เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2567 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศึกษาธิการ)เผยว่า ตามที่ กระทรวงศึกษาธิการ ได้ชี้แจงคำของบประมาณในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วาระที่ 1 ต่อสภาผู้แทนราษฎรไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยเฉพาะงบประมาณที่ต้องมีการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยในการบริหารการศึกษามากขึ้น ซึ่งเป็นการตอบโจทย์นโบาย เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา หรือ Anywhere Anytime โดยเฉพาะเรื่องหลักสูตร ที่จะต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ในเรื่องการจัดทำแพลตฟอร์ม เนื้อหาวิชาต่างๆ รวมถึงการจัดหาอุปกรณ์ให้กับนักเรียนด้วย ซึ่งงบประมาณในการจัดทำแพลตฟอร์ม เนื้อหาในการเรียนการสอน ถูกตัดไปค่อนข้างมาก และเป็นส่วนที่ศธ. คิดว่า สำคัญที่สุด หากถูกตัดไป ก็อาจกระทบกับการดำเนินการจัดทำเนื้อหาการเรียนรู้ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญ โดยศธ. ได้ขอรับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ ทุกที่ทุกเวลา จำนวน 7,644,068.100 บาท แต่ได้รับการจัดสรรเพียง 3,395,466.600 บาท ถูกตัดออกไปจำนวน 4,148,601.500 บาท ซึ่งงบถูกตัดไปส่วนใหญ่ จะเกี่ยวข้องกับการจัดทำแพลตฟอร์มและเนื้อหาการเรียน อย่างไรก็ตามอะไรที่ยังไม่เกิดอย่างพึ่งไปวิตกก่อนว่าจะต้องได้หรือไม่ได้ ก็หวังว่าสภาจะเห็นความสำคัญของการศึกษา และคิดว่าจะได้งบฯเพิ่มขึ้น ซึ่งตนได้มอบหมายให้นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ชี้แจงดำเนินการขอแปรญัตติ ก็หวังว่าสมาชิกผู้ทรงเกียรติจะให้ความกรุณา แต่ถ้าไม่ได้เพิ่มมาจริง ๆ เราก็ใช้ตามที่ได้จัดสรรไปก่อน
นอกจากนี้ รมว.ศึกษาธิการ ยังได้กล่าวถึง กรณี นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา กรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ออกมาระบุว่า ในปี 2566 มีเด็กออกกลางคันประมาณ 1.02 ล้านคน จากเดิมปีละ 5 แสนคน เนื่องจากหลายปัจจัย ทั้งสังคม การเมือง เศรษฐกิจ นั้น ว่า ตนได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ไปดูในระบบว่าเด็กหลุดจากระบบการศึกษา 2-3 ปีย้อนหลังมีจำนวนเท่าไร และให้นำตัวเลขมายืนยันกับตัวเลขในฐานของ กสศ.อย่างไรก็ตาม เราก็ไม่ทราบฐานข้อมูลของ กสศ.มาจากที่ไหนบ้าง มาเรียน หรือไม่มาเรียนที่ สพฐ.จำนวนเท่าไร ทั้งนี้ ศธ.ก็จะไม่ปล่อยปะละเลย โดยขณะนี้ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการเรียนรู้(สกร.)ว่า ถ้าโครงสร้างกรมส่งเสริมการเรียนรู้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ให้ สกร.เก็บข้อมูลคนที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษาอายุ 15-60 ปี ด้วย ซึ่งเป็นกลุ่มที่อยู่ในความรับผิดชอบของ สกร. ที่จะเติบเต็มให้คนกลุ่มนี้เข้าสู่การศึกษาตลอดชีวิต
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก FOCUSNEWS วันที่ 8 กรกฎาคม 2567