ปี 67 ศธ.เข้มสอบโอเน็ตเน้นคุณภาพการศึกษาที่ดีขึ้น อย่าคิดว่าเป็นการบังคับ พร้อมเชิญชวนชาวศธ.ถวายความจงรักภักดี
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมประสานภารกิจกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของศธ. ว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องการขับเคลื่อนการจัดสอบการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รายงานให้ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการยกระดับผลประเมินสมรรถนะผู้เรียนตามมาตรฐานสากล หรือ PISA ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่มีการติดตามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในการส่งเสริมการเรียนรู้ สพฐ.จัดให้มีโครงการโรงเรียนพี่ โรงเรียนน้อง โดยให้โรงเรียนสายวิทยาศาสตร์ เช่น กลุ่มโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ต่าง ๆ เข้าไปช่วยดูแล เป็นพี่เลี้ยงเพื่อยกระดับการศึกษาของให้ใกล้เคียงกัน โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการPISA ที่จะมีการประเมินภาพรวมทั่วประเทศ ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการจัดสอบโอเน็ตนั้น ที่ผ่านมายังไม่มีการนำผลสอบไปใช้ประโยชน์ มากเท่าที่ควร โดยอาจให้นำผลสอบโอเน็ตมาใช้ประกอบการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือเกณฑ์ PA (ว 9/2564) และ เพื่อเป็นการดำเนินการตามนโยบาย Anywhere Anytime เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา โดยใช้เด็กเป็นศูนย์กลาง และเตรียมจัดให้มีระบบสอบเทียบ ดังนั้น จึงต้องมีการวัดผลที่ได้มาตรฐาน ซึ่งหากจะนำคะแนนโอเน็ตมาใช้ในการสอบเทียบ ก็จะต้องมีการปรับให้เป็น โอเน็ต+ หรือโอเน็ตพลัส โดยเพิ่มการจัดสอบให้ครบทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ หากใครที่ต้องการสอบเทียบและมีคะแนนโอเน็ต ใน 4 วิชาหลักอยู่แล้ว ก็มาสอบเพิ่มให้ครบ 8 กลุ่มสาระ
“สำหรับโอเน็ตพลัส จะมีการจัดสอบเพิ่ม จากเดิมสอบเพียง 4 วิชา คือ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ และ ภาษาอังกฤษ ซึ่งไม่ครบทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ หากใครต้องการนำคะแนนมาใช้ในการสอบเทียบและมีคะแนนโอเน็ต 4 วิชาเดิมอยู่แล้ว ก็มาสอบเพิ่ม เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ส่วนข้อสอบก็อาจจะปรับมาเน้นทักษะการคิด วิเคราะห์มากขึ้น คาดว่าจะเริ่มใช้ในปีการศึกษา 2567 อย่างไรก็ตาม การจัดสอบโอเน็ตครั้งนี้ ยังคงให้เป็นไปตามความสมัครใจ ไม่ใช่การบังคับ เพียงแต่ส่งเสริมให้มีการนำผลโอเน็ตไปใช้ประโยชน์มากขึ้น ซึ่งขณะนี้บางโรงเรียนก็มีการนำคะแนนโอเน็ตมาใช้ประกอบการเข้าเรียนต่อชั้นม.1 และม.4 อยู่แล้ว ยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ใช่การเพิ่มภาระให้นักเรียน แต่เป็นเรื่องการทดสอบ การฝึกทักษะ เพื่อให้รู้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพื่อนำผลมาใช้ในการพัฒนาการศึกษา ไม่อยากให้คิดว่า เป็นการบังคับ แต่ต้องทำให้เด็กเห็นว่า การสอบดังกล่าวมีประโยชน์ ได้รู้ตัวเอง ไม่ใช่มาสอบเพื่อให้ได้คะแนนดี แล้วโรงเรียนจะได้ประโยชน์ ไม่อยากให้ไปตั้งสมมติฐานว่า ต้องบังคับ เด็กถึงอยากมาสอบ แต่เพื่อให้รู้จุดอ่อน จุดแข็งของตัวเอง เพื่อพัฒนาการเรียนให้ดีขึ้น” พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวและว่า
นอกจากนี้ยังมอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ไปศึกษาว่าจะพัฒนาศึกษานิเทศก์ให้มามีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาได้อย่างไร รวมถึงกำชับให้ทุกหน่วยงาน ดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา และระเบียบ ศธ. ว่าด้วยการหักเงินเดือนบำเหน็จบำนาญข้าราชการเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้แก่สวัสดิการภายในส่วนราชการและสหกรณ์ พ.ศ.2551 โดยหน่วยงานต้นสังกัด จะต้องกำหนดหลักเกณฑ์การหักเงินเดือนทั้งเพื่อชำระหนี้เงินกู้และค่าใช้จ่ายอื่นใดของบุคลากรในสังกัด ให้มีเงินเดือนคงเหลือสุทธิเพื่อการดำรงชีพไม่น้อยกว่าร้อยละ 30ของเงินเดือน ขณะเดียวกันยังมีการตั้งสถานีแก้หนี้ และเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมาให้ความรู้ด้วย
พล.ต.อ. เพิ่มพูน กล่าวด้วยว่า เนื่องจากวันนี้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันวาเลนไทม์ วันแห่งความรัก แต่ความรักของเรากระทรวงศึกษาธิการเป็นความรักสีม่วง เป็นการที่เราได้แสดงออกให้เห็นว่า พวกเราชาวกระทรวงศึกษาธิการ มีความรักและความจงรักภักดีที่เรามีต่อ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพราะสีม่วงเป็นสีประจำพระชนมวารของพระองค์ และพระองค์ท่านทรงมีพระเมตตาต่อวงการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจะเห็นว่าวันนี้บุคลากรในหน่วยงานสังกัดและในกำกับศธ.สวมใส่เสื้อสีม่วงมาปฏิบัติงานกัน และบุคคลที่เกี่ยวข้องที่เป็นญาติพี่น้องกันก็บอกกันว่าผู้ใดมีความจงรักภักดีต่อ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็แสดงออกให้สังคมเห็นได้ว่าพวกเรามีความรักและเทิดทูลพระองค์ท่านอย่างไร
“นอกจากนี้ ผมได้เน้นย้ำในที่ประชุมว่า เนื่องจากปีนี้เป็นปีมหามงคลในโอกาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 ก.ค.2567 ตนจึงได้นำข้อสั่งการของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง มาชี้แจงในที่ประชุมว่าในวันจันทร์ ขอความร่วมมือและขอเชิญชวนบุคลากรของศธ.ในการใส่เสื้อสีเหลืองมาปฏิบัติงาน และขอให้มีการประดับธงชาติไทยและธงตราสัญลักษณ์ ภปร ตามนโยบายรัฐบาลด้วย” รมว.ศึกษาธิการกล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก FOCUSNEWS วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567