Advertisement
แม้ก่อนซื้อประกันรถจะมีการ สอบถามรายละเอียดประกันรถก่อนเสมอ แต่เมื่อถึงเวลาต้องซื้อประกัน เชื่อว่าหลายคนต่างคิดไม่ตก เพราะไม่รู้ว่าควรตัดสินใจเลือกประกันแบบไหนดี แต่ปัญหานี้จะหมดไป เพราะบทความนี้รวมมาให้แล้วว่าประกันรถมีกี่ชั้น แต่ละชั้นคุ้มครองอะไร แตกต่างกันอย่างไรบ้าง เลือกแผนที่เหมาะกับตัวเองได้แบบไม่พลาด
- ประกันรถชั้น 1 เมื่อดูความคุ้มครองรถยนต์แล้ว จะพบว่านี่คือประกันรถคุ้มครองครอบคลุมที่สุด ทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถผู้เอาประกันภัยและคู่กรณีแม้ผู้เอาประกันจะเป็นฝ่ายผิดก็ตาม รวมถึงยังคุ้มครองกรณีรถหาย รถน้ำท่วม และรถไฟไหม้ คุ้มครองเยอะขนาดนี้ แน่นอนว่าค่าเบี้ยประกันสูงกว่าประเภทอื่น ๆ เหมาะกับรถอายุไม่เกิน 7 ปี มือใหม่หัดขับ รวมถึงผู้ที่ใช้รถบ่อย ๆ หรือขับทางไกลเป็นประจำ
- ประกันรถชั้น 2+ ตัวเลือกสำหรับคนมองหาเบี้ยประกันราคาเบาลงมา ดูความคุ้มครองรถยนต์แล้วจะเห็นว่าใกล้เคียงประกันชั้น 1 มาก แต่เบี้ยประกันถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัด ความแตกต่างคือความคุ้มครองจะเกิดขึ้นเมื่อเป็นการชนแบบมีคู่กรณีเท่านั้น นั่นคือหากชนเสา ต้นไม้ กำแพง ฯลฯ ผู้เอาประกันต้องซ่อมเอง หรือหากเป็นการถูกชนแล้วหนีจะต้องแนบหลักฐานเพิ่ม เมื่อสอบถามรายละเอียดประกันรถแล้วจะพบว่าประกันประเภทนี้เหมาะกับคนขับรถชำนาญแล้ว และรถอายุมากกว่า 7 ปี

- ประกันรถชั้น 2 เมื่อดูความคุ้มครองรถยนต์ประกันชั้น 2 พบว่ายังคงคุ้มครองกรณีรถสูญหายและรถไฟไหม้ แต่หากเกิดการเฉี่ยวชนโดยผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิดจะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคู่กรณีเท่านั้น เหมาะกับคนขับรถชำนาญแต่ไม่ต้องใช้รถบ่อยหรือจำเป็นต้องจอดรถในที่เปลี่ยวบ่อย ใครไม่ชัวร์ว่าจะเลือกประกันชั้น 2+ หรือประกันชั้น 2 แนะนำให้ปรึกษาหรือเช็คประกันรถ กับ TQMก่อนว่าประกันแบบไหนใช่สำหรับคุณ
- ประกันรถชั้น 3+ ประกันรถที่คุ้มครองกรณีรถชนรถ หากผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิดจะคุ้มครองค่าเสียหายเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น หากสอบถามรายละเอียดประกันรถประเภทนี้จะพบว่าไม่คุ้มครองกรณีรถหาย รถไฟไหม้ เหมาะกับรถที่ไม่ค่อยใช้งานหรือรถอายุมากกว่า 10 ปี จุดเด่นคือค่าเบี้ยค่อนข้างถูก แต่ถึงค่าเบี้ยไม่แพงก็อย่าลืมดูแผนประกันรถยนต์ล่าสุดให้ละเอียดก่อนเสมอว่าตอบโจทย์ความต้องการจริงหรือไม่
- ประกันรถชั้น 3 หากนำกรมธรรม์ประกันรถแต่ละชั้นมาเทียบดูแผนประกันรถยนต์ล่าสุดแล้วจะพบว่านี่คือประกันรถที่มาพร้อมความคุ้มครองน้อยที่สุด ไม่คุ้มครองรถผู้เอาประกันทุกกรณีไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูก แต่จะคุ้มครองความเสียหายของคู่กรณี ความคุ้มครองไม่รวมกรณีรถหาย รถไฟไหม้ รถน้ำท่วม เหมาะกับรถที่ใช้งานน้อยมาก ๆ และด้วยความเป็นประเภทประกันคุ้มครองน้อยที่สุดจึงควรสอบถามรายละเอียดประกันรถให้แน่ชัดถึงมูลค่าความคุ้มครอง
สรุป
หลังจากสอบถามรายละเอียดประกันรถแล้ว จะเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ชั้นไหน สิ่งหนึ่งที่ได้รับเมื่อทำประกันภัยคือความสบายใจและขับขี่อย่างไร้กังวล ทางที่ดีควรเลือกให้เหมาะกับอายุรถและไลฟ์สไตล์การใช้รถของคุณ นอกจากนี้ เมื่อเช็คดูแผนประกันรถยนต์ล่าสุด จะเห็นว่านอกจากประกันแต่ละชั้นมีเงื่อนไขความคุ้มครองแตกต่างกันแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างคือมูลค่าความคุ้มครอง หากมูลค่าความคุ้มครองสูง แน่นอนว่าเบี้ยประกันจะสูงขึ้นตามไปด้วย ก่อนตัดสินใจซื้อประกันไม่ว่าจะชั้นไหน แนะนำให้เปรียบเทียบประกันรถรวมทุกบริษัทเสียก่อน จะได้ตอบโจทย์ความต้องการและงบประมาณในกระเป๋า
เครื่องฟอกอากาศ กรองฝุ่น PM2.5 Xiaomi Mi Smart Air Purifier 4 Pro (รับประกันศูนย์ไทย 1 ปี) ลดราคา 2%
เหลือ ฿8,790 เท่านั้น!https://s.shopee.co.th/3q7uiabIyT?share_channel_code=6
Advertisement
 เปิดอ่าน 15,691 ครั้ง  เปิดอ่าน 11,144 ครั้ง  เปิดอ่าน 9,288 ครั้ง  เปิดอ่าน 9,885 ครั้ง  เปิดอ่าน 11,818 ครั้ง  เปิดอ่าน 24,071 ครั้ง  เปิดอ่าน 17,126 ครั้ง  เปิดอ่าน 10,843 ครั้ง  เปิดอ่าน 8,279 ครั้ง  เปิดอ่าน 45,732 ครั้ง  เปิดอ่าน 70,496 ครั้ง  เปิดอ่าน 21,153 ครั้ง  เปิดอ่าน 36,420 ครั้ง  เปิดอ่าน 9,063 ครั้ง  เปิดอ่าน 14,590 ครั้ง  เปิดอ่าน 16,297 ครั้ง
|

เปิดอ่าน 16,332 ☕ คลิกอ่านเลย |

เปิดอ่าน 2,636 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 12,222 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 2,956 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 55,625 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 14,966 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 9,342 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ 
เปิดอ่าน 20,388 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 16,002 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 15,622 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 14,293 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 40,432 ครั้ง |
|
|