จ่ายเป็นรายเดือน เงินบำเหน็จชราภาพ จ่ายครั้งเดียว
 
คำแนะนำสำหรับผู้ประกันตนกรณีว่างงาน
หลักเกณฑ์ที่ทำให้ท่านได้รับสิทธิ
       ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ก่อนการว่างงาน
เงื่อนไขการเกิดสิทธิ เมื่อถูกเลิกจ้างหรือลาออก
- ต้องขึ้นทะเบียนจัดหางานที่สำนักงานจัดหางานของรัฐ
- มีความสามารถในการทำงานและพร้อมที่จะทำงานเหมาะสมตามที่จัดหาให้
- ต้องไม่ปฏิเสธการฝึกงาน
- ต้องรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง
- ผู้ว่างงานต้องไม่ถูกเลิกจ้างเนื่องจากกรณี :
      1. ทุจริตต่อหน้าที่
      2. กระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
      3. จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
      4. ฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบที่เกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งอันชอบ ด้วยกฏหมายกรณีร้ายแรง
      5. ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 7 วันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุผล อันสมควร
      6. ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหาย อย่างร้ายแรง
      7. ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดเว้นแต่โทษสำหรับ ความผิดลหุโทษร้ายแรง
- ต้องมิใช่ผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ
- มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนตั้งแต่วันที่ 8 นับแต่วันว่างเว้นจากการทำงานกับนายจ้างรายสุดท้าย
- ไม่เว้นเป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจตามมาตรา 39
สิทธิที่ท่านจะได้รับเงิน
กรณีถูกเลิกจ้าง
- ได้รับเงินทดแทนระหว่างว่างงานปีละไม่เกิน 180 วัน ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้าง
กรณีลาออก
- ได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 90 วัน ในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้าง
**หากใน 1 ปีปฏิทิน มีการยื่นขอรับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานทั้ง 2 กรณี ให้นับระยะเวลาการรับเงิน ทดแทนระหว่างว่างงานรวมไม่เกิน 180 วัน**
**เงินทดแทนการขาดรายได้จะจ่ายเป็นงวดเดือนโดยโอนผ่านธนาคารตามที่ผู้ประกันตนแจ้ง** หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน
- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (สปส.2 -01/7)
- บัตรประจำตัวประชาชน
- รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว 1 รูป
- หนังสือรับรองการออกจากงานหรือสำเนาแบบแจ้งการลาออกจากงาน (ถ้ามี)
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกซึ่งมีชื่อและบัญชีของผู้ประกันตน
คำเตือน
      ผู้ประกันตนต้องยื่นเรื่องขอรับประโยชน์ทดแทนทุกกรณี ภายในระยะเวลา 1 ปีนับจากวันที่เกิดสิทธิ
      ผู้ประกันตนออกจากงานจะได้รับความคุ้มครองจากกองทุนประกันสังคมต่ออีก 6 เดือนใน 4 กรณีนบจากวันที่ออกจากงานได้แก่
      1. กรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย
      2. กรณีคลอดบุตร
      3. กรณีทุพพลภาพ
      4. กรณีตาย

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 3113 วันที่ 7 พ.ค. 2552


เรื่องควรรู้เกี่ยวกับประกันสังคม..

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

 การโอนลอย

การโอนลอย


เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง
แบบประเมินบทบาทสมมติ

แบบประเมินบทบาทสมมติ


เปิดอ่าน 7,651 ครั้ง
สื่อการสอนภาษาอังกฤษ(30)

สื่อการสอนภาษาอังกฤษ(30)


เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง
ลำดับของเนื้อคู่

ลำดับของเนื้อคู่


เปิดอ่าน 7,181 ครั้ง
"บายศรีสู่ขวัญ"

"บายศรีสู่ขวัญ"


เปิดอ่าน 7,169 ครั้ง
ไอเดียดี

ไอเดียดี


เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง
  การตัดแต่งต้นไม้

การตัดแต่งต้นไม้


เปิดอ่าน 7,155 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

อนาคตการศึกษาไทย

อนาคตการศึกษาไทย

เปิดอ่าน 7,144 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
แนวภาพเสียวๆ จะหลุดๆ
แนวภาพเสียวๆ จะหลุดๆ
เปิดอ่าน 7,148 ☕ คลิกอ่านเลย

5 อสรพิษ..อย่าคิดเข้าใกล้..!!มาดูเร็วไว..มันคืออะไรกัน..???
5 อสรพิษ..อย่าคิดเข้าใกล้..!!มาดูเร็วไว..มันคืออะไรกัน..???
เปิดอ่าน 7,149 ☕ คลิกอ่านเลย

สืบเนื่อง...จากบวชเณร
สืบเนื่อง...จากบวชเณร
เปิดอ่าน 7,147 ☕ คลิกอ่านเลย

ไร้สาระ 3
ไร้สาระ 3
เปิดอ่าน 7,144 ☕ คลิกอ่านเลย

ทรงผมรับปริญญา
ทรงผมรับปริญญา
เปิดอ่าน 7,144 ☕ คลิกอ่านเลย

โครงการวิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัย (ทักษะการสังเกต-จัดหมวดหมู่)
โครงการวิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัย (ทักษะการสังเกต-จัดหมวดหมู่)
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

สพป.พระนครศรีอยุธยา เขต 2 ทำคลิป แนะนำขั้นตอนการสมัครครูผู้ช่วย ชมกันเลย
สพป.พระนครศรีอยุธยา เขต 2 ทำคลิป แนะนำขั้นตอนการสมัครครูผู้ช่วย ชมกันเลย
เปิดอ่าน 10,375 ครั้ง

ชมคลิป สถานทูตสหรัฐทำคลิปรับวันสงกรานต์
ชมคลิป สถานทูตสหรัฐทำคลิปรับวันสงกรานต์
เปิดอ่าน 11,496 ครั้ง

รวมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ การจัดซื้อจัดจ้างรูปแบบใหม่ (ฉบับรวม)
รวมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ การจัดซื้อจัดจ้างรูปแบบใหม่ (ฉบับรวม)
เปิดอ่าน 35,981 ครั้ง

วิธีคลายร้อนให้บ้านปูน
วิธีคลายร้อนให้บ้านปูน
เปิดอ่าน 3,993 ครั้ง

วิธีลดหน้าท้องแบบเร่งด่วน เห็นผลเร็วจนใคร ๆ ก็ต้องทัก
วิธีลดหน้าท้องแบบเร่งด่วน เห็นผลเร็วจนใคร ๆ ก็ต้องทัก
เปิดอ่าน 8,461 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ