เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เร่งขับเคลื่อนนโยบายการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา ของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของครูและบุคลากรฯ โดยได้นำนโยบายสู่การปฏิบัติ เพื่อให้เป้าหมายสำคัญ 2 ส่วน ได้แก่ 1 ครูและบุคลากรทุกคน และ 2 นักเรียนทุกคน มีสภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น มีเงินเดือนเหลือสุทธิมากกว่าร้อยละ 30 พร้อมทั้งมีความรู้และทักษะด้านการเงิน เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาด้านการเงินด้วยตนเองอย่างยั่งยืน สามารถเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย มีอาชีพเสริม และดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถปฏิบัติหน้าที่ราชการได้อย่างดี มีประสิทธิภาพสูงตามแนวทาง “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” และทำให้สามารถดำเนินการนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ให้กับนักเรียนได้อย่างเต็มที่
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า ปัจจุบัน สพฐ. ได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ผ่านสถานีแก้หนี้ 245 แห่งทั่วประเทศ โดยร่วมมือกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูซึ่งมีครูและบุคลากรทางการศึกษากว่าร้อยละ 90 มีหนี้สินอยู่ และยังมีภาคเอกชนเข้ามาช่วย เช่น ทีม The Money Coach หรือ โค้ชหนุ่ม ได้ให้ความช่วยเหลือโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาบุคลากรหลักในการบริหารจัดการและสร้างความเข้มแข็งทางการเงินให้กับบุคลากรแกนนำ สพฐ. รวม 168 คนทั่วประเทศ ใน 2 หลักสูตร ได้แก่ “เสริมสภาพคล่องการเงินครู” และ “ครูไทยการเงินดีมีความสุข เกษียณสบาย” และที่สำคัญกำลังเร่งเปิดเวทีเจรจาลดดอกเบี้ยเงินกู้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูให้ไม่เกินร้อยละ 4.75 พร้อมทั้งกำชับ สพท. ทุกแห่งให้หักเงินเดือนแล้วต้องเหลือไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ตามกฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด
“สพฐ. ขอขอบคุณทุกภาคส่วนตั้งแต่นายกรัฐมนตรีที่เห็นความสำคัญในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของภาคประชาชน รวมถึงประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินประชาชนรายย่อย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ประธานกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ผู้อำนวยการสถานีแก้หนี้ ทีมโค้ชหนุ่ม และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทุ่มเท เสียสละ และเอาใจใส่ในการประสาน เจรจา แก้ปัญหา เพิ่มความสุข คลายทุกข์ พร้อมเล็งเห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของคุณครูและบุคลากรทุกคน ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพการศึกษาในภาพรวมของประเทศต่อไป” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
ด้าน ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา สพฐ. กล่าวว่า ที่ผ่านมา สพฐ. ได้เร่งเครื่องดำเนินการตามนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาในทุกมิติ ทำให้ปัจจุบันสามารถแก้ไขหนี้สินให้กับบุคลากร สพฐ. แล้วเสร็จ 680 ราย จากที่ลงทะเบียนไว้ 7,908 ราย มูลค่าหนี้ที่แก้ไขได้รวม 2,040 ล้านบาท ในส่วนความร่วมมือของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูที่ผ่านมาในรอบปีบัญชี 2566-2567 มี 37 สหกรณ์ที่เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแล้ว ส่งผลให้สมาชิกได้รับโอกาสกว่า 435,000 ราย และในปีบัญชี 2567 มีสหกรณ์ที่สามารถลดดอกเบี้ยได้ไม่เกินร้อยละ 4.75 ซึ่งจะมีผลเริ่ม 1 มิถุนายน 2567 นี้ ปัจจุบันมีการแสดงความจำนงอย่างเป็นทางการแล้ว 10 สหกรณ์ ได้แก่
- สอ.กำแพงเพชร
- สอ.นครศรีธรรมราช
- สอ.นครสวรรค์
- สอ.ประจวบคีรีขันธ์
- สอ.พิจิตร
- สอ.สระบุรี
- สอ.สุโขทัย
- สอ.เครือข่ายพัฒนาชีวิตครูแพร่
- สอ.อุทัยธานี
- สอ.กาญจนบุรี
ซึ่งจะส่งผลให้สมาชิกซึ่งเป็นครูและบุคลากร ทั้งข้าราชการประจำ ลูกจ้าง และข้าราชการบำนาญ กว่า 120,000 คน ได้รับโอกาสที่ดีทำให้ลูกหนี้มีสภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น และสามารถผ่อนชำระเงินกู้ให้หมดเงินงวดได้โดยเร็วขึ้น
ทั้งนี้ ในวันที่ 31 พฤษภาคม นี้ สพฐ. จะจัดเวทีสัมมนา “ส่งเสริมความร่วมมือและสร้างความเข้าใจการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา” ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อขอความร่วมมือและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาในทุกมิติ ทั้งด้านสวัสดิการและประโยชน์ของสมาชิกสหกรณ์และบุคลากรในสังกัดทุกคน โดย ดร.กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินประชาชนรายย่อย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารระดับสูง พร้อมคณะวิทยากร ได้แก่ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อัยการอาวุโส สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย ประธานกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาญจนบุรี จำกัด เป็นต้น ซึ่งได้รับการตอบรับเข้าร่วมงานจากผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในฐานะผู้อำนวยการสถานีแก้หนี้ 245 เขต และประธานกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูได้แจ้งลงทะเบียนแล้ว 50 กว่าแห่ง ผู้สนใจสามารถรับชมผ่านช่องทางออนไลน์ของ OBEC Channel ได้ตั้งแต่เวลา 09:00 น. ตลอดทั้งวัน
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก FOCUSNEWS วันที่ 23 พฤษภาคม 2567